อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่57 ตบหน้าตัวเอง
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่57 ตบหน้าตัวเอง
หนานกงเยว่เป็นองค์หญิงตงจวิ้น ส่วนตงจวิ้นผลิตผ้างานเย็บปักถักร้อยเป็นจำนวนมาก
ในเมื่อนางเอ่ยปาก เต๋อเฟยก็โบกมือส่งสัญญาณว่าเชิญ ความรังเกียจในดวงตาไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้อีก “เจ้าดูเลย”
สิ่งขายหน้าเช่นนี้!
วันประสูติของนางกลับเอางานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่งมาอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปกติเยว่เอ๋อร์สั่งสอนหล่อนอย่างไร กลับทำให้นางต้องมาขายหน้าในวันนี้ด้วย!
เต๋อเฟยเหลือบมองหยุนหว่านหนิงอย่างไม่พอใจ
ดวงตาของโจวหยิงหยิงเต็มไปด้วยความหยอกล้อ เตรียมดูละคร
โม่เฟยเฟยอยู่ข้างเต๋อเฟย มองดูหยุนหว่านหนิงอย่างซับซ้อน
คำที่มาถึงข้างปาก ก็กลืนลงไปต่อ โดยไม่ได้ช่วยนางพูดดี
ฉินซื่อเสวียกำลังเฝ้าดู หม้อโยวโยวทำเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับนาง
ผู้ชายคนอื่น ก็ยิ่งไม่มีใครพูดเลย
นอกเหนือจากโม่เยว่ที่เหลือบมองหยุนหว่านหนิงแล้ว ฮูหยินเก้ามิ่งหลายท่านที่นั่งอยู่ข้างๆก็ไม่พูดอะไร เต๋อเฟยเหนียงเหนียงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นพวกเขาอย่าหาเรื่องมาใส่ตัวจะดีกว่า
คนรับใช้ในวังนำผ้าเย็บปักถักร้อยไปวางไว้ตรงหน้าหนานกงเยว่
นางเอื้อมมือไปมา ลูบลายปักอย่างระมัดระวัง “ช่างเป็นงานเย็บปักถักร้อยที่ปราณีตยิ่งนัก”
“พระชายาหมิง เจ้าฝึกการเย็บปักถักร้อยมานานแค่ไหนแล้ว?”
หนานกงเยว่เป็นคนแรกที่เริ่มพูดกับหยุนหว่านหนิง นางรีบตอบว่า “ไม่นาน”
“ข้าได้ยินมาว่าฝีมือการเย็บปักถักร้อยของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นยอดเยี่ยมที่สุด แต่กลับขายหน้าต่อหน้าเจ้า”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเอง!”
หนานกงเยว่เหลือบมองนางด้วยรอยยิ้ม “นี่เจ้าเป็นการซ่อนความสามารถเอาไว้ชัดๆ!”
ซ่อนความสามารถ?
เมื่อทุกคนได้ยินคำนี้ ต่างก็รู้สึกว่าหนานกงเยว่ยกย่องหยุนหว่านหนิงมากเกินไป เป็นแค่งานเย็บปักถักร้อยผืนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรน่าซ่อนความสามารถ?
โจวหยิงหยิงทำเสียงเชอะ
“พี่สะใภ้ใหญ่”
นางทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนพูดง่ายด้วยมาโดยตลอด!”
“แต่เรื่องงานเย็บปักถักร้อยนี้ใครจะไม่เป็น? ยังซ่อนความสามารถอะไรกัน! ข้าว่ามันก็งั้นๆแหละ!”
คนที่เหลือก็เม้มปากยิ้ม
ในใจของพวกเขา คิดเช่นเดียวกันกับโจวหยิงหยิง
เพียงแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
“ไม่ถูก”
ถูกโจวหยิงหยิงต่อว่า หนานกงเยว่ก็ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ส่ายหัวเบาๆ นางชำเลืองมองหล่อน และอธิบายอย่างอ่อนโยนว่า “เป็นเพราะพวกเจ้าไม่ดูละเอียด พระชายาหมิงไม่ได้แสดงความสามารถทั้งหมดออกมาจริงๆ”
ทันใดนั้น นางก็พลิกผ้า……
อีกด้านของเย็บปักถักร้อยถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน
ด้านเมื่อครู่นั้น ปักเป็นลายเมฆมงคลและนกกระเรียนมงกุฎแดง เหมือนดั่งจริงยิ่งนัก
แต่ด้านนี้……กลับปักเป็นดอกบีโกเนียที่กำลังเบ่งบาน!
“นี้?!”
เต๋อเฟยก็ตกใจเช่นกัน นางลุกขึ้นยืนอย่างไม่น่าเชื่อ สายตาจ้องมองไปที่งานเย็บปักถักร้อยผืนนี้ “นี่คือ?”
“เสด็จแม่ นี่เป็นงานเย็บปักถักร้อยสองด้านที่สูญหายไปนานแล้ว”
หนานกงเยว่ตอบ
เมื่อครู่ ขณะที่ยกนำเย็บปักถักร้อยผืนนี้ขึ้นมา ดวงตาของนางก็จับจ้องไปที่งานเย็บปักถักร้อยผืนนี้อย่างแหน่วแหน่ และพบความแตกต่างของงานเย็บปักถักร้อยผืนนี้เป็นอย่างแรก
แม้ว่านางจะเรียนการเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็ก ถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำเย็บปักถักร้อยสองด้านออกมาได้
ดังนั้นเมื่อเห็นงานเย็บปักถักร้อยผืนนี้ นางจึงประหลาดใจ
“งานเย็บปักถักร้อยสองด้าน?!”
คราวนี้ แม้แต่โจวหยิงหยิงก็หัวเราะไม่ออกแล้ว มองหยุนหว่านหนิงด้วยความประหลาดใจ
จากนั้น ก็หันไปถามหนานกงเยว่ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าตรวจดูดีๆหรือยัง?นี่เป็นงานเย็บปักถักร้อยสองด้านจริงๆ หรือ?”
แม้ว่านางจะไม่เก่งเรื่องเย็บปักถักร้อย แต่คำว่างานเย็บปักถักร้อยสองด้านนี้นางก็เคยได้ยินมาก่อน
แม้แต่เหล่านักปักผ้าที่เก่งๆในวัง มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำงานเย็บปักถักร้อยสองด้านเป็น!
“เจ้าดูเอาเอง”
ไม่จำเป็นต้องให้หนานกงเยว่อธิบายต่ออีก แสดงอีกด้านของงานเย็บปักถักร้อยให้โจวหยิงหยิงดูโดยตรง “ด้านหน้าเป็นลายเมฆมงคลและนกกระเรียนมงกุฎแดง และด้านนี้เป็นดอกบีโกเนียที่บานสะพรั่ง”
ลายเมฆมงคลและนกกระเรียนมงกุฎแดงเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืน
ดอกบีโกเนียที่บานสะพรั่ง สื่อถึงการสูงศักดิ์สง่างาม
ดอกบีโกเนีย หรือที่รู้จักกันในนาม “ดอกไม้สูงส่ง” เหมาะนำมาเปรียบเทียบเต๋อเฟยที่สุดแล้ว
โจวหยิงหยิงมองดูสังเกตอย่างละเอียด และตกตะลึงในทันที “ถูกต้อง นี่มันเป็นของจริง!”
นางเหลือบมองผ้าเย็บปักถักร้อยแล้วหันไปมองหยุนหว่านหนิง แล้วมองผ้าเย็บปักถักร้อยอีกครั้ง จากนั้นก็มองหยุนหว่านหนิงอีก ทำอย่างนี้ไปมาหลายครั้ง จึงค่อยมอบผ้าเย็บปักถักร้อยให้กับคนรับใช้วังด้วยความตกตะลึง
“เก่งมากเลย!”
นางพูดกับหยุนหว่านหนิงอย่างจริงใจว่า “นึกไม่ถึงเลยว่า ภรรยาของเจ้าเจ็ดยังมีด้านที่เก่งเช่นนี้ด้วย!”
ทุกคน:“……”
พระชายาห้านนี่เปลี่ยนอารมณ์เร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสืออีกนะเนี่ย!
เมื่อกี้ยังเยาะเย้ยพระชายาหมิง ตอนนี้ก็เรียกว่าภรรยาของเจ้าเจ็ดอย่างสนิทสนมขึ้นมาทันทีเลย
“น้องสะใภ้เจ็ด เจ้าเก่งมาก!”
เปลี่ยนเป็นน้องสะใภ้เจ็ดอีกล่ะ
ดูเหมือนว่าคนที่ถูกตบหน้าเมื่อกี้นั้นไม่ใช่นาง
ทุกคน:“……”
หยุนหว่านหนิงพยักหน้าอย่างสุภาพ “พี่สะใภ้รองชมเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหนานกงเยว่และโจวหยิงหยิงช่วยหยุนหว่านหนิงอย่างต่อเนื่องกัน ฉินซื่อเสวียก็ไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้อีกต่อไป นางยิ้มและชมเชยว่า “พระชายาหมิงเนี่ยมีมือคู่ที่ทำอะไรก็เก่ง!”
รอยยิ้มนี้ ดูยังไงก็เจ้าเล่ห์
หยุนหว่านหนิงทำหน้าเย็ยชา “เทียบกับพระชายาหยิงไม่ได้”
ฉินซื่อเสวียละสายตาออกด้วยความอับอาย
หม้อโยวโยวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ค่อนข้างคล้ายกับหนานกงเยว่เล็กน้อย “ที่แท้น้องสะใภ้เจ็ดเก่งขนาดนี้เลย วันหลังก็สอนวิธีการเย็บปักถักร้อยสองด้านแบบนี้ให้ข้าด้วยสิ!”
แม้ว่านางจะอายุมากว่าโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิง แต่ก็ใหญ่กว่าเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
“ขอแค่เสด็จพี่สาวห้าไม่รังเกลียดก็พอ”
หยุนหว่านหนิงไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อครู่โม่เยว่ยังคิดอยู่ว่า หยุนหว่านหนิงจะรับมือกับเรื่องอย่างไร
เขาไม่รู้ว่างานเย็บปักถักร้อยด้านเดียวหรือสองด้านนั้นคืออะไร แต่เมื่อเห็นหนานกงเยว่และคนอื่นๆตกตะลึงกันเช่นนี้ ก็รู้ว่างานเย็บปักถักร้อยสองด้านนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!
เขาสนบนิ่งอย่างมาก บนใบหน้นกลับมีร่องรอยของความภาคภูมิใจเล็กน้อย
เขาเหลือบมองที่โม่เฟยเฟย
นางก็ทำหน้ามุ่ย จับแขนเสื้อของเต๋อเฟย “เสด็จแม่ ท่านดูสิ”
“พี่สะใภ้เจ็ดเก่งมากเช่นนี้ เสด็จแม่ก็ควรให้รางวัลแก่ความตั้งของนางหน่อยสิ!”
เต๋อเฟยมองดูนางด้วยความประหลาดใจ “เฟยเฟย เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ลูกสาวสุดที่รักกลับช่วยหยุนหว่านหนิง?
กลับช่วยคนร้ายที่ทำร้ายนาง และนางเกลียดเข้าไส้ที่สุด? !
ดวงตาของฉินซื่อเสวีย ก็แวบไปมาเล็กน้อย
โม่เฟยเฟยก้มหัวลงอย่างเขินอายเล็กน้อย “เสด็จแม่ ลูกก็แค่รู้สึกทึ่งที่พี่สะใภ้เจ็ดมีฝีมือเย็บปักถักร้อยที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”
ในเวลานี้ โม่เยว่ก็กล่าวว่า “เสด็จแม่”
“เพื่อเย็บปักถักร้อยผ้าผืนนี้ นิ้วของหนิงเอ๋อร์โดนเข็มทิ่มจนนับครั้งไม่ถ้วน”
เขาพูดอย่างสงบ
ได้ยินเขาเรียก “หนิงเอ๋อร์” ที่ไร หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกหลังเย็น และขนลุกไปทั้งตัวเลย
นิ้วโดนทิ่ม?
นางถูกพวกเขาชมจน หน้าแดงหมดแล้ว
คุณพระเท่านั้นที่รู้ แม้แต่เข็มปักนางยังไม่รู้จะถือยังไงเลย งานเย็บปักถักร้อยสองด้านนี้ นางเป็นคนขอให้ “พี่ช่องว่าง” ไปหามาให้นางเอง เพื่อที่จะนำเอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจตัวเอง (ช่องว่าง=สิ่งที่ใช้เชื่อมต่อกับนางเอก)
เมื่อเห็นว่าพวกเขาต่างก็ชวยนางพูดดี ในใจของเต๋อเฟยก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เพียงแค่สั่งนางกำนัลที่อยู่ข้างหลังว่า “ในเมื่อนิ้วโดนทิ่ม……เซี่ยอี่ว นำขวดยายาป่ายลู่ของข้ามาและไปมอบให้พระชายาหมิง”
ยาขวดหนึ่ง?
เต๋อเฟยให้ยาขวดหนึ่งแก่นาง? !
หยุนหว่านหนิง:“……ขอบพระทัยเสด็จแม่”
บนใบหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับพึมพำในใจ
หลังจากรับยาป่ายลู่มา นางก็มอบมันให้กับโม่เยว่ “ท่านอ๋องช่วยข้าเก็บไว้ก่อนเถอะ”
โม่เยว่ไม่ได้ปฏิเสธ รับมาและใส่เข้าไปในแขนเสื้อ
ฉินซื่อเสวียซึ่งอยู่ตรงข้ามเห็นความสนิทสนมระหว่างทั้งสอง ก็ค่อยๆก้มหน้าลง มือที่วางไว้บนหัวเข่า ก็กำแน่นขึ้นอย่างลับๆ
แผนการใหม่ ค่อยๆเกิดขึ้นในสมองของนาง……