อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1061 ทุกคนต่างรู้
ตอนที่ 1061 ทุกคนต่างรู้
ตอนที่ 1061 ทุกคนต่างรู้
เจียงอวิ๋นเซิงและหงเย่ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน เมื่อครู่ทั้งสองคนล้วนตกใจกับเย่ซิวตู๋เสียจนเหงื่อตกไปทั้งร่าง
ปกติแล้วถึงแม้ท่านอ๋องจะเคยโกรธเกรี้ยวและเมินเฉยถึงเพียงนี้อยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียก็มักจะฉายแววของความมีเหตุผลอยู่บ้างแม้เพียงน้อยนิด
แต่เมื่อครู่นี้นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่น้อย พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าของเย่ซิวตู๋ก็รู้สึกว่าเลือดทั้งกายพลุ่งพล่านขึ้นมา ราวกับว่าจะพุ่งทะลักออกมาอย่างไรอย่างนั้น คล้ายกับชีวิตของตนจะถูกเขาปลิดเอาไปได้ตลอดเวลา แม้แต่หายใจก็ยังรู้สึกไม่ทั่วท้อง
เมื่อครู่นี้หากเก้าอี้ตกลงมาใส่พวกเขา พวกเขาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วเป็นแน่
ดูจากสีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ถือว่าสงบลงแล้ว
หนานหนานและเย่หลานเฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็ตะลึงไปเช่นกัน ท้องหรือ? ใช่ท้องที่มีความหมายเช่นนั้นหรือไม่? หมายความอย่างที่พวกเขาคิดไว้ในใจหรือไม่?
หนานหนานอดไม่ได้ รีบกระโดดไปตรงหน้าหงเย่ “ท่านพี่หงเย่ ท่าน ท่านหมายความว่า หมายความว่า หมายความว่าข้าจะมีน้องสาวหรือ ใช่หรือไม่”
หงเย่รีบปิดปากของเขา กล่าวเบาๆ “จุ๊ๆ เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ผู้อื่นรู้ล่ะ”
“ทำไมเล่า?” มีน้องสาวก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ เขาตั้งตารอมานานมากๆ แล้ว ฝันเอาไว้หลายคราแล้วว่าจะให้น้องสาวแต่งตัวเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในโลกหล้า จะให้น้องสาวเชื่อใจเขา พึ่งพาเขา อยู่ข้างกายตนไปตลอดชีวิต
หงเย่กระตุกมุมปาก ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาน่ะสิ
อย่าว่าแต่ตอนนี้เป็นช่วงที่ไฟสงครามลุกโชนไปทุกหย่อมหญ้าเลย กระทั่งในช่วงเวลาอันสุขสงบ คุณหนูและท่านอ๋องซิวก็ยังไม่แต่งงานกัน หากมีข่าวว่าตั้งครรภ์แพร่ออกไป คนภายนอกเขาจะมองอย่างไรเล่า?
ถึงแม้จะบอกว่าทั้งคู่หมั้นหมายกันแล้ว อีกทั้งยังมีหนานหนานที่เป็นบุตรชายโตเพียงนี้แล้ว แต่อดีตก็คืออดีต ตอนนี้จำเป็นต้องมีการแต่งงานกันก่อน หลังจากมีพิธีการแล้ว การตั้งครรภ์จึงจะเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
และนี่คือเหตุผลที่นางและเจียงอวิ๋นเซิงลังเลไม่พูดเมื่อครู่นี้ ถึงแม้ในตำหนักอ๋องซิวจะล้วนเป็นคนกันเอง แต่เรื่องนี้นั้นจะให้คนอื่นรู้ได้หรือไม่ ก็ต้องให้เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วเป็นผู้ตัดสินใจจึงจะถูก
หงเย่บอกเหตุผล ให้หนานหนานและเย่หลานเฉิงปิดเป็นความลับ
เย่หลานเฉิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังทันที เขาโตกว่าหนานหนานเล็กน้อย อีกทั้งสภาพแวดล้อมตั้งแต่เด็กจนโตก็ต่างกัน ย่อมรู้ถึงความกังวลในเรื่องนี้ รู้ว่าจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงของท่านน้าชิง
แต่หนานหนานไม่พอใจเล็กน้อยแล้ว น้องสาวที่เขาเฝ้ารอมานานแสนนาน ควรได้แบ่งปันความสุขนี้กับคนอื่นๆ อย่างเปิดเผยสิ ตอนนี้กลับต้องปกปิดเอาไว้ คิดๆ แล้วก็ไม่มีความสุขนัก
หนานหนานคิดว่าช่างไม่ยุติธรรมต่อน้องสาวในท้องของท่านแม่นัก ดังนั้นระให้น้องสาวออกมาเสียก่อน เขาจะต้องชดเชยให้นางอีกหลายเท่า
เพียงแต่เย่ซิวตู๋นั้นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวมาโดยตลอด สายตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่กล่าวอะไรเลยอยู่เป็นเวลานาน
ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวว่าอวี้ชิงลั่วเป็นลมไปก็กระโดดลงจากหอประตูเมืองโดยไม่คิดสิ่งใดแม้แต่น้อย ลากเอาม้าตัวหนึ่งควบมาที่ตำหนักอย่างรีบร้อน ในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อตลอดทาง ในใจเต้นแรงอย่างมาก กลัวว่าอวี้ชิงลั่วจะเป็นอะไรไป หวาดกลัวอย่างมากจริงๆ
แต่ต่อให้ตอนนี้จะรู้ว่านางไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ใจดวงนี้ก็ยังคงเต้นแรงอยู่เหมือนเดิม
เขารีบกุมหน้าอกของตน หลับตาอย่างแรง ทันใดนั้นก็หันหน้าไปถามเจียงอวิ๋นเซิงด้วยดวงตาเป็นประกาย “ตอนนี้ข้าอุ้มนางกลับห้องได้หรือไม่ ข้าต้องใส่ใจสิ่งใดบ้าง หากอุ้มไปเช่นนี้จะกระทบกระเทือนต่อนางหรือไม่ อีกอย่าง อาหารการกินในวันปกติของนางต้องใส่ใจในจุดใดบ้าง เมื่อคลอดต้องเชิญหมอตำแยจะดีกว่าหรือไม่ จับอะไรได้บ้าง จะไปฝ่าฝืนสิ่งต้องห้ามใดหรือไม่ อีกอย่าง ในตำหนักมีคน หรือสัตว์ หรือเรื่องอันใดที่ไม่ถูกจริตของนางหรือไม่…”
“…” เจียงอวิ๋นเซิงวิงเวียนเล็กน้อย ไม่ทราบว่าจะต้องตอบคำถามข้อไหนก่อนดี
ความไม่เข้ากันของคำพูดนี้มันอะไรกัน?
ครั้นเห็นว่าเย่ซิวตู๋ยังมีคำถามอีกชุดใหญ่รอถามตน เจียงอวิ๋นเซิงก็ไม่สนใจที่สูงที่ต่ำแล้ว รีบเอ่ยขัดเขา “ท่านอ๋องๆ แม่นางอวี้ไม่เป็นอันใด ไม่ต้องเป็นกังวล ท่าเพียงอุ้มนางกลับห้องก็ใช้ได้แล้ว อีกอย่างๆ แม่นางอวี้เป็นหมอ อีกทั้งยังเคยมีบุตรแล้ว นางมีประสบการณ์ เรื่องเหล่านี้คงรู้ดียิ่งกว่าข้าอีก รอแม่นางอวี้ฟื้นมาก่อน ท่านอ๋องถามนางก็จะยิ่งวางใจขอรับ”
“กล่าวได้ถูกต้อง เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว” เย่ซิวตู๋ยิ้มอย่างโง่งมเล็กน้อย
เจียงอวิ๋นเซิงมองท่าทางเช่นนั้นของเขาก็อดจ้องมองไม่ได้
เย่ซิวตู๋ชะงักไป จากนั้นก็อุ้มอวี้ชิงลั่วไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง ทั้งยังเดินออกจากห้องไปอย่างระมัดระวังอีกด้วย
แม่นมเซียวที่ประตูเห็นดังนั้นก็รีบเดินตรงเข้ามา “ท่านอ๋อง องค์หญิงนาง…”
“อ้อ ไม่เป็นไรๆ” เย่ซิวตู๋หยุดฝีเท้า ยิ้มพลางมองคนในเรือน กล่าวเสียงดัง “ชิงเอ๋อร์ตั้งครรภ์ ตกรางวัลทุกคนในตำหนักด้วย”
“…” หงเย่และเจียงอวิ๋นเซิงที่เดินตามออกมาด้านหลังล้วนหยุดฝีเท้าพร้อมกัน โซซัดโซเซจนแทบจะล้มลงกับพื้น
เมื่อยืนได้มั่นคงแล้วก็ตัวแข็งทื่อราวกับหินอย่างสมบูรณ์ ในใจสับสนอย่างมาก
ให้ตายเถิด พวกเขาจะพยายามอย่างหนักเพื่อปกปิดไปทำไมกัน?
“…” เย่หลานเฉิงและหนานหนานเงยหน้ามองหงเย่และเจียงอวิ๋นเซิงพร้อมกัน พวกเขาเชื่อฟังมาก ไม่พูดอันใดทั้งนั้น แต่เหตุใดจึงมีคนพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้ ทั้งยังราวกับว่าอยากให้คนทั้งโลกรู้อย่างไรอย่างนั้น
“…” ทุกคนในลานบ้านต่างตกตะลึง ไม่สามารถตอบสนองได้เล็กน้อย
จนกระทั่งได้สติกลับมา เย่ซิวตู๋ก็อุ้มอวี้ชิงลั่วเดินออกไปไกลอย่างมีความสุขเสียแล้ว
เมื่อกลับถึงเรือนของตนเอง เย่ซิวตู๋ก็ปิดประตู แม้แต่หนานหนานก็ถูกกันไว้ด้านนอก ไม่ให้เข้ามาแล้ว
ตนนั้นก็วางอวี้ชิงลั่วลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ลดน้อยลงเลย เพียงแต่นั่งอยู่ข้างเตียง จ้องมองใบหน้าของนาง
เมื่ออวี้ชิงลั่วฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
นางรู้สึกเพียงลางๆ ว่ามีคนนอนอยู่ข้างตน ร่างกายอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น สบายตัวอย่างมาก
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ?”
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา “เหตุใดท่านจึงอยู่ตรงนี้? ท่านไปที่ประตูเมืองแล้วไม่ใช่หรือ…” นางหยุดชะงักไป มองท้องฟ้าด้านนอก ขมวดคิ้ว สับสนเล็กน้อย “ฟ้ายังไม่สว่างหรือ? แต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนข้าฝันอยู่นานมากเลยเล่า?”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะ “เจ้าไม่ได้ฝัน วันนี้เกิดเรื่องมากมาย แล้วเจ้าก็หมดสติไป”
หมดสติไปหรือ? อวี้ชิงลั่วตะลึง ทันใดนั้นก็ตอบสนอง รีบนลุกขึ้นนั่ง “เกิดอะไรขึ้น? ข้าหมดสติไป แล้วหนานหนานเล่า? เขาเป็นกังวลมากใช่หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋เห็นการเคลื่อนไหวรวดเร็วของนางก็เกรงว่านางจะแตกสลายไปเช่นนั้น รีบกดร่างของนางไว้ น้ำเสียงยังคงอ่อนโยน “เจ้ารีบร้อนไปทำไม ระวังหน่อย หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเคลื่อนไหวมากมายเช่นนั้น”
“ตั้งครรภ์หรือ?” อวี้ชิงลั่วตะลึง
“เจ้าเป็นหมอไม่ใช่หรือ? ตนเองตั้งครรภ์ ไม่รู้ตัวเลยหรือ?”
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา ช่วงนี้มีเรื่องมากมายเข้ามาติดต่อกัน อีกทั้งร่างกายก็ยังเป็นปกติ ไม่รู้สึกอันใดเป็นพิเศษ ไม่ง่วงงุน ไม่แพ้ท้อง กระทั่งเห็นเลือดเต็มพื้นนางยังไม่รู้สึกอันใด
เหมือนกับว่า… มีเพียงรอบเดือนที่ไม่มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้นางไม่ได้ใส่ใจ
คิดไม่ถึง… ว่าจะมีเสียแล้ว
นางกุมศีรษะ แสดงสีหน้าโง่เขลาอย่างหาได้ยาก มองเย่ซิวตู๋พร้อมรอยยิ้มแวบหนึ่ง
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ จู่ๆ ก็ราวกับคิดเรื่องบางอย่างออก “จริงสิ เรื่องที่ข้าตั้งครรภ์คงยังไม่บอกใครกระมัง ตอนนี้เราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไม่ทันแล้วชิงลั่ว ท่านอ๋องดีใจจนเก็บไม่อยู่ ประกาศบอกคนทั้งตำหนักไปแล้ว
ไหหม่า(海馬)