อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1089 เนี่ยนเนี่ยน
ตอนที่ 1089 เนี่ยนเนี่ยน
ตอนที่ 1089 เนี่ยนเนี่ยน
สามปีหลังจากนั้น
น้องสาวอีกคนที่หนานหนานคาดหวังเฝ้ารอนั้นยังไม่มาถึง แต่กลับมีน้องชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
เมื่อถึงงานเลี้ยงครบรอบเดือนของเย่ฉิงเป่ย นายน้อยคนรองของตำหนักอ๋องซิว ทั่วทั้งตำหนักอ๋องซิวก็เต็มไปด้วยความคึกครื้นอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน
ไป๋อีเฟิงมาอีกแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ที่มา นอกจากจะพาไป๋หลิวเจวี๋ยวัยหกขวบมาแล้ว ยังพาเด็กที่อายุน้อยกว่าหนานหนานหนึ่งปีมาด้วยคนหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเด็กคนนี้ดูเหมือนไป๋ชูเฟิงอย่างมากก็สงสัย
เมื่อหันกลับไปถามไป๋อีเฟิง เขาก็ทำสีหน้าขมขื่นทันที กล่าวด้วยใบหน้าจนปัญญา “บุตรชายของพี่ใหญ่ข้า เฮ้อ…”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว บุตรคนแรกกับภรรยาคนแรกของไป๋ชูเฟิงน่าจะเป็นไป๋หลิวเจวี๋ยไม่ใช่หรือ แล้วเด็กคนนี้…
“ก่อนหน้านี้ตอนพี่ใหญ่ออกไปท่องเที่ยวนั้นได้พบหญิงนางหนึ่ง ทั้งสองคนชอบพอกันจึงได้ทำผิดประเพณี หลังจากนั้นพี่ใหญ่กลับมาบ้าน เดิมทีก็คิดจะให้คนไปสู่ขอหญิงคนนั้น คิดไม่ถึงว่าหญิงคนนั้นจะหายตัวไป พี่ใหญ่ส่งคนไปหาเสียทั่วก็หาไม่พบ หลังจากนั้นก็แต่งงานกับพี่สะใภ้ใหญ่ตามที่ท่านพ่อท่านแม่ตัดสินใจ”
ไป๋อีเฟิงกล่าวจบก็ถอนหายใจ “คิดไม่ถึงว่าหนึ่งปีก่อน หญิงคนนั้นจะป่วยหนักมาก ทำได้เพียงให้คนพาเด็กคนนี้กลับมาหาญาติ แต่ถึงแม้จะได้รู้จักกันแล้ว สถานะของเด็กคนนี้กลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ปกติแล้วพี่ใหญ่งานยุ่งมาก น้อยนักที่จะมายุ่งกับการจัดการเรื่องในเรือน ดังนั้นเด็กคนนี้จึงมีพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนดูแล เพียงแต่เจ้าก็รู้ สำหรับพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว เด็กคนนี้ก็เหมือนเป็นหนามยอกอกอันหนึ่ง มองคราใดก็ขัดหูขัดตา จะมาดูแลเด็กอย่างจริงใจได้อย่างไร ข้าเห็นว่าเขาน่าสงสารมาก เมื่อเดินทางมาครั้งนี้จึงถือโอกาสพาเขามาด้วย”
ไป๋อีเฟิงเองก็เป็นเพียงท่านอาเท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของพี่ใหญ่ได้ ในเมื่อช่วยได้เพียงแค่นี้ก็ช่วยไป
อวี้ชิงลั่วตะลึงไปเล็กน้อย ในภาพความประทับใจของนาง ไป๋ชูเฟิงเป็นคนที่รับผิดชอบต่อครอบครัวตนเองมาก สืบทอดอาชีพทางการของบิดามารดา เป็นคนที่เข้มงวดอย่างมาก
คิดไม่ถึงว่าจะมีอดีตเช่นนี้
แต่อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของครอบครัวคนอื่น นางไม่สามารถไปออกความคิดเห็นได้มากนัก เพียงแต่ให้หนานหนานพาเด็กๆ ไปเล่นด้วยเท่านั้น
ในช่วงสามปีมานี้ หนานหนานเติบโตขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อสองปีก่อน ในที่สุดหลังจากตามผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเข้าสู่อวี้เฟิงถัง คนก็ยิ่งเปลี่ยนไปเหมือนเย่ซิวตู๋มากขึ้น
สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยน น่าจะเป็นความรักที่มีต่อเนี่ยนเนี่ยน หลงรักน้องอย่างมาก
ครั้งนี้เมื่อเห็นไป๋หลิวเจวี๋ยมาอีกครั้งก็ขมวดคิ้วแน่น ด้วยไม่เคยลืมว่าสามปีก่อนไป๋หลิวเจวี๋ยเอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ น้องสาวของตน
ดังนั้นเขาเองก็ไม่ได้พาพวกเขาไปหาเนี่ยนเนี่ยน ไม่สนใจสิ่งใดรีบพาไปยังห้องตำรา ทำท่าทางราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย ทั้งสอนและทดสอบความรู้รวมไปถึงศิลปะการต่อสู้ของพวกเขาด้วย
เขามุ่งความสนใจไปยังไป๋หลิวเจวี๋ยเป็นพิเศษ แต่ก็เป็นเพราะอย่างนั้น กลับทำให้ไป๋หลิวอี้ที่ไม่เป็นที่ดึงดูดสายตา ราวกับคนล่องหนมาโดยตลอดเดินออกจากห้องตำรา เดินเล่นอยู่ในตำหนักอ๋องซิว
ตำหนักอ๋องซิวใหญ่มากเหลือเกิน หรูหราและโอ่อ่าเสียยิ่งกว่าบ้านตระกูลไป๋แห่งอาณาจักรเทียนอวี่
ไป๋หลิวอี้ฝีเท้ามั่นคง แม้ว่าเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่จะดีไม่เท่าไป๋หลิวเจวี๋ย แต่รัศมีทั่วทั้งร่างนั้นกลับดูเย็นชาและสำรวมยิ่งกว่าเด็กธรรมดาทั่วไปมาก
ตำหนักอ๋องซิวไม่มีคนรับใช้มาคอยจำกัดการกระทำของเขา ถึงขนาดว่าเมื่อเห็นเขาก็ยังพยักหน้าให้เล็กน้อย ทำความเคารพอย่างง่ายๆ มารยาทเช่นนี้ดูมีระเบียบวินัยยิ่งกว่าบ้านตระกูลไป๋
ดวงตาของไป๋หลิวอี้ที่นิ่งสงบมาตลอดก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ตำหนักอ๋องซิวสลับซับซ้อน แต่เส้นทางที่ไป๋หลิวอี้เดินนั้นมีแบบแผนอย่างมาก เขาพบว่าที่ตั้งของตำหนักอ๋องซิวก็ดี ลานบ้านก็ดี ดูเหมือนจะซับซ้อนแต่กลับมีแบบแผน เมื่อดูมากๆ เข้ากลับรู้สึกน่าสนใจอย่างมาก
ยิ่งไป๋หลิวอี้เดิน แววตาก็ยิ่งเป็นประกาย จนกระทั่งตรงหน้ามีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมา เขาก็หยุดฝีเท้าทันที
เพียงมองดูก็พบว่าตนนั้นเดินดูรอบตำหนักอ๋องซิวไปกว่าครึ่งแล้ว
“นี่… อย่ากัดสิ” น้ำเสียงอ่อนหวานลอยเข้ามาในหูของเขาทันใด ไป๋หลิวอี้ผงะ จากนั้นก็มองตามไปยังต้นกำเนิดเสียง ก็เห็นร่างเล็กในชุดสีชมพูนั่งยองอยู่กับพื้น ตรงหน้านางมีตะกร้าไผ่อยู่อันหนึ่ง ฝาถูกเปิดขึ้น
มือเล็กนุ่มขาวสีชมพูนั้นในตอนนี้กำลังจับงูตัวหนึ่งที่บิดร่างกายไปมา งูตัวนั้นน่าจะอยากกัดนาง นางยกมือตีที่หัวของเจ้างูครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นนางพันตัวงูที่ยาวหนึ่งหมี่จนขดเป็นวง จากนั้นก็ยัดเข้าไปในตะกร้าไผ่ ปิดฝา จากนั้นก็ยืนขึ้น
แววตาของไป๋หลิวอี้เปลี่ยนไปในทันใด หากเมื่อครู่เขาไม่ได้ดูผิด งูตัวนั้นน่าจะเป็นงูพิษ?
ร่างเล็กราวกับว่ามองไม่เห็นเขา หลังจากยืนขึ้น มือเล็กก็ถือตะกร้าไผ่ลากเดินไปข้างหน้า ถึงแม้ตะกร้าจะไม่ใหญ่ แต่หากจะยกขึ้นทั้งหมด สำหรับนางนั้นต้องใช้แรงมากไปหน่อย
ร่างของนางส่ายโงนเงนเช่นกัน แต่การแสดงออกบนใบหน้ากลับตึงเครียดมาก ท่าทางจริงจังอย่างมากอีกด้วย
ไป๋หลิวอี้มองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตรงไปขวางนางไว้ทันที ก้มหน้าลงมองใบหน้าเล็กๆ ผ่องใสสีชมพูของนาง ดวงตาที่สงบนิ่งมาตลอดเป็นประกาย เพียงแต่ต่อจากนั้นก็รีบเก็บอาการกลับไปอย่างรวดเร็ว
เขามองตะกร้าไผ่ที่นางลากอยู่ในมือ น้ำเสียงอดไม่ได้ที่จะลดต่ำลงมาก “เจ้า… เมื่อครู่ถูกกัดหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ไม่กล่าวอันใด จากนั้นก็ลากตะกร้าโซซัดโซเซผ่านร่างเขาไป
ไป๋หลิวอี้ผงะ จากนั้นก็ยิ้มออกมา เป็นเด็กที่แปลกเหลือเกิน
แต่มองท่าทางเช่นนั้นของนาง ก็คงน่าจะไม่ถูกกัด ท่าทางจับงูของนางนั้นดูคุ้นเคย เห็นได้ชัดว่าเคยชินกับมันมานานแล้ว เมื่อครู่เขารีบร้อนเกินไปจึงลืมควบคุมตนเอง
ไป๋หลิวอี้มองเห็นสองสามคนที่เหมือนสาวใช้วิ่งเข้ามา ตามด้วยร่างเล็กข้างๆ จึงได้วางใจลงได้
เขาออกมาเดินเล่นได้ครู่ใหญ่แล้ว หลังมองท้องฟ้าก็คิดว่าได้เวลาที่ควรกลับแล้ว
แต่หลังจากที่เขาไปได้ไม่นาน ก็มีเงาสองร่างปรากฏขึ้นจากความมืด
เสิ่นอิงกล่าวเสียงต่ำ “เด็กที่เล็กเพียงนั้น มาเดินอยู่ในตำหนักอ๋องซิวอยู่เกือบทั่ว แต่กลับไม่เดินผิดทางสักครั้งกลับไปก็ไม่ได้หลงทาง ไม่ธรรมดาเลย”
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา ไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนัก กล่าวเพียงว่า “ไปกันเถิด งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว ข้าไปรับเนี่ยนเนี่ยนแล้วจะไป”
ไป๋หลิวอี้กลับมาที่ห้องตำราเดิม ก็เห็นหนานหนานถลึงตาจ้องมองเขาอย่างดุร้าย เขาผงะไปแล้วกล่าวอธิบาย “ข้าไม่ค่อยเก่งนักเรื่องบทกลอนหรือการต่อสู้ อยู่ที่นี่ก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้จริงๆ ดังนั้นจึงได้ออกไปเดินน่ะ”
หนานหนานส่งเสียงเฮอะเบาๆ ไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
ออกไปเดินเล่นจะใช้เวลานานเพียงนี้หรือ? คิดว่าเขาเพิ่งจะรู้ว่าเขาหายตัวไปหรืออย่างไร? ตั้งแต่ออกไปไม่ถึงหนึ่งเค่อเขาก็รู้แล้วเข้าใจไหม?
เพียงแต่ว่าตำหนักอ๋องซิวก็ใช่ว่าจะเดินไม่ได้ เขาเพียงไม่ส่งเสียงก็เท่านั้น
ไป๋หลิวอี้เม้มปาก และไม่ได้กล่าวอันใดอีก ไม่ว่าหนานหนานจะจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยวเพียงใด เขาก็เพียงแต่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ โดยไม่แก้ตัวอีก
โชคดีที่อวี้ชิงลั่วให้โม่เสียนมาเรียกพวกเขาไปกินข้าวอย่างรวดเร็ว บรรยากาศกดดันในห้องตำราจึงได้มลายหายไป
ขณะที่เดินอยู่ ไป๋หลิวเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าหาข้างกายไปหลิวอี้ กล่าวเสียงต่ำ “ตอนออกจากบ้าน ท่านพ่อท่านแม่ก็สั่งเอาไว้แล้วว่าอย่าเดินไปไหนตามใจ และอย่าทำผิดกฎใดๆ ของตำหนักอ๋องซิว หากเจ้าทำสิ่งผิดพลาดอันใด คนที่ลำบากก็คือท่านอารอง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น้องเนี่ยนเนี่ยนน่าจะชำนาญเรื่องพิษไม่ต่างจากแม่เลยนะ ระวังโดนน้องเล่นงานเถอะ
ไหหม่า(海馬)