อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1070 ราชโองการแต่งตั้ง, สำเร็จราชการ
ตอนที่ 1070 ราชโองการแต่งตั้ง, สำเร็จราชการ
ตอนที่ 1070 ราชโองการแต่งตั้ง, สำเร็จราชการ
ดังนั้น อดีตองค์รัชทายาทจะถูกขังไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหลังจากหลานเฉิงกลายเป็นฮ่องเต้ เขาที่เป็นบุตรชาย จะต้องจัดการตนเองอย่างไรเล่า
อดีตองค์รัชทายาทก็จะถูกปล่อยตัวไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากเขาเห็นบุตรชายตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นความคิดของเขาก็จะกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอันใดได้อีก ไม่แน่ว่าอาจจะให้หลานเฉิงยอมถอยและมอบตำแหน่งให้เขาเพราะเหตุนั้นก็เป็นได้
ตอนนี้ตรงหน้าอดีตองค์รัชทายาทมีเพียงเส้นทางเดียว ก็คือไปตาย
ไทเฮาค่อยๆ ปรับสีหน้าของตน จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ ลำคอแห้งผากเล็กน้อย นางกลืนน้ำลายจากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าตัดสินใจจะให้หลานเฉิงสืบทอดราชบัลลังก์จริงหรือ เช่นนั้น… ซิวตู๋เล่า”
“ซิวเอ๋อร์ไม่มีความทะเยอทะยาน แต่เขารับปากกับข้าไว้แล้วว่าจะช่วยเหลือหลานเฉิง จนกว่าเขาจะมีอำนาจนั่งในตำแหน่งนั้นอย่างมั่นคงได้”
ไทเฮาเงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปนาน แววตาก็มืดหม่น ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้น
นางมองตรงไปด้านหน้า รังสีบนเรือนร่างของนางดูสงบนิ่งและสง่างามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รัศมีเย็นชาเคร่งขรึมในฐานะไทเฮาแห่งอาณาจักรเฟิงชางแผ่ออกมา นางค่อยๆ พยักหน้า กล่าวกับฮ่องเต้ “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ไทเฮาทรงหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
“อดีตองค์รัชทายาทจะอยู่ต่อไปไม่ได้” ไทเฮาสูดหายใจลึกๆ มองฮ่องเต้ด้วยแววตาเปล่งประกาย “เรื่องนี้นั้น ให้ข้าเป็นคนจัดการเถิด”
ฮ่องเต้ประหลาดใจ ไทเฮาจะเป็นผู้จัดการด้วยตัวเองหรือ?
“เสด็จแม่ ถึงแม้เขาจะเป็นโอรสของฮองเฮา แต่ว่า…” ไทเฮาคงไม่ได้คิดจะลอบช่วยอดีตองค์รัชทายาทอย่างลับๆ กระมัง
“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะไม่ออมมือเป็นแน่ หากต้องเลือกระหว่างเขาและหลานเฉิง ข้าก็จะเลือกหลานเฉิง” คนหนึ่งเห็นแก่ตัว อีกคนฉลาดและเที่ยงธรรม ต่อให้หลับตาเลือก นางก็รู้ว่าควรต้องเก็บใครไว้ นางเองก็จะไม่ยอมให้มีปัจจัยที่ไม่คาดคิดมาส่งผลกระทบต่อเส้นทางในอนาคตของหลานเฉิงเป็นแน่
นางไม่เพียงแต่เป็นพระอัยยิกาของอดีตองค์รัชทายาท แต่ยังเป็นไทเฮาของอาณาจักรเฟิงชางด้วย นางต้องมอบมหาราชให้แก่อาณาจักรเฟิงชาง ไม่ใช่คนชั่วที่โง่เง่าอย่างไร้คนเทียบทั้งยังทำร้ายชายาและบุตร
มีบางครั้ง สตรีก็แสดงออกถึงความเด็ดขาดเสียยิ่งกว่าบุรุษ
ฮ่องเต้วางพระทัยแล้ว จากนั้นจึงได้กล่าวถึงเป้าหมายอีกอย่างหนึ่ง “ยังมีทางด้านฮองเฮานั้น หวังว่าเสด็จแม่จะเสด็จไปแทนข้าได้”
เขาไม่อยากไปคุยด้วยตนเอง ไม่อย่างนั้นฮองเฮาคงจะคลั่งและไม่เห็นด้วยเป็นแน่
มีบางคำพูดที่หากไทเฮาไปพูดจะน่าคล้อยตามมากกว่า
ไทเฮาพยักหน้า “เจ้าวางใจเถิด ฮองเฮาผิดหวังกับอดีตองค์รัชทายาทไม่ใช่แค่วันสองวัน หลายปีก่อนหน้านี้ นางก็ฝากความหวังไว้ที่หลานเฉิงแล้ว นางรู้ว่าควรเลือกเช่นไร”
ฮ่องเต้พยักหน้า เห็นว่าไทเฮาดูเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย ก็อยากจะบอกลาจากไป
เพียงแต่เมื่อเดินไปถึงประตู ทันใดนั้นก็หันหน้ากลับมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลืมบอกกล่าวเสด็จแม่ไปเรื่องหนึ่ง แม่นางอวี้ตั้งครรภ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกคิดว่าไม่นานเสด็จแม่ก็จะมีเด็กน้อยที่น่ารักเหมือนกับหนานหนานมาอยู่ข้างกายอีกคนหนึ่งแล้ว”
แน่นอนว่าเมื่อไทเฮาได้ยินข่าวนี้ พระเนตรก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ยามที่ลวี่ฝูเข้ามา ก็เห็นสีพระพักตร์ไทเฮาดูแปลกไปเล็กน้อย ราวกับว่าเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็มีความสุขอยู่เช่นกัน
ผ่านไปนาน นางก็ได้ยินเสียงไทเฮากล่าว “เกรงว่าช่วงนี้หนานหนานคงไม่สามารถเข้าวังมาอยู่กับข้าได้แล้ว เจ้าเด็กนั่น ไม่รู้ว่าลืมข้าไว้ตรงไหนเสียแล้ว”
ลวี่ฝูได้ยินก็บอกไม่ถูก คิดจะกล่าวสักสองสามประโยค ไทเฮากลับลุกขึ้น สั่งให้ตู้กงกงตามฮองเฮามาเข้าเฝ้า
ลวี่ฝูงุนงงเล็กน้อย แต่เห็นไทเฮาไม่ได้ย้อนกลับไปพูดประเด็นเมื่อครู่อีก ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา
……
วันต่อมา เย่ซิวตู๋ยุ่งมาก ยุ่งเสียจนเท้าแทบไม่แตะพื้น
องค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดถูกจับไปแล้ว แต่เหล่าพวกคนร้ายที่ยังรอดไปได้ก็ยังต้องตามล่าเพื่อจัดการ ในเมืองหลวงสถานการณ์เปลี่ยนไป เกิดการสังหารอย่างโหดเหี้ยม
แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร การสู้รบปิดล้อมเมืองหลวงในครั้งนี้ เมื่อมีการร่วมมือกันของเหล่าองค์ชายและทุกๆ คน ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็สงบลงแล้ว
เมืองหลวงกลับเข้าสู่สภาวะค้าขายตามปกติ โชคดีที่แม้จะมีสงคราม แต่ประชาชนในเมืองหลวงก็ยังไม่ได้รับอันตรายใด เสนาบดีฝั่งขวาหลี่จื่อฟานก็พาเหล่าขุนนางไปปลอบขวัญทุกคน รักษาความสงบเรียบร้อย ดังนั้นสำหรับเหล่าประชาชนในเมืองหลวงแล้ว สงครามครั้งนี้ราวกับเป็นความฝันอย่างไรอย่างนั้น ดูไม่เหมือนจริงเป็นอย่างมาก
วิธีการของเย่ซิวตู๋รวดเร็วดุดันและเฉียบขาดอย่างมาก ได้ความช่วยเหลือจากอวี้เฟิงถัง อดีตคนขององค์ชายเจ็ดถูกเขาถอนรากถอนโคนอย่างรวดเร็ว บางส่วนถูกเปิดเผยต่อคนภายนอก บางคนก็จัดการอย่างเงียบๆ
สิ่งใหม่มาแทนที่เก่า เมืองหลวงค่อยๆ สงบลง
หนึ่งเดือนครึ่งหลังจากนั้น อวี้ชิงลั่วผ่านช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ที่ชวนให้คนตึงเครียดเป็นที่สุด สุดท้ายก็ได้รับอนุญาตให้เดินไปไหนมาไหนได้ ไม่มีการจำกัดบริเวณแล้ว
จะว่าไปแล้วก็แปลก ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่สังเกตเห็นถึงการตั้งครรภ์ สุขภาพก็ดูเหมือนจะแข็งแรงอย่างมาก ไม่มีการแพ้ท้องเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากวินิจฉัยออกมาแล้ว ตัวคนกลับเปลี่ยนเป็นเปราะบางขึ้นมา มักจะเกียจคร้านไร้พลังงาน กินอาหารก็กินอย่างหนักหน่วงมาก ทำเอาหนานหนานรู้สึกหวาดกลัวว่านางจะเลี้ยงน้องสาวในท้องจนอ้วนเป็นหมู
แต่ถึงแม้นางจะกินมาก รูปร่างกลับไม่ได้เปลี่ยนไปนัก จึงทำให้นางสบายใจขึ้นมาก
องค์ชายสามและพระชายาสามกลับไปยังจวนของตนแล้ว สวีโหรวยังคงพักอยู่ที่จวนอ๋องซิว ร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา
นางและเย่หลานเฉิงก็ไม่เคยกล่าวถึงอดีตองค์รัชทายาท ทั้งยังไม่สนใจว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยมีคนผู้นี้ปรากฏตัวอย่างไรอย่างนั้น
จนกระทั่งมีข่าวจากภายนอกว่าอดีตองค์รัชทายาทป่วยหนัก นางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ นางกลับรู้ดี อดีตองค์รัชทายาทไม่ได้ป่วย ในใจนางก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง อย่างไรทุกสิ่งที่อดีตองค์รัชทายาทกระทำลงไป ก็ไม่มีเหตุผลให้ปล่อยเขาไปเช่นนี้
บอกว่าป่วยหนัก เกรงว่าคงจะใกล้ตายเต็มทีแล้ว
นางได้ถามเย่หลานเฉิงแล้วว่าคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร
เย่หลานเฉิงกลับสงบกว่าที่คิด กล่าวเพียงว่าต่อไปพวกเขาแม่ลูกทั้งสองคนอยู่อย่างพึ่งพากันเป็นใช้ได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นก็ไม่ได้กล่าวถึงอีก
เรื่องนี้นัน นางเองก็ไม่ได้ถามหรือคิดมากอันใดอีก เพียงแต่แวะมาคุยกับอวี้ชิงลั่วอยู่บ่อยๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่จินหลิวหลีนั้น มีวันหนึ่งได้เข้าวังไปพบฮ่องเต้พร้อมกับเย่ฮ่าวหราน ด้วยความที่ครั้งนี้เย่ฮ่าวหรานได้แสดงความโดดเด่นระหว่างปราบกบฏ ฮ่องเต้จึงอนุญาตให้เขาเข้าเมืองหลวงได้อย่างอิสระ เพียงแต่ยังคงมีสถานะเป็นสามัญชน นี่ก็เป็นความต้องการของเย่ฮ่าวหรานเอง เขารู้สึกว่าเช่นนี้ดีมาก จินหลิวหลีเองก็จะได้ไม่มีฐานะใดที่เป็นภาระ
เพียงแต่จินหลิวหลีอยู่ที่เมืองหลวง ทั้งวันกลับคลุกคลีอยู่กับซวนหย่า พวกลู่หลานเฟิงเหล่านั้นล้วนกลับไปแล้ว เหลือไว้เพียงซวนหย่าที่ถูกเย่ซิวตู๋เกลียดชังเท่านั้น
นิสัยของนางและจินหลิวหลีล้วนไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ ตอนนี้อวี้ชิงลั่วตั้งครรภ์ไม่สามารถออกจากบ้าน เพียงออกมาก็ต้องมีคนคอยตามหลังยาวเหยียด ทั้งสองคนเห็นว่ายุ่งยาก จึงทิ้งนางไว้แล้วออกไปเที่ยวเล่นกันเอง
อวี้ชิงลั่วอยากจะบีบพวกนางให้ตายยิ่งนัก ตอนนี้นางผ่านมาสามเดือนแล้ว ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็ไม่จำกัดบริเวณนางอีก เรื่องแรกที่นางจะทำก็คือไปคิดบัญชีกับสองคนนั้น
ใครจะรู้ว่าทางด้านนี้เพิ่งก้าวออกจากประตู เยว่ซินก็รีบวิ่งมาแล้วกล่าวอย่างกระหืดกระหอบ “คุณหนู เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“เรื่องใหญ่อันใดกัน?” อวี้ชิงลั่วยืนนิ่ง มองใบหน้าท่าทางท่วมเหงื่อของนาง
ตอนนี้ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว เยว่ซินยังวิ่งเสียจนเหงื่อออกได้ ดูแล้วคงเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
“โม่เสียน โม่เสียนบอกว่า เช้าวันนี้ฝ่าบาททรงมีแถลงการณ์ แถลงการณ์แต่งตั้งเฉิงซื่อจื่อเป็นองค์รัชทายาท ท่านอ๋องของพวกเราเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ฝ่าบาทสุขภาพไม่สู้ดี ต่อไปเรื่องภายในราชสำนักทั้งหมดล้วนยกให้องค์รัชทายาทจัดการ ท่านอ๋องของของเราจะต้องช่วยองค์รัชทายาท… สำเร็จราชการเจ้าค่ะ”
ทุกคนล้วนตะลึงไป ต่างพากันอ้าปากค้าง มีเพียงอวี้ชิงลั่วที่แสดงออกอย่างสงบนิ่งราวกับว่ารู้อยู่แล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องก็ได้ตำแหน่งใหญ่อยู่นะ ต่อให้ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่อำนาจการปกครองก็อยู่ที่ตัวเองเกือบหมดอะ
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-