อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 15 ไม่เจอใครเลย
ตอนพิเศษ 15 ไม่เจอใครเลย
ตอนพิเศษ 15 ไม่เจอใครเลย
เสิ่นเหวินเสียนเคยเจอหลานสุ่ยชิงมาก่อน เมื่อนึกถึงใบหน้างามล้ำเหนือกว่านางแม้ปราศจากเครื่องประทินโฉม นางก็อยากจะพุ่งเข้าไปข่วนหน้านางเสียเดี๋ยวนี้
เมื่อได้ยินว่านางอยู่ที่นี่ นางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาชั่วขณะ ต่อให้พี่น้องสกุลหลานไม่มายั่วยุ นางก็มีความคิดชั่วร้ายอยู่แล้ว
แต่พี่น้องสกุลหลานก็ไม่เคยรังเกียจที่จะเติมเชื้อไฟ หลานสุ่ยเถียนถอนหายใจและพูดว่า “พี่ใหญ่นี่ก็เหลือเกินจริง ๆ เลย พวกเราขอให้นางอยู่กับเรา แต่นางกลับปฏิเสธ และตอนนี้ก็นางไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน หรือไปยุ่งกับใคร เดิมทีเราต้องการพาพี่ใหญ่มาแนะนำให้พี่เสิ่นรู้จัก แต่เราไม่เคยคิดเลยว่าพี่ใหญ่จะทำเมินเฉย นางบอกว่ามีคุณหนูและจวิ้นจู่มากมายในตำหนักอ๋องซิว ดังนั้นจะมาหาพี่เสิ่นเพื่ออะไร? ข้าได้ยินเช่นนั้นก็โมโหมาก พี่เสิ่นเป็นเพื่อนของเรา จะให้เราทนฟังนางว่าร้ายท่านเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้านางไม่ใช่พี่สาวคนโตของข้า ข้าก็อยากจะสั่งสอนนางจริง ๆ นางคิดว่าตัวเองหน้าตาดีมาก จึงไม่จำเป็นต้องคบค้าสมาคมกับใครงั้นหรือ? นางพูดออกมาได้อย่างไร สวรรค์ต้องพิโรธเป็นแน่”
เสิ่นเหวินเสียนเย้ยหยันทันที “นางเป็นพี่สาวคนโตของเจ้า แต่ไม่ใช่ของข้า ข้าแค่อยากสอนบทเรียนให้นาง สุ่ยหยวน สุ่ยเถียน พวกเจ้าไม่ต้องปกป้องนาง”
“การกระทำของพี่ใหญ่ช่างไร้ยางอายจริง ๆ หากรับบทเรียนเสียบ้างก็นับว่าดีต่อตัวนางเอง ให้นางได้สำเหนียกเสียบ้างว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เพื่อที่ครั้งต่อไปนางจะได้ไม่กล้าระรานคนอื่น และทำให้คนจวนหลานของเราต้องพลอยเสื่อมเสียไปด้วย นางเห็นแก่ตัวและคิดถึงแต่ตัวเอง แต่เราต้องคิดถึงทุกคนในจวนหลาน” หลานสุ่ยหยวนแสดงความเห็นด้วย หลังจากพูดคำพูดที่ฟังดูสูงส่งและมีเหตุผลมากมาย นางก็ทำสีหน้าลำบากใจอีกครั้ง “แต่พี่เสิ่น นางเป็นพี่สาวคนโตของเรา อย่าทำรุนแรงเกินไปนะเจ้าคะ หากมีคนตาย พวกเราก็…”
“ฮึ่ม ข้าแค่จะสอนบทเรียนให้นาง พวกเจ้าจะกลัวอะไร? พวกเจ้าช่างขี้ขลาดเสียจริง ถึงจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง”
หลังจากที่เสิ่นเหวินเสียนมองพวกนางอย่างดูถูกเหยียดหยาม นางก็กวักมือแล้วพูดว่า “พวกเจ้ามากับข้า ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่โง่ถึงขนาดไปฆ่าคนในตำหนักอ๋องซิวหรอก เพียงแค่ทำให้นางต้องทุกข์ทรมานบ้างเท่านั้น”
หลานสุ่ยหยวนกับน้องสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
พวกนางทั้งสามมองหาร่างของหลานสุ่ยชิงในงานเลี้ยงทันที และหลานสุ่ยชิงก็อยู่ไม่ไกล
นางเพิ่งมารับของว่างกับจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว ตอนแรกนางเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์และการพูดคุยกันที่ศาลา
คาดไม่ถึงว่าในระหว่างการสนทนา จวิ้นจู่จิ่นซิ่วเห็นสาวใช้ยกขนมที่นางโปรดปรานมา เพียงแต่ว่าภาพลักษณ์ภายนอกของนางนั้น ดูไม่เข้ากับการกินมากเกินไป ยิ่งถ้านางสั่งให้สาวใช้ไปหยิบมาให้อีก ก็จะโดนสังเกตเห็นได้ทันที นางจึงกลอกตาหันมาสนใจพวกนาง
หลานสุ่ยชิงเห็นว่ากระโจมค่อนข้างอยู่ไกล และจิ่นซิ่วก็ดีกับนางมาก แค่หยิบขนมไม่กี่อย่าง นางจึงตกลงจะไปหยิบมาให้
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกหมดหนทาง นางไม่อยากไป แต่จิ่นซิ่วกลับลากนางไปด้วยทันที
สุดท้ายทั้งสองก็กลับมาพร้อมกับขนม แต่แล้วก็มองเห็นแต่ไกลว่าจิ่นซิ่วกำลังคุยกับใครบางคนอยู่
ทั้งสองทำได้เพียงยืนอยู่กับที่ โดยลังเลว่าจะออกไปหรือไม่ ตรงนั้นคือเสิ่นเหวินเสียนและสองพี่น้องสกุลหลานที่กำลังมา
อยากจะเลี่ยง แต่มันก็ชัดเจนเกินไป หลานสุ่ยชิงเอนตัวไปขวางหน้าเนี่ยนเนี่ยนไว้โดยไม่รู้ตัว
เนี่ยนเนี่ยนเอียงคอมองหลังของหลานสุ่ยชิง… แล้วยกยิ้มอ่อน นางพบว่าตัวเองชอบว่าที่พี่สะใภ้คนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และหวังว่าพี่ชายจะพยายามให้หนักขึ้น เพื่อให้ได้แต่งงานกับพี่สะใภ้โดยเร็วที่สุด
“คุณหนูหลาน ยากมากจริง ๆ ที่จะได้เจอเจ้าในงานเลี้ยง” เสิ่นเหวินเสียนชำเลืองมองหลานสุ่ยชิง จากนั้นมองไปที่เนี่ยนเนี่ยน ฮึ่ม แต่งตัวเหมือนคนรับใช้ นี่น่ะหรือคือคนที่หลานสุ่ยชิงต้องการคบเป็นสหาย? ช่างน่าขันนัก
ทว่าเมื่อสายตาของนางเห็นรูปโฉมของเนี่ยนเนี่ยน สีหน้าของนางก็แข็งทื่อทันที แล้วกัดฟันแน่น
หลานสุ่ยชิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าผู้มาเยือนไม่ได้มาดี นางจึงเอียงตัวไปด้านข้าง เพื่อขวางกั้นเนี่ยนเนี่ยนอย่างแน่นหนา
“คุณหนูเสิ่น ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“พี่ใหญ่” หลานสุ่ยหยวนและหลานสุ่ยเถียนยืนอยู่ข้างหลานสุ่ยชิง ทั้งสองประกบทั้งซ้ายและขวา มีรอยยิ้มหวานบนใบหน้าพวกนาง “พี่ใหญ่ พี่เสิ่นชวนเราไปเล่นน้ำในทะเลสาบน่ะเจ้าค่ะ”
“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ เป็นเรื่องยากที่เจ้าจะได้ออกมางานเลี้ยง และความใจดีของพี่เสิ่นนั้นยากจะปฏิเสธ มันจึงไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะปฏิเสธนางใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นหากท่านพ่อรู้เข้าก็คงตำหนิพี่ใหญ่ที่ไม่สุภาพ”
หลานสุ่ยชิงหัวเราะเยาะ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นเหวินเสียนที่ยืนเชิดคางอยู่ ทันใดนั้นก็ยกยิ้ม “เอาล่ะ คุณหนูเสิ่นใจดีนัก ข้าช่างไม่รู้เวลาเสียจริง”
“ก็ใช่ มีเรือว่างอยู่ตรงนั้น และมีคนน้อย พวกเราจึงไปกันได้สะดวก” เสิ่นเหวินเสียนชี้ไปยังมุมลับตาคน ที่นั่นมีดอกบัวบานอยู่ไม่กี่ดอก จึงมีคนไปยืนชมน้อย ดังนั้นมันจึงสะดวกในการทำอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?
เสิ่นเหวินเสียนพูดจบ นางก็หันมามองเนี่ยนเนี่ยนอีกครั้ง “นี่คือสหายของเจ้างั้นหรือ? พามาด้วยกันเลยสิ นางจะได้ไม่เบื่อ”
“ก็ได้ แต่ตอนนี้เราเพิ่งไปหยิบขนมมา จึงยังไม่สะดวก คุณหนูเสิ่นและน้องสาวทั้งสองไปรอเราที่นั่นก่อน แล้วเราจะตามไปทันทีที่กินขนมเหล่านี้เสร็จ “
เสิ่นเหวินเสียนหรี่ตาลง “พวกเจ้าจะมาจริง ๆ หรือ?”
หลานสุ่ยชิงสูดหายใจเข้าลึก “ย่อมไป พ่อของเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ถ้าข้าไม่ไป ท่านพ่อของข้าจะไม่พอใจ ข้าไม่อยากทำให้ท่านพ่ออารมณ์เสีย คุณหนูเสิ่นและน้องสาวทั้งสองรอข้าสักประเดี๋ยว อีกไม่นานจะไปหา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด เสิ่นเหวินเสียนก็รู้สึกโล่งใจ
ใช่แล้ว บิดาของหลานสุ่ยชิงเป็นนายของพ่อนาง ดังนั้นนางคงไม่กล้าปล่อยให้หลานสุ่ยชิงรอนานเกินไป
เสิ่นเหวินเสียนส่งสายตาตักเตือนหลานสุ่ยชิง จากนั้นไปรอพวกนางที่ทะเลสาบพร้อมกับสองพี่น้องสกุลหลาน
ทันทีที่ทั้งสามคนจากไป เนี่ยนเนี่ยนก็เลิกคิ้วถามนางว่า “เจ้าจะไปจริงหรือ? จุดประสงค์ของพวกนางดูเหมือนจะไม่ธรรมดา”
หลานสุ่ยชิงยื่นขนมทั้งหมดในมือให้นาง แล้วพูดเสียงเบาว่า “เจ้าไปหาจวิ้นจู่จิ่นซิ่ว ถ้าพวกนางมาชวนเจ้าอีก ก็ให้จวิ้นจู่จิ่นซิ่วช่วยปฏิเสธให้เจ้า อย่าไปกับพวกนาง”
“อืม แล้วเจ้าล่ะ?”
หลานสุ่ยชิงยิ้ม ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย “ข้าจะทำอะไรบางอย่าง”
นางขยิบตาให้เนี่ยนเนี่ยน จากนั้นเดินไปหาเสิ่นเหวินเสียนเงียบ ๆ
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะ เหวินย่าที่เดินตามหลังนางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้โห แม่นางหลานคนนี้น่าสนใจจริง ๆ โอ้ ใช่แล้ว ไทเฮาเสด็จมา ไทเฮากับหวางเฟยไปเรือนหย่าเฟิงด้วยกันแล้ว”
“หือ?” เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึง ทันใดนั้นก็นึกได้ว่าพวกนางกำลังจะไปหาลูกสาวคนโตของสกุลหลาน
แต่… เกรงว่าจะไม่เจอ
อวี้ชิงลั่วไม่เจอใครเลย พ่อบ้านหยางก็ตกตะลึงเช่นกัน แล้วมองห้องที่ว่างเปล่าด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม
เกิดอะไรขึ้น? แล้วคนล่ะ?
เขาหันไปดูใบหน้าของอวี้ชิงลั่วที่กำลังจ้องมองเขาอย่างดุร้าย
พ่อบ้านหยางตัวสั่น รีบหลุบตาลงพูดว่า “ข้าจะส่งคนไปหาทันทีขอรับ”
“เร็วเลย” อวี้ชิงลั่วและสวีโหรวพูดพร้อมกัน
พ่อบ้านหยางรีบหันหลังวิ่งหนีไป แต่ไม่นานหลังจากที่เขาวิ่งออกไป ทันใดนั้นเขาก็วิ่งกลับมาพูดเสียงดังว่า “หวางเฟย แย่แล้ว แย่แล้วขอรับ มีคนตกน้ำ”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เราว่าสุ่ยชิงต้องมีแผนการบางอย่าง ไม่งั้นไม่ยอมไปกับพวกคุณหนูเด็กเปรตกลุ่มนั้นทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาไม่ดีหรอก
ไหหม่า(海馬)