อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 814 แก้แค้นให้แม่ของเจ้า
ตอนที่ 814 แก้แค้นให้แม่ของเจ้า
ตอนที่ 814 แก้แค้นให้แม่ของเจ้า
“เรื่องนี้เจ้าคิดว่าอย่างไร”
เหมิงพั่วหัวเราะ ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ก็บุตรชายของเจ้าหาเรื่องเอง ข้าคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว ต่อให้เจ้าพาบุตรชายผู้นั้นของเจ้ากลับมาได้ในตอนนี้ คราหน้าก็ไม่แน่ว่าจะเป็นตัวถ่วงของเจ้าอีก ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ท่านประมุขตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะต้องจับมือสังหารที่ลอบฆ่าผู้อาวุโสสกุลหมิงให้ได้ แต่บุตรชายของเจ้ากลับวิ่งเข้าปากเสือไปพอดิบพอดี ยอมคืนตัวให้เจ้าก็แปลกแล้ว อย่างไรเขาก็เป็นเพียงลูกนอกสมรส ทั้งยังไม่ได้ฉลาดพอจะสงบอารมณ์ จะเสียไปก็ให้เสียไปเถิด เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนไม่ใช่หรือ เหมิงจื่อเชียนดีกว่าเขามากนัก”
เขาไม่ชอบเหมิงจื่อเย่ามาโดยตลอด คนผู้นั้นไม่เคยทำอะไรได้ดีสักอย่าง นอกจากจะสร้างปัญหาแล้วก็ไม่มีความสามารถอื่นใดทั้งนั้น
โชคดีที่เหมิงจื้อเฉิงรักใคร่เห็นคุณค่าเขา ไม่รู้ว่าเขามีดีที่ตรงไหน ก็เพียงมารดาของเขางดงามมากหน่อยก็เท่านั้นเอง
สีหน้าของเหมิงจื้อเฉิงดุร้ายขึ้นมาทันที กล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เหมิงพั่ว ข้าให้เจ้ามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำวิจารณ์ของเจ้า ไม่ว่าเขาจะไม่ดีอย่างไรก็ยังเป็นบุตรชายของข้า เจ้ากล่าวเช่นนี้มันเกินไปแล้ว ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนของน้องสาวข้า แต่ถ้าทำให้ข้าไม่พอใจ ต่อให้เป็นนาง ข้าก็จะไม่ไว้หน้าเป็นแน่”
“เฮ้อ เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถิด” เหมิงพั่วไม่สนใจ เขาพอรู้จักเหมิงลู่อยู่บ้าง
ตอนนี้ข่าวลือข้างนอกร้ายแรงมาก เหมิงจื่อเย่าก็ยังจะเข้ามายุ่งเกี่ยว หากยอมปล่อยตัวเขาสิจึงจะแปลก
เหมิงจื้อเฉิงเองก็ออกจะฉลาด เหตุใดจึงสอนบุตรชายออกมาให้โง่เง่าแบบนี้ได้
เขากล่าวจบก็ตัดสินใจลุกเดินออกไป
เหมิงจื้อเฉิงขมวดคิ้ว รู้สึกว่าเหมิงพั่วยิ่งวางท่าหนักขึ้นเรื่อยๆ จนค่อนข้าง… ควบคุมไม่ได้
“รอเดี๋ยว” เหมิงจื้อเฉิงลุกขึ้นจากที่นั่ง หรี่ตามองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเสียงต่ำ “อวี้ชิงลั่วยังไม่ได้ติดต่อเย่ซิวตู๋หรือ?”
“น่าจะยัง ตอนนี้เย่ซิวตู๋ยุ่งถึงเพียงนี้ เกรงว่านางคงไม่ปรากฏตัวง่ายๆ”
“เช่นนั้นนั่นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง” เหมิงจื้อเฉิงถอนหายใจช้าๆ คิดถึงเรื่องที่วุ่นวายนี้ก็ค่อนข้างปวดหัว
แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องพาเหมิงจื่อเย่ากลับมาให้ได้เสียก่อน
เหมิงจื้อเฉิงไม่กล่าวอันใดกับเหมิงพั่วอีก หันหลังออกไปจากห้องตำรา
เหมิงพั่วหัวเราะออกมา คราวนี้เกรงว่าจะทำได้เพียงต้องมีปากเสียงกับท่านประมุขเท่านั้น ให้ในใจตนมีความเกลียดชังเพิ่มขึ้นก็ไม่มีประโยชน์
เช่นนั้นก็ดี จากมุมมองของเขา เหมิงจื่อเย่าไม่มีตัวตนจะดีที่สุด
เพราะหากจำเป็นจริงๆ จะให้เขาเป็นคนฆ่าก็ไม่ถือสา
เหมิงพั่วจิบชาอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง เปิดประตูห้องตำรา มองไปยังแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นไม่ไกล
คนรับใช้เดินผ่านมาและหันหน้ามามองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดจึงไม่เคยพบหน้ามาก่อน ทั้งยังมาพบอยู่ในห้องตำราของนายท่านอีกด้วย
เหมิงพั่วยิ้ม ไม่สนใจสายตาแปลกใจของพวกเขา
เมื่อก่อนต้องแอบมาที่นี่อย่างลับๆ ตอนนี้… ไม่จำเป็นแล้ว อย่างไรเสียผู้อาวุโสสกุลหมิงก็หมดสติยังไม่ฟื้น เหมิงจื้อเฉิงก็เป็นเพียงคนเดียวที่เป็นนายของจวนนี้
เขาสะบัดเสื้อคลุม จากนั้นก็เดินออกจากโถงเฉินมู่ไปอย่างไม่รีบร้อน
เย่ซิวตู๋อุ้มหนานหนานเดินไปช้าๆ จนกระทั่งเห็นเหมิงจื้อเฉิงรีบเดินไปยังห้องของผู้อาวุโสสกุลหมิง ก็ค่อยๆ หยุดฝีเท้า
“ท่านพ่อ เราต้องไปเพื่อช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้ท่านปู่ลู่หรือไม่ขอรับ”
เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมาแล้วตีเขา “เราไปคงไม่สะดวก เรื่องนี้ปล่อยให้ท่านปู่ลู่จัดการเถิด”
“เฮ้อ” หนานหนานถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ท่านปู่นี่ก็ช่างไม่ปล่อยให้คนอื่นเขาสบายใจบ้างเลย ท่านปู่ลู่เองก็เหนื่อยมากแล้ว ท่านพ่อ ท่านว่า… เอ๋”
“มีอะไรหรือ” เย่ซิวตู๋เดินไปได้สองสามก้าว จู่ๆ ก็ได้ยินหนานหนานชะงักไป
หนานหนานตบไหล่ของเขาสองครั้งทันที “ท่านพ่อๆ ชู่ว ใจเย็นก่อน นั่น คนคนนั้นคือ… คนที่ต่อสู้กับข้าครั้งล่าสุดที่วัด เป็นเขา เขาชื่อเหมิงพั่วอะไรสักอย่าง เขาเป็นคนจับท่านแม่”
เย่ซิวตู๋ตัวแข็งไปในทันที มองไปตามทางที่นิ้วของหนานหนานชี้ รูม่านตาหดลงอย่างรุนแรง
“ท่านพ่อ เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เย่ซิวตู๋หัวเราะเย็นชา “เขาเป็นพวกเดียวกันกับเหมิงจื้อเฉิง เป็นธรรมดาที่จะอยู่ที่นี่”
ขณะกล่าว เขาก็วางหนานหนานลงกับพื้น กล่าวเบาๆ “เจ้ารอข้าที่นี่นะ อีกเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
“ท่านพ่อ ท่านจะไปไหน”
“แก้แค้นให้แม่ของเจ้า” มีรอยยิ้มที่มุมปากของเย่ซิวตู๋ หนานหนานกับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัวและน่าขนลุกนัก
ร่างเล็กสั่นเทาอย่างรุนแรง ดูเหมือนท่านพ่อจะอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก
ทันใดนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ถอยไปด้านข้างเงียบๆ ถึงแม้จริงๆ แล้วเขาก็อยากจะล้างแค้นให้ท่านแม่ด้วยก็ตาม
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็ก้าวเดินตามไป หนานหนานรู้สึกเพียงภาพข้างหน้าพร่ามัว ไม่เห็นเขาอีกแล้ว
ทันใดนั้นก็เหมือนในดวงตาของเขาปรากฏแสงดาว วิชาการต่อสู้ของท่านพ่อดูเหมือนจะแกร่งกล้าขึ้น เขาเป็นคนที่ตนชื่นชมมาตลอดชีวิต
ปากเล็กของหนานหนานเม้มแน่น จากนั้นเขาก็หาก้อนหินแล้วนั่งลง
ท่านพ่อบอกว่าให้เขารออยู่ที่เดิม เขาเป็นเด็กดีมาก จึงไม่ไปไหนทั้งนั้น
แต่เขาหิวเล็กน้อยแล้ว ตอนเช้าเช่นนี้ควรได้กินอาหารเช้าจึงจะถูก เดิมทีเขาก็หิวง่ายอยู่แล้ว
“ข้าไปหาอะไรกินในครัวเสียก่อน อีกเดี๋ยวจะรีบกลับมา ท่านพ่อน่าจะใช้เวลาอีกครู่หนึ่งกระมัง” หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง น้ำลายเริ่มสอ เขาคิดว่ากลับมานั่งที่เดิมก่อนท่านพ่อกลับมาก็ใช้ได้แล้ว อย่างไรเขาก็แค่เข้าไปเอาของในครัวแล้วออกมา ใช้เวลาไม่นาน
ขณะคิดเขาก็ลุกขึ้นทันใด เริ่มเดินอย่างเงียบๆ ไปยังห้องครัวในจวน
ในจวนมีห้องครัวใหญ่ หนานหนานชอบไปที่นั่นที่สุด แม่ครัวที่นั่นก็รู้จักเขา ทุกครั้งเห็นว่าเขามา ก็จะนำของกินอร่อยๆ ให้เขากินอย่างอิ่มหนำเสมอ
ตอนนี้หนานหนานกำลังวิ่งไปทางด้านนั้น เพียงแต่ห้องครัวใหญ่อยู่ไกลเล็กน้อย หนานหนานเพิ่งวิ่งมาได้ระยะสั้นๆ ก็ลังเลขึ้นมา
หากที่นี่ไกลเกินไปจนเขากลับมาไม่ทันแล้วไม่เจอท่านพ่อจะทำอย่างไร
หนานหนานกลืนน้ำลายอย่างแรง หรือว่า…ไม่ต้องกินเสียจะดีกว่า?
ขาเล็กๆ สั้นๆ นั้นเริ่มออกเดินอีกครั้ง แต่เดินไปได้สองก้าว ในท้องก็ส่งเสียง ‘โครกคราก’ ออกมา หนานหนานแทบอยากจะกรีดร้องขึ้นฟ้า เขารู้สึกเหมือนกำลังทรมานตัวเองเสียแล้ว
ขณะกำลังคิดลังเลกับสภาวะลำบากใจอยู่นี้ จู่ๆ ก็ได้กลิ่นหอมลอยอวลเตะปลายจมูก
หนานหนานสูดจมูกอย่างแรง แววตาเป็นประกายขึ้นมา
นี่มันกลิ่นปลา กลิ่นแรงมาก โชยมาแต่ไกลจากทางด้านหน้า
หนานหนานสูดหายใจลึก วัดระยะทาง อืม ตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ที่ท่านพ่อวางตนลงมากนัก หากเขาเอาของอร่อยออกมา จะต้องมาทันก่อนที่ท่านพ่อจะกลับเป็นแน่
ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ก้าวเท้าวิ่งไปข้างหน้าทันที
เขาเข้าไปในประตูเรือน ทางด้านหน้ามีคนเฝ้าอยู่ ดูท่าทางเข้มงวดมาก
หนานหนานหัวเราะเบาๆ ถึงแม้คนเหล่านี้จะมีมาก แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขากระมัง ทันทีที่ขยับเท้า ผู้อารักขาสองคนก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดแรงมาตรงหน้าวูบหนึ่ง ทันใดนั้นก็หยุดไป
สองสามคนนั้นสบตากัน จากนั้นไม่นานก็กลับไปทำสีหน้าไร้อารมณ์ต่อ
หนานหนานซ่อนตัวอยู่ใต้ชายคา หรี่ตาลอบหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามกลิ่นไปอีกครั้ง
แต่เมื่อเขาเข้ามาข้างใน ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าบนประตูเรือนนั้นมีตัวหนังสือสามตัวเขียนเอาไว้ ‘โถงเฉินมู่’
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานอย่าเพิ่งเห็นแก่กินจนทำแผนท่านพ่อแตกสิ
ไหหม่า(海馬)