อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่435 ควรขอบคุณลุงซ่ง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่435 ควรขอบคุณลุงซ่ง
โม่เยว่เดินย่องเข้ามาเงียบๆ
แต่ใครจะรู้ว่าเพิ่งเปิดประตู ก็เห็นหยุนหว่านหนิงนั่งอยู่บนเตียงหันหลังให้ประตู ไหล่สั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังร้องไห้อยู่
หยวนเป่ากำลังก้มหน้า มองหินในมือของเขาอย่างตั้งใจ
บนหินมีเส้นวาดของเขา
โม่เยว่อึ้งไปสักพัก
เขาคิดว่าหยุนหว่านหนิงเห็นหินพวกนี้แล้วจะวางไว้ที่เดิม แต่ไม่คิดว่านางจะเอาติดตัวมาด้วย……ไม่รู้ว่านางเอาหินไปยัดไว้ไหน
โดยรวมแล้วตลอดทั้งทาง โม่เยว่อุ้มนางแต่กลับไม่รู้ว่าเลยว่า บนตัวของนางมีก้อนหินอยู่!
หินพวกนี้ก็มีสิบกว่าก้อน หนักอยู่นะ!
นางยัดไว้ในแขนเสื้อ หินก็หายไปแล้ว?!
น่าแปลกใจจริงๆ!
สำหรับหยุนหว่านหนิงแล้ว เขามองนางไม่ออกเลย
รู้สึกว่าถึงแม้นางจะยืนอยู่หน้าตัวเอง แต่ระหว่างสองคนก็มีเส้นกั้นบางๆอยู่
บนตัวของนางเหมือนมีผ้าบางๆคลุมไว้ เขาเห็นนางแต่กลับแตะต้องนางไม่ได้……เขากลัวว่าวันหนึ่ง เขาจะจับนางไว้ไม่ได้!
“หนิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้วเหรอ?”
โม่เยว่ทำใจให้ร่ม แล้วเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ”
หยวนเป่าเงยหน้าแล้วยื่นหินให้เขา “ท่านพ่อดูนี่สิ ข้าวาดสวยไหม?”
“สวยมาก!”
โม่เยว่เอ่ยชมเขา
หยุนหว่านหนิงก็เช็ดน้ำตาแล้วหันกลับมา
ขอบตาของนางยังคงแดงก่ำ น้ำตายังไม่เหือดแห้ง แต่นางก็เก็บอารมณ์ความเจ็บปวดไว้ แล้วฝืนยิ้มออกมา “เจ้าไปไหนมาเหรอ?”
นางไม่อยากแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาต่อหน้าหยวนเป่า
นางเป็นแม่ อยากให้ลูกชายเห็นแต่ด้านที่มีความสุขและคิดในแง่ดีของนาง
สตรีอ่อนแอ หากเป็นแม่ก็จะแข็งแกร่ง
หลายปีมานี้ นางก็เหมือนคนแกร่งที่สู้ไม่ถอย
เจอปัญหาอะไรก็จะรับมือในแง่บวกเสมอ น้อยครั้งที่จะเปิดเผยความคิดด้านลบออกมา เพราะหยวนเป่าได้รับการกระทบจากนาง ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็จะรับมือในแง่บวกเสมอ
“อยู่ข้างนอกห้องตลอด ไม่ได้ไปไหนเลย”
โม่เยว่เห็นขอบตาแดงก่ำของนาง ก็เช็ดน้ำตาที่หางตาให้นางอย่างปวดใจ
“ใช่สิ ท่านพ่อ ท่านแม่”
หยวนเป่าเงยหน้าขึ้นพูดอย่างจริงจัง “ครั้งนี้ที่ข้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกท่านยังต้องขอบคุณอีกคนนะ!”
“ใครเหรอ?”
โม่เยว่ไม่เข้าใจ
หยุนหว่านหนิงก็ตั้งใจฟังเขา
ได้ยินหยวนเป่าพูดชื่อออกมา “ลุงซ่ง”
“ทำไมล่ะ?”
โม่เยว่ขมวดคิ้ว น้ำเสียงดูจะไม่พอใจเอามากๆ “ข้าไม่เห็นว่าเขาจะตามหาเจ้าเลยนะ”
หยุนหว่านหนิงก็ขมวดคิ้ว
แต่ความคิดของนางแตกต่างจากโม่เยว่
ตั้งแต่วันที่โม่เยว่เกินเรื่อง ซ่งจื่ออวี๋ก็หายตัวไป ทั้งเมืองไม่เห็นตัวเขาเลย และไม่ได้กลับภูเขาหยุนอู้ด้วย
หรือว่า เขา……
“ลุงซ่งคอยปกป้องข้าตลอดทาง”
เห็นโม่เยว่ขมวดคิ้ว เขาก็พูดอย่างไม่พอใจ “ท่านพ่ออย่าคิดในแง่ร้ายกับลุงซ่งสิ?!”
“ถึงแม้ลุงซ่งจะไม่ได้แสดงต่อหน้าท่านพ่อ แต่ตลอดทั้งทางลุงเขาก็คอยปกป้องข้างตลอด”
หยวนเป่าพูดแทนซ่งจื่ออวี๋ “ถ้าหากไม่มีลุงซ่ง ตอนนี้พวกท่านก็ยังหาข้าไม่เจอหรอก”
กลัวโม่เยว่ไม่เชื่อ หยวนเป่าก็หันไปมองหยุนหว่านหนิง
เขาจับมือของนางไว้ แล้วพูดอย่างใจเย็น “ท่านแม่ ชายร่างใหญ่ลุงชั่วคนนั้นพาอ้อมตลอด ตอนแรกเดินทางภูเขา แล้วอ้อมเมืองเซียง พาข้าไปเจอลุงสามที่เขาซีเซียง”
“ลุงซ่งปรากฏตัวกะทันหัน บังคับเขากลับมา”
“ชายร่างใหญ่ลุงชั่วก็รีบหนีไปที่ท่าเรือ ข้าเจอพี่หรูโม่ เขาก็ถึงช่วยข้าไว้ได้”
ว่าแล้ว เขาก็สรุปอย่างจริงจังว่า “ดังนั้น พวกท่านจะต้องขอบคุณลุงซ่งนะ!”
ได้ยินดังนั้น โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงก็เงียบไป
อันแรกคือไม่อยากจะเชื่อ อันหลังเพราะสับสน
โม่เยว่ไม่คิดเลยว่า ซ่งจื่ออวี๋จะคอยปกป้องหยวนเป่าเงียบๆ
หยุนหว่านหนิงก็ไม่คิดเลยว่า ซ่งจื่ออวี๋จะคอยช่วยนางเสมอ เป็นเบื้องหลังอันแข็งแกร่งที่คอยสนับสนุนนาง……
โดยเฉพาะครั้งนี้
หลังจากที่หยวนเป่าเกิดเรื่องขึ้น ซ่งจื่ออวี๋ก็รีบตามไป แต่กลัวจะทำให้เข้าใจผิด เขาไม่ได้ส่งจดหมายให้นาง และไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น แต่คอยปกป้องหยวนเป่าเงียบๆ
จนถึงวันนี้ก็ไม่ออกมาพูดอะไร บีบบังคับให้ชายร่างใหญ่ถอยออกไป แล้วยกความดีความชอบให้หรูโม่ทั้งหมด……
เขา ทำเพื่อเลี่ยงไม่ให้เข้าใจผิดงั้นเหรอ?
โม่เยว่มองหยุนหว่านหนิง
เห็นสีหน้านางสับสน เขาก็รีบพูดว่า “หยวนเป่าพูดถูก! ในเมื่อซ่งจื่ออวี๋ช่วยหยวนเป่าไว้ แถมยังปกป้องตลอดทั้งทางอีก”
“งั้นพวกเราก็ควรจะขอบใจซ่งจื่ออวี๋สิ!”
ขีดเส้นแบ่งออก ไม่ติดหนี้บุญคุณใคร และตัดขาดการไปมาหาสู่
ไม่งั้น โม่เยว่จะรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงแม้ซ่งจื่ออวี๋จะไม่สูงส่งเท่าเขา แต่ยังไงเขาก็เป็นยอดฝีมือในยุทธภพ วิทยายุทธ์ล้ำเลิศ และยังเป็นผู้บุกเบิกอีกด้วย
ถึงแม้เขาจะเป็นอ๋องหมิง เป็นสามีทางการของหยุนหว่านหนิง
แต่นิสัยของเขาใจร้อน เส้นบางๆที่กั้นในใจกับหยุนหว่านหนิงยังไม่ทันได้ซ่อมแซมเลย
และซ่งจื่ออวี๋ ก็เป็นคนอ่อนโยนมีมารยาทต่อหน้าหยุนหว่านหนิง
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ถ้าให้เลือกระหว่างพวกเขา เกรงว่าจะเลือกซ่งจื่ออวี๋มากกว่า และไม่ใช่เขา……โม่เยว่ที่หยิ่งผยองตลอดมา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตื่นเต้นและเสียใจผิดหวัง
รวมไปถึง ความรู้สึกที่ไม่สบายใจ
“หนิงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?”
โม่เยว่ถามอย่างร้อนใจ
“อืม”
หยุนหว่านหนิงตอบเสียงเบา ไม่ได้พูดอะไรอีก
หยวนเป่ามองโม่เยว่อย่างครุ่นคิด ทันใดนั้นก็พูดว่า “ท่านพ่อต้องเร่งแล้วนะ!”
โม่เยว่: “……”
เจ้าเด็กนี่ ชักจะรู้เยอะเกินไปแล้วนะ?!
เขาเพิ่งจะสี่ขวบเองนะ!
“ข้าจะเร่งอะไร?”
โม่เยว่ปากแข็ง “แต่เจ้าสิ หายไปช่วงนี้ โจวเถียนเถียนคงจำไม่ได้แล้วล่ะว่าเจ้าเป็นใคร! กลับเมืองหลวงจะเอาของขวัญอะไรไปฝากโจวเถียนเถียนไหม?”
หยวนเป่าหมดคำจะพูด “ไม่มีทาง!”
“โจวอ้วนน้อยตัวติดข้าตลอด ไล่ยังไงก็ไม่ไป”
เขาเชอะเสียงเบา “ถึงโจวอ้วนน้อยจะลืมข้าไป ขอแค่มีผลไม้ชุบน้ำเชื่อมหนึ่งไม้ นางก็เดินตามหลังข้าต้อยๆแล้ว”
เด็กไม่พูดโกหก
ได้ยินคำนี้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่ก็หัวเราะออกมา
ได้รู้โม่เยว่พวกเขาหาตัวหยวนเป่าเจอแล้ว โม่จงหรานพวกเขาก็โล่งอก
เต๋อเฟยยังป่วยเพราะเรื่องนี้ จนกระทั่งหยุนหว่านหนิงพวกเขากลับเข้าเมือง นางยังนอนอยู่บนเตียงลุกไม่ได้……
นอกจากนี้แล้ว ยังมีคนล้มป่วยอีก
สิ่งที่น่าแปลกใจคือ คนผู้นี้คือฮองเฮาจ้าว!
เต๋อเฟยป่วยทางใจ เพราะห่วงหยวนเป่าจึงป่วย
แต่ฮองเฮาจ้าว——
ก็ป่วยทางใจเหมือนกัน และเพราะหยวนเป่าเช่นกัน!
หลังจากที่หยวนเป่าหายตัวไป เบาะแสทุกอย่างที่ชี้ไปทางเดียว และคนเดียว: เขาซีเซียง โม่หุยเฟิง!
ฮองเฮาจ้าวรู้ดีว่า นี่เป็นฝีมือของโม่หุยเฟิงจริงๆ……ถ้าโม่จงหรานกับโม่เยว่รู้ว่า หยวนเป่าโดนโม่หุยเฟิงลักพาตัวไป เกรงว่าจุดจบของเขาคงจะทรมานน่าดู!
ฮองเฮาจ้าวเป็นห่วงมากจนล้มป่วย
ได้ยินว่าหาตัวหยวนเป่าเจอแล้ว หาเจอก่อนที่จะถูกนำตัวไปที่เขาซีเซียง
ฮองเฮาจ้าวก็ถึงโล่งอก
นางลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ ในใจก็คิดว่าขอแค่ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือโม่หุยเฟย ถึงตีให้ตายก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด!
ฮองเฮาจ้าวหายป่วยในพริบตาทันที
แต่ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา ได้ยินจางหมัวมัวพูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “แต่ว่าอ๋องหมิงสั่งให้คนไป ‘เชิญ’ ตัวอ๋องสามมาเพคะ!”
คำว่า ‘เชิญ’ คำนี้ดูจะคลุมเครือมาก!
ฮองเฮาจ้าวได้ยินแล้วก็เป็นลมสลบล้มลงไป
โม่เยว่เจอโม่หุยเฟิง โม่หุยเฟิงยังจะมีชีวิตกลับมาได้อีกไหม?!
ขณะเดียวกัน โม่หุยเฟิงก็ถูกหรูอวี้กับหรูโม่จับแขนสองข้าง เดินเข้ามาหาโม่เยว่พวกเขาที่ยังพักอยู่ในโรงเตี๊ยม……