อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 783 อยากจะข่วนหน้าเจ้า
ตอนที่ 783 อยากจะข่วนหน้าเจ้า
ตอนที่ 783 อยากจะข่วนหน้าเจ้า
เย่ซิวตู๋หันหลังกลับ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
หรือว่ามือสังหารต้องการหาสิ่งของบางอย่างในห้องเก็บของ
แต่ถึงจะอย่างนั้น วิชาต่อสู้ของท่านอาจารย์สูงเพียงนั้น คนธรรมดาทำร้ายเขาไม่ได้เป็นแน่ ตอนนี้ไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส แต่ยังอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย
“ท่านคิดอันใดออกหรือ?” เหมิงจื่อเชียนรู้สึกไม่สบายใจ ปกติแล้วผู้อาวุโสสกุลหมิงรักใคร่ในตัวเขามาก ทั่วทั้งจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงนี้ ท่านพ่อเข้าข้างลูกนอกสมรส ท่านแม่ไม่แยแส คนเดียวที่เขาพูดคุยด้วยได้มีเพียงเหมิงจื่อฉี
และผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ดีต่อเขาและเหมิงจื่อฉี ก็คือผู้อาวุโสสกุลหมิง
ตอนนี้ท่านปู่ที่รักใคร่ตนมาตลอด ต้องประสบปัญหาอยู่ใต้จมูกเขา แต่เขากลับทำอันใดไม่ได้เลยสักอย่าง ในใจยิ่งเคียดแค้นและโทษตนเอง
เย่ซิวตู๋ส่ายหน้า “ข้าอยากไปดูที่ห้องเก็บของหน่อย”
“ขอรับ เดี๋ยวข้าพาไป” เหมิงจื่อเชียนเชื่อใจลูกพี่ลูกน้องอย่างเย่ซิวตู๋เป็นอย่างมาก ตอนเด็กๆ ทั้งสองคนสนิทกันไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันหลายปี แต่ความเข้าอกเข้าใจบางอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เย่ซิวตู๋เดินตามเหมิงจื่อเชียนไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็หยุดฝีเท้าแล้วกล่าว “เจ้ารอข้าเดี๋ยวสิ”
เขากล่าวจบก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง มองดูผู้อาวุโสสกุลหมิง ในมือกำแน่น ถอนหายใจยาว จากนั้นก็หันไปทางเหมิงลู่แล้วกล่าว “ท่านประมุข ตั้งแต่นี้ต่อไป ในห้องนี้นอกจากท่านและหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว ห้ามใครเข้ามาอีก ขอให้ท่านสั่งให้คนมาเฝ้าที่ประตูด้วยขอรับ”
เหมิงลู่อึ้ง “ห้ามใครเข้าทั้งนั้นหรือ?”
“ขอรับ ข้าไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น”
“แต่ว่า…” เหมิงลู่ลังเล อย่างไรก็เป็นจวนผู้อาวุโสสกุลหมิง การจัดการเช่นนี้ เกรงว่าจะก่อให้เกิดความไม่พอใจเอาได้
“รวมถึงข้าด้วย” เย่ซิวตู๋ไม่รอให้เขากล่าวจบ จากนั้นก็กล่าวเสริม “เช่นนั้นแล้ว ก็ถือว่าไม่มีการลำเอียง คงไม่มีใครกล้าออกความเห็นแล้วกระมัง”
เหมิงลู่หรี่ตา มองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่งแล้วกล่าวพลางยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะบอกว่านี่เป็นความคิดของข้า”
อย่างไรนี่ก็เป็นเย่ซิวตู๋ อย่างไรก็เป็นทายาทที่ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางโปรดปราน อย่างไรก็เป็นหลานชายที่ผู้อาวุโสสกุลหมิงรักใคร่มากที่สุด
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็พยักหน้า หันหลังเดินออกจากห้องไป เดินไปที่เรือนอีกหลังพร้อมกับเหมิงจื่อเชียน
ท้องนภาในตอนนี้เริ่มสว่างแล้ว
เย่ซิวตู๋เงยหน้ามองบนท้องฟ้า ในใจรู้สึกหนักอึ้ง ชิงเอ๋อร์ รออีกสักครู่เถิด
เขาจะต้องตามหานางให้เร็วที่สุด และจะไม่ให้นางต้องมีอันตรายอีก
เย่ซิวตู๋เม้มปาก ละสายตาจากมา เหมิงจื่อเชียนนำม้าไปแล้ว ถึงแม้อีกเรือนนั้นจะอยู่ไม่ไกลนัก แต่ตอนนี้กำลังเร่งรีบ ขี่ม้าไปจะไวกว่ามาก
เหวินเทียนที่มาถึงจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ เดินมาข้างกายเขาอย่างเงียบๆ กล่าวเสียงเบา “นายท่าน ตอนนี้เรื่องแม่นมเก๋อ พบที่อยู่แล้วขอรับ”
“ส่งคนไปเฝ้าดูก่อน ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องตามหาชิงเอ๋อร์และหาตัวมือสังหาร”
เหวินเทียนพยักหน้า “ขอรับ”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วแน่น พบตัวแม่นมเก๋อแล้ว หากชิงเอ๋อร์รู้ข่าวนี้ จะต้องดีใจเป็นแน่
“แม่นมเก๋อ แม่นมเก๋อ แม่นมเก๋อ…” อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นมานั่งบนเตียงหินทันใด ในหัวของนางว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงเห็นได้ชัดเจนว่าตนอยู่ที่ไหน แววตาของนางมองไปยังกำแพงหินที่อยู่ไม่ไกล หลับตาแล้วถอนหายใจออกมา เหงื่อไหลออกมาที่หน้าผากของนาง ฝ่ามือก็เปียกชื้น
เมื่อนึกถึงเลือดที่เห็นในฝันเมื่อครู่ หัวใจก็เต้นรัวเร็วขึ้นมาไม่น้อย
ส่วนมากแล้วเป็นเพราะก่อนนอนนั้นได้พบเบาะแสของแม่นมเก๋อ จึงได้ฝันว่านางต้องพบกับเรื่องไม่คาดคิด
อวี้ชิงลั่วหยิบกระดาษยับยู่ยี่นั้นออกมาจากอก มองอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เก็บกลับไปอีกครั้ง
นางเช็ดเหงื่อ ลุกจากเตียงหินแล้วขยับตัวเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
นางไม่รู้ว่าตอนนี้กี่ยามแล้ว ห้องลับนี้มืดมิดไม่เห็นแสงสว่าง นางเพียงรู้ว่าหลับไป แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน ช่างน่าโมโหจริงๆ
ขณะคิด ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านประตูหิน
อวี้ชิงลั่วเก็บอาการที่แสดงออกทางสีหน้าทันที หันหน้าไปมองทางซ้ายมือ
คนที่เข้าประตูมายังคงเป็นเหมิงพั่ว ด้านหลังของเขายังมีคนรับใช้คนเมื่อวานที่ยังคงก้มหน้า ในมือถือกล่องอาหาร
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกขึ้นมา “เจ้านี่ช่างว่างเหลือเกินนะ ทุกมื้อต้องมานั่งเฝ้าดูข้ากินอาหาร ทำเอากินไม่ลงเลย เจ้ารู้หรือไม่?”
“แม่นางอวี้เป็นแขกผู้มีเกียรติ แน่นอนว่าข้าต้องมารับรองเป็นการส่วนตัว ไม่อย่างนั้นหากละเลยไป แสดงว่าข้าทำผิดไม่ใช่หรือ” เหมิงพั่วไม่สนใจ ค่อยๆ นั่งลงตรงข้ามนาง โบกมือให้คนรับใช้วางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ
“อาหารวันนี้ จะถูกปากแม่นางอวี้หรือไม่”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมอง บนโต๊ะนั้นมีโจ๊กลูกเดือยชามหนึ่ง เกี๊ยวกุ้งสองสามชิ้น เครื่องเคียงสองสามอย่าง ครั้งนี้จับคู่เนื้อและอาหารได้อย่างมีสมดุลทางโภชนาการเหลือเกิน
นางมองไปยังเหมิงพั่วแวบหนึ่ง ในใจเดาว่านี่เป็นรูปแบบของอาหารเช้า เช่นนั้น ตอนนี้ท้องฟ้าน่าจะสว่างมาสักพักแล้ว
อวี้ชิงลั่วคิดเอาไว้แล้ว ก็เริ่มกินอย่างใจเย็น นางเป็นคนกินอาหารเก่งมาโดยตลอด โจ๊กนี้ไม่เลวเลย ถูกปากนางอย่างมาก
เหมิงพั่วส่ายหัว เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสตรีเช่นนี้ และไม่รู้ว่าในใจนางคิดอันใดอยู่กันแน่
จริงๆ แล้วตอนนี้อวี้ชิงลั่วเป็นกังวลมาก ในใจเต้นรัวเร็ว นางคิดจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงรับใช้ที่เงียบเชียบและก้มหน้าอยู่คนนั้น แต่เหมิงพั่วที่อยู่ข้างๆ กำลังเฝ้ามองนางอย่างกระตือรือร้นมาก นางเกรงว่าหากมองไปครั้งหนึ่ง จะทำให้คนรับใช้ผู้นั้นถูกเปิดโปง
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงดื่มโจ๊กทีละน้อย ราวกับว่าไม่แยแสอันใด
จนกระทั่งโจ๊กหมดชาม เครื่องเคียงทั้งหมดลงท้องไป จากนั้นนางก็วางตะเกียบลงด้วยท่าทางสง่างาม
เหมิงพั่วมองชามสะอาดเอี่ยมตรงหน้าก็ถึงกับกระตุกมุมปาก เหตุใดนางจึงกินเก่งเพียงนี้ อยู่แต่ในห้องลับนี้ทั้งวัน นอกจากกินอาหารแล้วก็มีแต่อยู่เฉยๆ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังทำอันใด เหตุใดจึงกินมากเพียงนี้
เหมิงพั่วมองไปยังอวี้ชิงลั่วด้วยแววตาสงสัย เขาโบกมือ ให้หญิงรับใช้เก็บจานชามและตะเกียบ
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเขาไม่ยอมไปก็แปลกใจและเลิกคิ้ว “อยากจะอยู่คุยกับข้าที่นี่หรือ?”
“หากแม่นางอวี้ต้องการ ก็ไม่มีเหตุอันใดต้องปฏิเสธ”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่ได้พูดภาษาเดียวกับเจ้า มีความคิดแตกต่างกันมากมาย เจ้าไปเสียเถิด ข้าดูท่าทางเจ้าแล้ว ก็รู้สึกว่าเจ้ามีแต่นำความเกลียดชังกลับคืนมา อยากจะข่วนหน้าเจ้าเสียจริง” นางกล่าวจบก็กลับไปนอนที่เตียงหินอีกครั้งแล้วหลับตา
“แม่นางอวี้คงไม่ได้จะหลับอีกแล้วใช่หรือไม่?” เหมิงพั่วรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่านางผู้นี้อยู่ในห้องลับนี้จะต้องหดหู่อย่างมาก อยากจะมีคนพูดคุยด้วย หรืออย่างน้อยที่สุดนางก็ต้องยอมคุยกับตน อย่างไรก็คงได้รับข้อมูลอันใดจากปากเขาบ้าง
แต่นี่นางกลับสบายดี ทั้งยังอยากอยู่คนเดียวอีกต่างหาก
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจเขา มือสองข้างหนุนศีรษะเป็นหมอน จากนั้นก็หลับตาลงจริงๆ
เหมิงพั่วยืนขึ้นแล้วหยุดครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วก็ส่งเสียงฮึดฮัด หันหลังแล้วจากไป
ประตูหินปิดลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วในทันที จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นางไม่มีโอกาสได้คุยกับคนรับใช้ตามลำพังเลย ทุกครั้งที่คนรับใช้เข้ามา เหมิงพั่วก็จะมาด้วย พวกนางไม่มีทางได้อยู่ลำพัง นางเองก็จะไม่มีทางได้รู้ที่อยู่ของแม่นมเก๋อ
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงหิน ก่ายหน้าผากครุ่นคิดอยู่นาน
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม นางก็หรี่ตาแล้วหัวเราะออกมา
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รอบคอบมากท่านอ๋อง คราวนี้ดูสิว่าจะมีใครกล้าเข้ามาทำอะไรผู้อาวุโสหมิง
ส่วนชิงลั่วก็ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ในคุกไปอย่างสวยๆ
ไหหม่า(海馬)