อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่295 ถูกเสด็จพ่อหัวเราะเยาะ
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่295 ถูกเสด็จพ่อหัวเราะเยาะ
หยุนหว่านหนิงตกใจจนตัวสั่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว และรีบเงยหน้ามองไปข้างหลังโม่เยว่
โม่เยว่ไม่มีความคิดที่จะมาพลอดรักกันอีกต่อไป และหันหัวไปอย่างช่วยไม่ได้…… “เสด็จพ่อ ลูกทำล่วงเกินท่านตรงไหนหรือเปล่า?”
ประตูข้างหลังพังลง
ในขณะนี้ โม่จงหรานและคนอื่นๆกำลังนอนคว่ำทับกันอยู่บนแผงประตู
เพราะแอบฟัง โม่จงหรานอยู่หน้าสุด โดยอุ้มหยวนเป่าน้อยไว้ในอ้อมแขน
ข้างหลังคือหรูอวี้ หรูโม่และหรูเยียน……
เมื่อประตูห้องล้มลง โม่จงหรานก็ถูกทับไว้ด้านล่างสุด!
แต่วินาทีที่ล้มลง เขาก็รีบปกป้องหยวนเป่าไว้อย่างไวมือไวตีน
เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยของโม่เยว่ โม่จงหรานก็หัวเราะเยาะเย้ย “พวกเจ้าเอาต่อ พวกเจ้าเอาต่อ!เมื่อครู่พวกข้าไม่ได้ยินและไม่เห็นอะไรเลย!”
“แต่เจ้าเจ็ด เมื่อครู่เจ้าท่องเรียงความได้ราบรื่นดีนัก เขียนได้ดี!”
โม่เยว่:“……”
เดิมทีเป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาสองคน
แม้ว่าจะยอมรับผิด เขียนจดหมายขอโทษ ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจ ก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีระหว่างสามีภรรยา
คราวนี้เป็นไงล่ะ
บรรยากาศถูกทำลาย แถมยังถูกเสด็จพ่อหัวเราะเยาะเย้ยอีก!
คืนนี้เขาเสียหน้าไปหมดแล้ว!
หากเป็นคนอื่น เขาสามารถตัดลิ้นเขาแล้วเอาไปให้สุนัขกิน ทำให้เขาพูดไม่ได้……ไม่ได้ หนิงเอ๋อร์บอกว่า ห้ามโหดเหี้ยมเช่นนี้!
โม่เยว่หายใจเข้าลึก ๆ
แต่คนที่หัวเราะเยาะเขากลับคือเสด็จพ่อของเขาอีก!
โม่เยว่ยังจะสามารถทำอะไรได้อีก?
ทำได้เพียงกัดฟันยอมรับมัน!
“ใช่นายท่าน พวกข้าก็แค่เดินผ่านที่นี่เองขอรับ”
หรูอวี้ไม่รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร จึงหัวเราคิ คิตาม “พวกข้าไม่เห็นอะไรเลย พวกท่านเอาต่อ”
โม่จงหรานที่ถูกทับจนแบน ขมวดคิ้วและตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ลุกขึ้นอีก?!”
หรูอวี้และคนอื่น ๆ จึงค่อยตระหนักได้ว่าโม่จงหรานเป็นที่รองให้กับพวกเขา……
ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อกันหมด!
รีบลุกขึ้น และหัลงจากพยุงโม่จงหรานกับหยวนเป่าขึ้นมา ทั้งสามคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน “ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะ! ข้าน้อยรู้ผิด……”
แอบฟังเพลินเกินไป ประตูล้มลงก็ยังไม่รู้ว่าโม่จงหรานถูกทับอยู่ด้านล่างสุด!
ทุกคนตื่นตระหนก
คราวนี้ โม่เยว่และหยุนหว่านหนิงหยุดคิดเรื่องในใจเลย
เขาลุกขึ้น “เสด็จพ่อ……”
“ไอ้พวกสารเรว”
โม่จงหรานปัดฝุ่นออก และอุ้มหยวนเป่าไว้ในอ้อมแขน “ข้าจะกล่อมหยวนเป่านอนแล้ว พวกเจ้าอยากคุกเข่า ก็คุกอยู่ตรงนี้ซะ?”
“เสด็จพ่อ หยวนเป่านอนตรงนี้ ท่านจะอุ้มไปไหน?”
เมื่อเห็นว่าโม่จงหรานอุ้มหยวนเป่าแล้วจะจากไป หยุนหว่านหนิงก็รีบตะโกน
โม่จงหรานเกาหัวอย่างเขินอาย “ข้าอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากกับหยวนเป่าสุดที่รัก”
“หยุนหว่านหนิง เจ้าเจ็ด คืนนี้ยืมหยวนเป่าให้ข้าหนึ่งคืนได้หรือไม่?”
เขาจะพาหยวนเป่ากลับไปที่วัง ปู่กับหลายสองคนนอนที่ตำหนักฉินเจิ้งหนึ่งคืน……
“แค่คืนเดียวก็พอ!”
กลัวว่าหยุนหว่านหนิงพวกเขาจะปฏิเสธ โม่จงหรานพูดอย่างน่าสงสารว่า “ไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง ข้าไม่เห็นหยวนเป่ามาครึ่งเดือนแล้ว ก็เหมือนกับผ่านสามฤดูใบไม้ร่วงไปอย่างนับไม่ถ้วน……”
“ข้ารับประกันว่า จะไม่ให้ใครเห็นหยวนเป่าอย่างแน่นอน”
“พรุ่งนี้เช้าก่อนรุ่งสาง ข้าก็ส่งเขากลับมาด้วยตัวเองเลย ได้หรือไม่?”
นี่เป็นครั้งแรกที่โม่เยว่เห็นท่าทางที่น้อยใจและน่าสงสารเช่นนี้ของเสด็จพ่อ……
เขาใจอ่อน และหันไปมองหยุนหว่านหนิง
“ไม่ได้”
หยุนหว่านหนิงส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “เสด็จพ่อ สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่มั่นคง หากตัวตนที่แท้จริงของหยวนเป่าถูกแพร่ไหลออกไป เกรงว่าคงจะทำให้เกิดความโกลาหล……”
ยังจะมาส่งหยวนเป่ากลับมาโดยตนเอง
โม่จงหรานไม่มาส่งเองยังดีกว่า
หากคนอื่นเห็นเข้า คงทำให้คนอื่นยิ่งสงสัยกว่าเดิมสินะ?
เพราะคนเดียวที่สามารถให้ฝ่าบาทไปส่งและปกป้องด้วยตัวเองนั้น ในใต้หล้านี้ก็มีเพียงไทเฮากู้เท่านั้นแหละมั้ง!
“ก็ได้”
โม่จงหรานหายใจเข้าลึกๆ ทำได้เพียงวางหยวนเป่าลง และหมอบลงตรงหน้าเขา “โธ่”
หากเขาอยากพาหยวนเป่าไปจริง ใครก็ห้ามเอาไว้ไม่ได้
แต่เมื่อหยุนหว่านหนิงพูดถึงความปลอดภัยของหยวนเป่าทีไร……ใครให้เขาเป็นจักรพรรดิที่รักหลานเหมือนดั่งชีวิตของตัวเองล่ะ?
โม่จงหรานเลือกที่จะประนีประนอม
“หยวนเป่าสุดที่รัก เจ้าไว้ใจ เสด็จปู่จะคอยหาเวลาออกวังมาดูเจ้าอย่างแน่นอน! ในอนาคต เสด็จปู่จะพาเจ้าไปตลาดกลางคืนเดินอีกดีหรือไม่?”
คืนนี้ปู่และหลานเล่นอย่างสนุกสนาน!
“อืม เสด็จปู่ หลานจะรอท่าน!”
หยวนเป่าก็ไม่เต็มใจกับการอาลัยอาวรณ์ที่จะจากกัน และหอมแก้มเขาอย่างแรง “เสด็จปู่ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
โม่จงหรานน้ำตาคลอ อยากจะร้องไห้
เด็กคนนี้ อุ่นใจเกินไปแล้ว!
“อืม”
เขาก็จูบหยวนเป่า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “ข้าก็ควรกลับวังแล้ว!”
วันนี้บอกไว้ว่าจะออกวังเพื่อไปเยี่ยมหยุนหว่านหนิง แต่กลับเล่นกับหยวนเป่าอย่างสนุกสนานไปทั้งคืน……
เต๋อเฟยคงโกรธมาแล้วสินะ?
โม่จงหรานอะแฮ่มเบาๆ และกำลังจะพูด ลุงเว่ยก็พาซูปิ่งซ่านเข้ามาแล้ว
“ฝ่าบาท! นี่ยามไหนแล้ว ท่านควรกลับวังแล้ว!”
ซูปิ่งซ่านเหมือนผู้หญิงที่จู้จี้ขี้บ่นอย่างไม่รู้จบ เต๋อเฟยเหนียงเหนียงโกรธมาก เหลือแต่ไม่ได้รื้อถอนตำหนักหย่งโซ่วออกเท่านั้น! บ่าวก็รับมือไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าบาท รีบเสด็จกลับวังเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”
โม่จงหรานเม้มปาก “ซูปิ่งซ่าน ตกลงเจ้าเป็นหัวหน้าขันที หรือเป็นนางสนมของข้า?”
ความสามารถในการบ่นพึมพำไม่หยุด พูดเจื้อยแจ้วนี้ เก่งยิ่งกว่าเต๋อเฟยอีก!
“แน่นอนว่าบ่าวต้องเป็นหัวหน้าขันทีของฝ่าบาทอยู่แล้ว!”
ซูปิ่งซ่านเหงื่ออาบเต็มหน้า “แต่ฝ่าบาท หากท่านยังไม่เสด็จกลับวังอีก เกรงว่าเต๋อเฟยเหนียงเหนียงคงจะ……”
“อืม ข้ารู้แล้ว!”
โม่จงหรานโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ หยุดคำพูดของซูปิ่งซ่าน “ข้ากลับวังเดียวนี้ ได้หรือยัง!”
เมื่อครู่ เขายังหัวเราะเยาะกับที่ลูกชายท่องเรียงความได้อย่างราบรื่น และเขียนได้ดีนัก
แต่ไม่รู้ว่าหลังกลับวังไป เขาก็จะเตรียมต้องเตรียมเรียงความสั้นๆ……ซูปิ่งซ่านจะพูดอะไรต่อ โม่จงหรานจะเดาออกได้อย่างไร?!
เมื่อครู่พึ่งหัวเราะเยาะโม่เยว่ไป
หากไม่รีบออกไป ก็คงถึงเวลาที่ลูกชายจะหัวเราะเยาะเขาแล้ว!
โม่จงหรานไม่มีใจสนว่าจะจูบหยวนเป่าอีกสองสามครั้งหรือไม่ ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
หรูอวี้และคนอื่นๆ คุกเข่าลงบนพื้นอย่างใจจดใจจ่อ
โม่เยว่มองดูประตูห้องที่ล้มอยู่บนพื้น ก้าวไปข้างหน้าและอุ้มหยวนเป่าไว้ในอ้อมแขน และพูดกับทั้งสามคนว่า “ชอบคุกเข่าเช่นนี้ ก็คุกเข่าทั้งคืนเลยซะ”
หรูอวี้และอีกสองคนน้อยใจ
คนที่แอบฟังมีห้าคน
ท่านพ่อคนหนึ่ง ลูกชายคนหนึ่ง และบริวารสามคน
ท่านพ่อกลับวังไปแล้ว ลูกชายอุ้มอยู่ในอ้อมแขน
สงสารพวกเขาบริวารทั้งสามคน……ทัศนคติที่นายท่านมีต่อพวกเขา เย็นชาราวกับฤดูหนาวที่เหน็บหนาว……
หยวนเป่าจับแขนเสื้อของโม่เยว่ กะพริบตาอันโตสีดำและสว่างของเขา “พ่อปลอม เสด็จปู่กลับวัง จะถูกทุบตีหรือไม่?”
โม่เยว่:“ใครกล้าตีเสด็จปู่เจ้า?”
“เต๋อเฟยสด็จย่าไง!”
หยวนเป่าแก่แดด ทำท่าทางเหมือน “ข้ารู้ทุกอย่างมานานแล้ว”
โม่เยว่:“……อาจจะ โดนมั้ง?”
หากเป็นคนอื่น จะไม่กล้าแตะต้องโม่จงหรานแม้แต่นิ้วเดียวแน่นอน
แต่คนคนนี้คือเต๋อเฟย สถานการณ์ค่อนข้างแตกต่างออกไป
ตำหนักหย่งโซ่วในเวลานี้ เงียบสงบ
โม่จงหรานยืนอยู่นอกประตู และถามอย่างกระวนกระวายว่า “ทำไมด้านในนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลย?เต๋อเฟยจะซ่อนตัวอยู่หลังประตูอยู่หรือเปล่า พอข้าเข้าไป ก็เอาไม้ตีข้า?”
ซูปิ่งซ่านเกาหัว: “ฝ่าบาท ไม่น่าเป็นไปได้มั้ง?”
“ข้าเชื่อเจ้าครั้งหนึ่ง!”
โม่จงหรานชำเลืองมองเขา “หากเต๋อเฟยตีข้า ข้าก็จะตีเจ้า!”
ซูปิ่งซ่าน:“……”
ทำไมคนที่โชคร้ายต้องเป็นเขาตลอด!
ฝ่าบาทกับเต๋อเฟยเป็นรักแท้ และเขาก็เป็นคนรับบาดเจ็บ!
โม่จงหรานสงบสติอารมณ์ หายใจเข้าลึกๆ และสั่งให้ซูปิ่งซ่านว่า “เปิดประตู!”