อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ - บทที่60 ใช้วิธีตอแหลรับมือกับคนตอแหล
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่60 ใช้วิธีตอแหลรับมือกับคนตอแหล
แย่แล้ว!
นางถูกพบแล้ว!
โชคดีที่หยุนหว่านหนิงหลบเร็ว ไม่เช่นนั้น ใบหน้าอันน้องนิดของนางคงถูกลมฝ่ามือนี้ทุบจนเสียโฉมไปแล้ว!
ถึงกระนั้น เส้นผมข้างหูก็ถูกลมฝ่ามือล่วงลง
เห็นได้ว่า วิทยายุทธของคนคนนี้เก่งขนาดไหน!
หยุนหว่านหนิงยังไม่ทันหนีไป ก็ถูกบีบคอเอาไว้ ดวงตาที่โหดเหี้ยมของโม่เยว่อยู่ตรงหน้า เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกบีบคอคือนาง เขาจึงขมวดคิ้ว “เป็นเจ้าได้อย่างไร?”
หยุนหว่านหนิง:“……”
“ทำไมถึงมาแอบฟังข้า?เจ้าสะกดรอยตามข้าหรือ?
หยุนหว่านหนิง:“……”
“พูด!”
สีหน้าของโม่เยว่ เริ่มหมดความอดทน
หยุนหว่านหนิงพยายามพูด “แม้งเอ้ย! ปล่อยมือ!”
บีบคอนาง แล้วจะให้นางตอบยังไง? !
นางตบหลังมือของโม่เยว่ เพื่อให้เขาปล่อยมือ
ในเวลานี้ โม่เยว่ถึงเห็นว่านางตาลอย
นึกได้ว่าฉินซื่อเสวียยังอยู่ในศาลาข้างหลัง เขาก็รีบปล่อยมือ และกอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังให้นาง”หนิงเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร?”
ในขณะที่พูด ฉินซื่อเสวียก็ได้มาถึงด้านหน้าแล้ว
ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความน้อยใจ
เมื่อเห็นคนที่มาเป็นหยุนหว่านหนิง นางเองก็ตกใจไปอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้น ก็ก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหน ราวกับกวางที่ตกใจ
“พระชายาหมิง ข้า ข้ากับพี่เยว่……ไม่ใช่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างข้ากับอ๋องหมิง! เจ้าอย่าเข้าใจผิด”
ก็ไม่ดีมีอะไรอยู่แล้ว
แต่นางพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ท่าทางจะพูดไมพูดนั้นยิ่งทำให้คนน่าสงสัยที่สุด
ตอนแรกนึกว่าหยุนหว่านหนิงจะอาละวาด
แต่ใครจะไปรู้ นางกลอกตาและเข้าไปในอ้อมแขนของโม่เยว่ “ท่านอ๋อง ฮือฮือฮือ……”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่พวกท่านน่าชวนให้คนอื่นเข้าใจผิดมากเพียงใด?หากใครเห็นเข้า คงต้องบอกว่าท่านกับพระชายาหยิงมีอะไรกันแน่ ข้าจะมีหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร?”
นางจับแขนเสื้อของโม่เยว่ไว้แน่นๆ ร้องไห้อย่างเศร้าโศก
ก็แค่ฮือฮือฮือ?
ใครก็ทำเป็นนน? !
เชอะ คืนนี้นางจะใช้วิธีตอแหลรับมือกับคนตอแหล เผยใบหน้าที่แท้จริงของฉินซื่อเสวีย!
“พระชายาหมิง ข้า……”
ฉินซื่อเสวียรีบที่จะแก้ตัว
“เจ้าไม่ต้องพูด!”
หยุนหว่านหนิงพิงไว้ในอ้อมกอดของโม่เยว่ จิกตาใส่นางอย่างกะบึงกะบอน “ข้ากำลังพูดกับท่านอ๋องอยู่ เจ้าพูดแทรกอะไรทำไม?จงใจอยากให้ข้าเข้าใจผิดเจ้าหรือ?”
ไม่รู้ทำไม มองดูสภาพเช่นนี้ของนางในเวลานี้……
ในสมองของโม่เยว่ ก็นึกถึงหยวนเป่า ใจดวงที่แข็งเย็นชาก็ค่อยๆ อ่อนลง
ตัวน้อยนั้น ก็กะบึงกะบอนแบบนี้เหมือนกัน
“ข้า……พี่เยว่……”
ฉินซื่อเสวียกระทืบเท้า และหันไปขอความช่วยเหลือจากโม่เยว่
แต่เขากลับไม่มองนางเลย
เพียงเอื้อมแขนไปกอดหยุนหว่านหนิง และปลอบโยนอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไม่สนิทกับนาง อะไรก็ไม่มี อย่าเข้าใจผิด และอย่าร้องไห้ได้แล้ว”
เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง โดยไม่รู้ตัว
นิ้วสัมผัสโดนแก้มของนาง หยาบเล็กน้อย หยุนหว่านหนิงสั่นเล็กน้อย
“หนาวหรึ?”
โม่เยว่เห็นว่านางไม่ได้สวมเสื้อคลุม สวยเสื้อบางตัวหนึ่งก็ออกมาแล้ว
จึงรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วสวมให้นาง “อากาศหนาวเย็น ออกมาข้างนอกไม่สวมเสื้อคลุม ปล่อยให้เจ้าหนาวตายไปเลยดีกว่า”
ถึงจะพูดแบบนี้ เส้นแก้มของเขากลับอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย ไม่เย็นชาและแข็งเหมือนเมื่อครู่
แถมยังผูกเสื้อคลุมให้นางอย่างระมัดระวัง
หยุนหว่านหนิงเม้มปาก “เมื่อครู่มีนางกำนัลคนหนึ่งบอกว่า เห็นท่านแต่ไกล เหมือนถูกปิศาจจิ้งจอล่อตัวไป! ข้ากังวลจึงรีบตามออกมา แม้กระทั่งเสื้อคลุมยังไม่ทันได้สวม”
“ตอนนี้กลับมาโทษข้า! หากข้าหนาวตาย ก็โทษท่าน!”
“ได้ โทษข้า”
น้ำเสียงของโม่เยว่อ่อนโยนจนผิดปกติ
เป็นน้ำเสียงที่ฉินซื่อเสวียไม่เคยได้ยินมาก่อน และรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนในเวลานี้นางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่เยว่……”
นางกัดริมฝีปาก พยายามจะอธิบาย
“พี่สะใภ้สาม”
โม่เยว่เหลือบมองนางอย่างเย็นชา “โปรดตระหนักถึงฐานะของเจ้า”
คำเดียว แยกขอบเขตกันอย่างชัดเจน
ฉินซื่อเสวียหน้าซีด กัดริมฝีปากไว้แน่นๆ ริมฝีปากซีดขาว “อืม อ๋องหมิง พระชายาหมิงคงต้องเข้าใจผิดไปแล้ว ให้ข้าอธิบายให้นางฟังเถอะ”
“ข้าไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าพูด ข้าเชื่อเพียงสิ่งที่ท่านอ๋องพูดเท่านั้น!”
หยุนหว่านหนิงทำเสียงเชอะเบาๆ “เจ้าเก่งในด้านการพูดเป็นพิเศษ ใครจะรู้ว่าประโยคไหนจริง ประโยคไหนเท็จ?”
นางพูดแฝงความหมายอย่างเห็นได้ชัด
ฉินซื่อเสวียไม่ใช่คนโง่ เข้าใจทันทีว่าหยุนหว่านหนิงกำลังหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน!
หน้าของนางซีดลงทันที!
นางเพศยานี้ จะหักหน้ากันอย่างเปิดเผยกับนางหรือ? !
หากเรื่องเมื่อสี่ปีก่อนถูกเปิดเผย……
นางก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “อ๋องหมิง จะอย่างไรพวกข้าก็เป็นครอบครัวเดียวกัน! พระชายาหมิงใส่ร้ายข้าเยี่ยงนี้ ท่านจะยืนดูเฉยๆเช่นนี้หรือ?”
“พี่สะใภ้สามหวังให้ข้าช่วยหนิงเอ๋อร์หรือ?”
โม่เยว่ถามอย่างเฉยชา
ฉินซื่อเสวียมองดูเขาอย่างไม่น่าเชื่อ และพูดไม่ออกเป็นเวลานาน!
เรื่องในวันนี้ ทำไมไม่ได้เป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้?!
มันควรเป็น หยุนหว่านหนิงมาเจอว่านางกับอ๋องหมิง “มีอะไรกัน” และเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ด้วยนิสัยของนางแล้ว ต้องทำให้ทั่วทั้งพระราชวังไม่ได้อยู่ดีเป็นสุขกันไปหมดให้ได้แน่นอน
จากนั้น ถูกฮองเฮา เต๋อเฟยเกลียดชังแล้วถูกขับไล่ออกไปจากวัง?
สุดท้าย ก็โดนโม่เยว่กักบริเวณต่อ?
คนตรงหน้านี้ ยังเป็นหยุนหว่านหนิงอยู่หรือเปล่า?
สายตาสำรวจของนาง ตกอยู่บนตัวของหยุนหว่านหนิง
“พระชายาหยิง หากเจ้ายังทำเรื่องเช่นนี้ ที่ทำให้ข้าเข้าใจผิดอีก……เจ้าก็รู้นิสัยของข้า”
ขณะที่สะอื้นไห้ หยุนหว่านหนิงก็เตือนนางว่า “มากที่สุดพวกข้าก็ตายไปพร้อมกัน! ข้าก็จะบอกการกระทำทั้งหมดของเจ้าให้อ๋องหยิงได้รู้ ให้เขาสั่งสอนเจ้าดีๆหน่อย!”
รูม่านตาของฉินซื่อเสวียหกตั่ว “เจ้า……”
จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ!
นางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “หยุนหว่านหนิง เจ้าจะอะไรกันนักกันหนากันแน่!”
“ข้าบอกแล้วไง ระหว่างข้าและอ๋องหมิงนั้นไม่มีอะไรกัน! ทำไมเจ้าถึงใจแคบขนาดนี้ ยังจะมาตีวัวกระทบคราด ต่างอะไรกับผู้หญิงที่ขี้หึงหวง?”
“ท่านอ๋องฮือฮือฮือ พระชายาหยิงดุข้า!”
หยุนหว่านหนิงชี้ และ “ซ่อน” เข้าไปในอ้อมแขนของโม่เยว่ ร้องไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจ
“เจ้า……”
ฉินซื่อเสวียกัดฟันด้วยความโกรธ “เจ้าพูดดีๆ!”
ดีไม่ดีก็ “ฮือฮือฮือ” เป็นหัวรถไฟหรือ? !
“ท่านอ๋องท่านดูสิ พระชายาหยิงดุมากเลย”
หยุนหว่านหนิง“ฮือฮือฮือ”ต่อ
โม่เยว่เหลือบมองไป ฉินซื่อเสวียเงียบขึ้นโดยไม่รู้ตัว และร้องไห้ด้วยความน้อยใจ “อ๋องหมิง ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ท่านก็เห็นเหมือนกัน”
“พี่สะใภ้สาม โปรดรัววังตัวด้วย!”
โม่เยว่ไม่เกรงใจอีกต่อไป “หากกล้ามาหาเรื่องหนิงเอ๋อร์อีก ข้าจะถามพี่สามเอง ว่าเขาสองภรรยาของตัวเองอย่างไร!”
พูดจบ เขาก็กอดหยุนหว่านหนิงและออกจากศาลาไป
สายตอของหยุนหว่านหนิงมองผ่านแขนของเขา และมองดูฉินซื่อเสวียอย่างได้ใจ
เมื่อเห็นหล่อนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางก็เล่นหูเล่นตา เหมือนคางคกขึ้นวอ
ฉินซื่อเสวียโกรธมาก!
อีนางเพศยานี้ กราดเกรี้ยวเกินไปแล้ว!
“ไม่ต้องมองแล้ว”
โม่เยว่หันหัวนางกลับมา “การแสดงของข้าในคืนนี้เจ้าพอใจหรือไม่?จะขอบคุณข้าอย่างไร?ใช้หนึ่งแสนตำลึงมาขอคุณข้าล่ะกัน?”
“ไปให้พ้น!”
หยุนหว่านหนิงหยิกเขา
ในขณะนี้ ได้ยินแต่เสียง “ปัง” เท่านั้น!
จากนั้น ก็มีเสียงอันแหลมดังขึ้น “แย่แล้ว! ช่วยด้วย! มีคนตกน้ำแล้ว!”