อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่312 การโจมตีของฉินซื่อเสวีย
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่312 การโจมตีของฉินซื่อเสวีย
หยุนธิงหลานคิดว่า หยุนหว่านหนิงจะช่วยนางแก้แค้น
นางจ้องเขม็งแม่นมคนนั้น ทำท่าเหมือน ‘เจ้าตายแน่’
แม่นมใจสั่น พูดเสียงสั่นว่า “ไม่ทราบว่าพระชายาหมิงมีเหตุอันใด ข้าจะ จะตอบทุกอย่างเจ้าค่ะ……”
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป แค่คำถามไม่กี่คำถามเท่านั้น”
หยุนหว่านหนิงยื่นมือไปตบไหล่ของนาง
แม่นมขาอ่อน เกือบโดนนางตบทรุดลงไปกับพื้น
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว? เป็นแม่นมของจวนอ๋อง? หรือเป็นคนของตระกูลฉิน? เจ้าอยู่กับฉินซื่อเสวียมากี่ปีแล้ว?”
ทุกคำถามล้วนเกินขอบเขตของตัวแม่นม
นางไม่คิดว่า พระชายาหมิงจะมาถาม ‘ประวัติส่วนตัว’ ของนาง
ยังไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ก็ได้ยินหยุนหว่านหนิงถามต่อว่า “เจ้าได้เงินเดือนละเท่าไหร่? มีครอบครัวไหม?”
แม่นม: “……”
นางสมองเบลอไปหมดแล้ว
พระชายาหมิงคิดจะทำอะไรกันแน่?
ไม่ให้โอกาสนางได้ตอบคำถาม หยุนหว่านหนิงก็ตบไหล่ของนาง “ไม่เป็นไร ข้าแค่ถามเอง”
แม่นมใจสั่นไปหมด
นี่เรียกว่าแค่ถามเหรอ?
พระชายาหมิงคงไม่ได้อยากถามครอบครัวนาง แล้วฆ่าพวกเขาทั้งหมดหรอกนะ?!
แม่นมขาอ่อน คุกเข่าลงตรงหน้านาง “พระชายาหมิงโปรดไว้ชีวิตด้วย! ครอบครัวข้ามีทั้งคนแก่และเด็กน้อย……”
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าเสียหน่อย เจ้าจะขอร้องทำไม?”
หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว
หยุนธิงหลานถือชุดแต่งงานแล้วพูดแทรกพวกนาง “พี่ใหญ่ ตอนนี้พี่ช่วยข้าคิดหน่อยสิ!”
“ข้าจะทำยังไงดี!”
นางมองดูชุดแต่งงานแล้วก็ลำบากใจ “นี่เป็นชุดแต่งงานของพระชายา และเป็นสีแดงสดด้วย ข้าจะใส่ได้ยังไง?”
“แต่ถ้าไม่ใส่ ข้าก็ต้องอับอายขายขี้หน้าน่ะสิ!”
ยังไง ฉินซื่อเสวียออกโจทย์ยากให้นาง!
ถ้าใส่ชุดแต่งงานนี้ ก็จะโดนประณามว่า ‘ทำตัวเกินกว่านาย จิตใจไม่ซื่อ คิดจะแย่งตำแหน่งพระชายา’
ไม่เพียงแต่เป็นศัตรูกับฉินซื่อเสวียแบบเปิดเผย ถ้าทั้งเมืองรู้เรื่องนี้เข้า อย่าว่าแต่โม่หุยเฟิงจะโกรธหรือเปล่า ฮองเฮาจ้าวรู้อาจจะไม่ปล่อยนางไปก็ได้!
แต่ถ้าไม่ใส่
จะให้นางใส่ชุดสีชมพูมุ้งนั้นออกไปเหรอ?
ตอนนี้ก็เลยเวลามงคลไปแล้ว ถ้าใส่ชุดแบบนี้ออกไป ต่อไปนางจะเจอคนอื่นยังไง?!
หยุนธิงหลานลำบากใจ
นางเหมือนนักโทษที่ถูกต้อนจนมุม
ข้างหน้าเป็นหน้าผา ข้างหลังเป็นทหารที่ไล่ตามมา……
หยุนหว่านหนิงมือเท้าคาง เหมือนกำลังครุ่นคิด
นางไม่สนใจว่าหยุนธิงหลานจะเป็นยังไง และไม่สนใจว่านางจะโดนประณามไหม แต่ครั้งนี้ ฉินซื่อเสวียรู้ว่านางอยู่ในจวนกั๋วกงด้วย……
นางไม่เพียงแต่จะกลั่นแกล้งหยุนธิงหลาน และยังต่อกรกับนางด้วย!
หยุนหว่านหนิงไม่อยากปกป้องหยุนธิงหลาน
แต่นางจะโดนฉินซื่อเสวียเหยียบไว้ไม่ได้!
คิดไปคิดมาแล้ว หยุนหว่านหนิงก็หยิบชุดแต่งงานขั้นมา “ใส่สิ! ทำไมจะไม่ใส่?!”
นางกอดกล่องผ้าไหมไว้ ลากหยุนธิงหลานเข้าไปในห้อง แล้วสั่งแม่นมคนนั้นว่า “รออยู่ข้างนอก! เลยเวลามงคลมาแล้ว จะชักช้าอีกไม่ได้”
สักพัก หยุนธิงหลานก็เปลี่ยนชุดแต่งงานเดินออกมา
แต่นอกชุดแต่งงานสวมชุดแต่งงานมุ้งสีชมพูทับไว้……
เป็นชุดแต่งงาน ‘สีชมพูบางเฉียบ’ ที่ฉินซื่อเสวียสั่งให้คนส่งมาก่อนหน้านั้น
หยุนธิงหลานมองนางอย่างไม่สบายใจ “พี่ใหญ่ ข้าใส่แบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?”
“ฉินซื่อเสวียจะไม่เอาเรื่องนี้มาต่อกรกับข้าใช่ไหม?”
หยุนหว่านหนิงผลักนางเข้าไป “กลัวอะไร? นางกล้าส่งมาให้ เจ้าก็ต้องกล้าใส่! นางส่งมาสองชุด เจ้าก็ใส่มันสองชุดไปเลย!”
“ไปสิ! ไปให้ฉินซื่อเสวียดูว่าเจ้าเก่งแค่ไหน!”
หยุนธิงหลาน: “……พี่ใหญ่ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพี่กำลังหัวเราะเยาะข้าอยู่?”
“ไม่หรอก ข้ากำลังให้กำลังใจเจ้าต่างหาก!”
หยุนหว่านหนิงปรบมือ สั่งลู่โย่วว่า “แต่งหน้าให้คุณหนูของเจ้าหน่อย”
“สั่งคนที่อยู่ข้างนอก เตรียมรับเจ้าสาว!”
หยุนธิงธิงคล้องแขนของนาง จ้องมองชุดแต่งงานของหยุนธิงหลานอย่างสงสัย
แม่นมคนนั้นก็รู้สึกแปลกๆ
นางจ้องมองหยุนธิงหลานตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ก็ไม่รู้ว่าตรงไหนแปลก จึงต้องเกาหัวแกรกๆยืนอยู่จ้างๆ ในใจก็รู้สึกร้อนรนมาก
ได้ยินว่าเจ้าสาวจะออกไปแล้ว——
ออกมาได้สักทีนะ!
ข้ารับใช้สองจวนที่ยื้ออยู่หน้าบ้านทั้งวัน ต่างก็เข้าไปเตรียมตัวกัน
ประทัด เสียงกลอง ขบวนขันหมาก ต่างก็ยืนรออยู่หน้าประตู
หยุนธิงหลานคลุมผ้าสีชมพูบนหัว ลู่โย่วก็ประคองนางออกจากบ้าน
ออกเรือนเป็นภรรยาเอก ก่อนเข้าบ้านสามี สองเท้าจะโดนพื้นไม่ได้
ไม่ก็มีพี่ชายน้องชายช่วยแบกออกจากบ้าน ไม่ก็สามีอุ้มออกไป
ตอนนั้นที่หยุนหว่านหนิงแต่งงาน ถึงแม้โม่เยว่จะไม่อยากแค่ไหน ก็ต้องทำตามคำสั่งไทเฮากู้ อุ้มหยุนหว่านหนิงขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
แต่หยุนธิงหลานเป็นพระชายารอง เป็นอนุภรรยา
หยุนเจิ้นซงมีลูกชายคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เพิ่งจะสี่ขวบ จะแบกหยุนธิงหลานออกไปก็ไม่ไหว……
นางจึงต้องเดินออกไปเองทีละก้าว
หยุนเจิ้นซงไม่รอนางมาคุกเข่าคารวะ ก็หาข้ออ้างว่าไม่สบายแล้วเข้าไปพักผ่อนในห้อง งานต้อนรับแขกยังไม่อยากต้อนรับเลย
ใครจะดูไม่ออกบ้างว่า เขาจะขีดเส้นแบ่งกับหยุนธิงหลาน?!
ตั้งแต่ที่เขาขีดเส้นแบ่งกับโม่หุยเฟิงแล้ว ก็ประจบโม่เยว่ใหญ่
ตอนนี้ ในเมื่อหยุนธิงหลานจะแต่งเข้าจวนอ๋องสาม สำหรับลูกสาวคนนี้ หยุนเจิ้นซงก็ต้องออกห่างจากนาง เพื่อพิสูจน์ว่า เขา ‘ภักดี’ ต่อโม่เยว่!
เพราะยังไง ในค่ายของโม่เยว่ เขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ที่ไม่มีส่วนร่วมใดๆ
ขนาดประตูของค่ายเสินจี เขายังเข้าไม่ได้เลย……
ถึงแม้เสียงกลองจะดังกึ่งก้องแค่ไหน เสียงประทัดจะดังจนหูแตกแค่ไหน หยุนธิงหลานก็ยังรู้สึกตัวเองโดดเดี่ยวอยู่ดี
นางยืนอยู่นอกเกี้ยวเจ้าสาวสักพัก แล้วเดินขึ้นไปโดยไม่มองกลับไปอีก
เพิ่งขึ้นไปบนเกี้ยว เสียงดนตรีก็เปลี่ยนไป
เหมือนเพิ่งมีคนตาย
แต่ไม่นาน ก็กลับมาเป็นดนตรีที่รื่นเริง
หยุนธิงหลานนั่งอยู่ภายในเกี้ยวเจ้าสาว โกรธจนกัดฟันกรอด นางจะไม่รู้ได้ยังไง หากออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว สิ่งที่นางต้องเจอในอนาคต ก็คือการท้าทายและการข่มขู่ของฉินซื่อเสวีย?!
แต่ว่า นางจะต้องรวบรวมความกล้าสู้กลับไป!
เรื่องชุดแต่งงานในครั้งนี้ นางกับฉินซื่อเสวียถือว่าเปิดศึกกันแล้วล่ะ!
เกี้ยวเจ้าสาวถูกยกเข้าไปในจวนอ๋องสาม
หยุนหว่านหนิงกับหยุนธิงธิงก็ตามไปดูด้วย
เดิมทีโจวหยิงหยิงไม่อยากไว้หน้าจวนอ๋องสาม แต่พอได้ยินว่าหยุนหว่านหนิงก็ไปเหมือนกัน นางก็รีบวิ่งจากบ้านตระกูลโจวมาที่จวนอ๋องสามทันที
พวกนางสามคนยืนอยู่ตรงมุม มองดูหยุนธิงหลานเดินข้ามเตาถ่านอั้งโล่
จากนั้นก็เดินเข้าไปในประตู คุกเข่าคารวะและยื่นชาให้โม่หุยเฟิงกับฉินซื่อเสวีย
โจวหยิงหยิงใช้ศอกกระทุ้งตัวหยุนหว่านหนิง “นางต้องคุกเข่าคารวะและยกชาให้พวกเราด้วยหรือเปล่า?”
“อืม เหมือนจะมีธรรมเนียมนี้อยู่นะ”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้า
แต่ทั้งสองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่
เพราะยังไงในบรรดาท่านอ๋อง โม่หุยเหยียนกับโม่หุยเฟิงยังมีผู้หญิงคนอื่น แต่ยังไงก็เป็นงานแต่งที่ฝ่าบาทรับสั่งมาให้แต่งพระชายารอง โม่หุยเฟิงเป็นคนแรกที่ได้รับ
ส่วนโม่ฮั่นอี่ร์กับโม่เยว่ ในจวนนอกจากพระชายาแล้ว ก็ไม่มีผู้หญิงอื่นอีกเลย
ธรรมเนียมนี้ หยุนหว่านหนิงก็เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครปฏิบัติ
“ธรรมเนียมเก่าแล้วล่ะ แต่ถ้าให้ข้าดื่มชาจากนาง ข้าคงไม่ดื่มหรอก”
โจวหยิงหยิงกระซิบข้างหูนางเบาๆ “ผู้ชายตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงอื่นต่อหน้าต่อตา ใครจะไม่โกรธบ้างล่ะ?”
“แต่เจ้าดูฉินซื่อเสวียสิ เหมือนดีใจมากเลยนะ! เตรียมของขวัญให้หยุนธิงหลานด้วย? จึ๊ๆ ช่างใจกว้างจริงๆ!”
“ดีใจ? นางยิ้มที่ซ่อนด้วยมีดนะ”
หยุนหว่านหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารอดูเถอะ เดี๋ยวหลังจากนี้จะมีเรื่องสนุกให้ดูอีกเยอะเลย!”
เป็นไปตามที่นางคิดไว้ นางพูดจบ ก็เห็นฉินซื่อเสวียเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน โจมตีหยุนธิงหลานทันที……