อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1060 ตั้งครรภ์
ตอนที่ 1060 ตั้งครรภ์
ตอนที่ 1060 ตั้งครรภ์
แม่นมเซียวเห็นเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย “เจ้าก็อธิบายมาสิ เกิดอะไรขึ้น แค่เหนื่อยจริงหรือ?”
“คือว่า…” หงเย่กวาดสายตามองคนในห้อง แล้วรอยยิ้มที่มุมปากนางก็กลายเป็นฝืดเฝื่อนเล็กน้อย
เจียงอวิ๋นเซิงยืนขึ้นกระแอมเบา ๆ แล้วพูดกับทุกคนว่า “ไม่มีปัญหาอะไร แม่นางอวี้มีสุขภาพดี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ สำหรับรายละเอียด ข้าจะบอกท่านอ๋องเอง”
“ใช่แล้ว” หงเย่ยืนขึ้นเช่นกัน แล้วพูดเสริมว่า “ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ในห้องยามนี้มีคนมาก อากาศก็ร้อนอบอ้าว หากทุกคนมามุงดูกันเช่นนี้จะไม่ดีต่อองค์หญิง”
นางพูดจบก็หันหน้าไปพูดกับเจียงอวิ๋นเซิงว่า “ท่านหมอเจียง พระชายาในองค์ชายรองก็เป็นลมเช่นกัน ท่านมาดูทางนี้สิเจ้าคะ”
ตอนที่นางเข้าประตูมา แม้ว่าในใจจะจดจ่ออยู่กับอวี้ชิงลั่ว แต่นางก็เห็นว่าเย่หลานเฉิงกำลังกระวนกระวายยิ่งนัก จึงหันไปมองตามสายตาของเขา เมื่อสังเกตให้ดีก็เห็นสวีโหรวนอนหลับตาหน้าซีด เหมือนเป็นลมไม่ได้สติไปแล้ว
เจียงอวิ๋นเซิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบมองไปที่สวีโหรว
สวีโหรวถูกกระตุ้นกะทันหันจนเป็นลมเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำ หลังจากได้นอนหลับไปหนึ่งคืนก็คงมีสภาพดีขึ้น ไม่เป็นอะไรมากแล้ว เย่หลานเฉิงก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้เขาจะประหม่าและกังวล แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนก ทว่าเขากลับกังวลเรื่องอวี้ชิงลั่วที่เป็นลมไปด้วยเหตุผลบางอย่างมากกว่า
แม่นมเซียวมองหงเย่ขณะนิ่งเงียบ รู้ว่าต่อให้จะถามคำถามมากกว่านี้ นางก็จะไม่ได้คำตอบอะไรเลย
แต่ในห้องนี้มีคนมากเกินไปจนทำให้นางรู้สึกหายใจไม่สะดวก จึงรีบบอกให้ทุกคนออกไป
เย่หลานเวยวิตกกังวลมากที่สุด เมื่อสักครู่นี้ที่เขาได้ยินว่านางไม่เป็นอะไร เขาก็ต้องการขอโทษหนานหนาน เมื่อเห็นว่าหนานหนานเอาแต่จ้องมองอวี้ชิงลั่ว ราวกับว่าไม่มีเวลาสนใจเขา เขาจึงอ้าปากค้าง แล้วก้มหน้าลงด้วยความเศร้า
พระชายาในองค์ชายสามตามกลุ่มคนที่ออกไป และพาเย่หลานเวยออกไปด้วยกัน
จากนั้นปลอบโยนเขาอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก เมื่อสักครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ? แม่นางอวี้เป็นลมเพราะแค่เหนื่อยเกินไป หนานหนานเป็นห่วงแม่มากจึงพูดเสียงดังเช่นนั้น จงออกไปรอจนกว่าแม่นางอวี้จะฟื้นก่อนเถิด แล้วแม่จะพาเจ้าไปขอโทษแม่นางอวี้ ตกลงหรือไม่?”
เย่หลานเวยตัวแข็งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองแม่ของเขา
แม่คนนี้ทำตัวห่างเหินกับเขาเสมอ แม้กระทั่งโกหกหลอกลวงคนอื่นและผลักไสเขาออกไป เพื่อเป็นเกราะกำบังให้ตัวเองได้รับความโปรดปราน เขาเคยเกลียดนาง และไม่เคยได้ยินนางพูดกับตนด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน ชั่วขณะหนึ่งจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดและเอาแต่จ้องมองนาง พระชายาสามก็แอบถอนหายใจ
ปมบางอย่างไม่ได้แก้ไขได้ง่าย ๆ
“แม่รู้ว่าลึก ๆ ลูกแค้นแม่มาก แต่ลูกยังเด็ก จึงไม่เข้าใจในเรื่องบางเรื่อง หากลูกโตแล้ว แม่จะอธิบายให้ฟัง แต่ลูกต้องเข้าใจว่าลูกเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ และแม่เป็นห่วงเจ้าที่สุดในหัวใจเสมอ ในวังนั้น วิธีเดียวที่แม่จะปกป้องเจ้าได้ก็มีเพียงต้องรักษาตัวเองไว้ให้ดี ดังนั้นบางครั้งที่เจ้าถูกทำร้าย มันก็… อยู่เหนือการควบคุม”
ช่วงที่ผ่านมา เย่หลานเวยประสบกับเรื่องราวมากมาย และค่อย ๆ เข้าใจบางสิ่งชัดเจนขึ้น
แม้ว่าพระชายาสามจะไม่ได้บอกอะไรเขาเป็นพิเศษ แต่เขาก็เข้าใจบ้างไม่มากก็น้อย
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า แล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านน้าชิงไม่ได้เป็นอะไรจริงหรือ?”
พระชายาสามปลื้มใจมาก เป็นเรื่องยากที่ลูกชายของนางจะพูดกับนางเช่นนี้ นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าและพูดเบา ๆ ว่า “ทั้งหมอเจียงและหงเย่ต่างก็พูดเช่นนั้น ดังนั้นนางต้องไม่เป็นอะไร แต่ลูกต้องจำไว้ว่าคราวหน้าลูกจะทำอย่างนี้ไม่ได้ แม่รู้ว่าลูกดีใจมากที่ได้เจอหนานหนาน แต่ลูกต้องระมัดระวังด้วย คราวหน้าอย่าบุ่มบ่ามเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”
“อืม เข้าใจแล้วขอรับ” เย่หลานเวยพยักหน้า และยืนอยู่หน้าประตูโดยไม่ออกไป
เขาต้องการยืนอยู่ตรงนี้ รอจนกว่าน้าชิงจะฟื้นถึงจะจากไป
พระชายาสามเห็นเช่นนั้นก็หยุดเช่นกัน
ทันใดนั้นลานตำหนักขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยผู้คน แต่ในห้องมีเพียงสวีโหรวและอวี้ชิงลั่วเท่านั้นที่ยังไม่ได้สติ
และมีเย่หลานเฉิงและหนานหนานที่เฝ้ามองด้วยความกังวล ส่วนเจียงอวิ๋นเซิงและหงเย่ก็มองหน้ากันด้วยความลำบากใจ
แม้ว่าหนานหนานจะไม่ไว้ใจเจียงอวิ๋นเซิง แต่เขาก็ยังเชื่อใจหงเย่ หงเย่ห่วงใยแม่ของเขามากที่สุด ถ้านางบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ต้องไม่เป็นอะไร
แต่เขารู้สึกว่าท่าทางของหงเย่นั้นแปลกมาก
ดังนั้นเมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที ก่อนจะเอื้อมมือดึงแขนเสื้อของหงเย่ แล้วดึงนางมาหา
“พี่หงเย่ บอกข้าที เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของข้ากันแน่?”
หงเย่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะแห้ง ๆ “คือว่า หนานหนาน…”
ควรจะบอกเรื่องนี้อย่างไรดี?
หนานหนานขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรที่ข้าไม่อาจรับรู้ได้อย่างนั้นหรือ?”
เย่หลานเฉิงที่อยู่ด้านข้างก็เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเห็นแววตาอันบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ของเด็กทั้งสอง หงเย่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร นางจึงได้แต่มุ่งความสนใจไปที่เจียงอวิ๋นเซิง
ฝ่ายหลังเงยหน้าขึ้นมองโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ศึกษาลวดลายบนโต๊ะอย่างตั้งใจ แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “สิ่งที่อยู่ในตำหนักช่างวิจิตรงดงามเสียเหลือเกิน เมื่อก่อนข้าไม่เคยสนใจ แต่ตอนนี้…”
“ชิงเอ๋อร์เป็นลมไปแล้ว แต่เจ้ายังมีกระจิตกระใจชื่นชมโต๊ะในตำหนักอีกหรือ?!” เสียงเย็นชาและเกรี้ยวกราดของเย่ซิวตู๋ดังขึ้นที่ประตู
ทันทีหลังจากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไป คว้าคอเสื้อของเจียงอวิ๋นเซิงขึ้นมา แล้วโยนเขาไปข้างเตียงของอวี้ชิงลั่ว “รีบบอกเปิ่นหวางมาเร็ว ๆ หากชิงเอ๋อร์มีอะไรผิดปกติ เปิ่นหวางจะฆ่าเจ้า”
ดูเหมือนเขาจะโกรธและหวาดกลัวมาก เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอีกครั้ง และรีบตะโกนออกไปด้านนอก “โม่เสียน เจ้าใช้นกพิราบไปส่งจดหมายถึงหมอเฒ่าฉยงซานเดี๋ยวนี้ บอกให้รีบกลับมาด่วน”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ร่างของอวี้ชิงลั่วอย่างไม่ยอมละสายตา เขาแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นใบหน้าอันซีดเผือดของนาง
ทั้งหงเย่และเจียงอวิ๋นเซิงตกตะลึง มุมปากของพวกเขากระตุก จากนั้นก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของเย่ซิวตู๋ “เจ้ายังทำอะไรอยู่? เร็วเข้า เปิ่นหวางต้องการให้ชิงเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่?”
หลังจากพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นจับเก้าอี้ข้างเตียง แล้วโยนไปยังโต๊ะที่เจียงอวิ๋นเซิงชื่นชมเมื่อครู่นี้ เมื่อเสียง ‘โครม’ ดังขึ้น ขี้เลื่อยปลิวว่อนไปทั่วทันที ทุกอย่างทั้งภายในและภายนอกห้องหยุดยิ่ง
หงเย่สะดุ้ง เห็นได้ชัดว่าเย่ซิวตู๋เสียสติไปแล้ว
นางรีบก้าวไปข้างหน้า ยอมเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกฆ่า แล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง คุณหนูสบายดี ก็แค่ ก็แค่…”
“ก็แค่อะไร?”
“ก็แค่ตั้งครรภ์เพคะ”
“…”เย่ซิวตู๋ตกตะลึงไปทันที ร่างกายของเขาแข็งทื่อ และไม่ได้สติไปชั่วขณะ
ราวกับไม่มั่นใจ เขาถามอีกครั้ง “เจ้าบอกว่า… ชิงเอ๋อร์ตั้งครรภ์งั้นหรือ?”
“อืม” หงเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
เจียงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้างก็รีบพยักหน้าทันที แล้วรอยยิ้มมุมปากของเย่ซิวตู๋ก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเขาก็นั่งลงบนขอบเตียงอย่างสงบ เอื้อมมือไปสัมผัสนาง โดยไม่กังวลว่านางจะเป็นอันตรายอีกแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะบอกว่าชิงลั่วท้องก็บอกมา อมพะนำกันอยู่ทำไมหนอ
ไหหม่า(海馬)