อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 16 อวี้ชิงลั่วไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนพิเศษ 16 อวี้ชิงลั่วไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนพิเศษ 16 อวี้ชิงลั่วไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อย ๆ
มีคนตกน้ำหรือ?
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ใครกันช่างกล้าเหลือเกิน? กว่านางจะจัดงานเลี้ยงขึ้นมาได้ คาดไม่ถึงว่าจะมีพวกมอดเข้ามาป่วน
“อันที่จริงย่อมมีการต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังแฝงอยู่ทุกที่” สวีโหรวมองนางด้วยสายตาหยอกล้อ
อวี้ชิงลั่วพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “มีแต่เจ้าที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น” นางหันหน้าไปถามพ่อบ้านว่า “เป็นคุณหนูครอบครัวไหนกันที่ตกน้ำ?”
“ลูกสาวของใต้เท้าเสิ่น เสนาบดีกรมราชทัณฑ์ขอรับ”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว เสนาบดีกรมราชทัณฑ์หรือ? นางเคยได้ยินเย่ซิวตู๋พูดถึงคนผู้นี้ บอกว่าตอนที่เขาเป็นสามัญชนค่อนข้างทำตัวหยิ่งยโส มีความทะเยอทะยานสูง สะกดรอยตามคนอื่นและชอบประจบประแจงไปทั่ว
เมื่อเย่ซิวตู๋พูดถึงคนผู้นี้ คำพูดของเขาก็ค่อนข้างดูถูกเหยียดหยาม เพียงแต่ไม่มีใครในราชสำนักที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ในกรมราชทัณฑ์แล้ว ใต้เท้าเสิ่นคนนี้จึงได้รับตำแหน่งไป
ใต้เท้าเสิ่นผู้หยิ่งยโส ลูกสาวของเขา…
อวี้ชิงลั่วไม่กล้าตั้งความหวังมากเกินไป นางส่ายหน้า แล้วมองหงเย่ที่เข้ามาจากประตู “แล้วคุณหนูเสิ่นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่มีอะไรร้ายแรงเพคะ แม่นมว่ายน้ำไปช่วยนางไว้ แล้วพาไปส่งที่หอหลิงหลง นางเพิ่งตกน้ำที่ทะเลสาบ หมอตรวจอาการดูแล้วก็เห็นว่านางเพียงแค่ตกใจมาก ไม่มีอะไรร้ายแรง แค่โวยวายเสียงดังเล็กน้อย”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก นางไม่ได้กังวลมากนัก เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงชมดอกบัว ดังนั้นย่อมมีมาตรการรักษาความปลอดภัย
แต่ว่า…
“นางตกน้ำได้อย่างไร รู้หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หงเย่ก็เม้มปากแล้วหัวเราะ “ท่านคงยังไม่รู้นะเพคะ ว่าคนที่ทำให้นางตกน้ำคือลูกสาวคนโตของสกุลหลาน”
อวี้ชิงลั่วอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นหันหน้าไปสบตากับสวีโหรวทันที จู่ ๆ นางก็รู้สึกตื่นเต้นจนรีบถาม “รีบบอกมาเร็ว เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านดูนี่สิเพคะ” หงเย่ยกยิ้มแล้วแบมือออก เผยให้เห็นจักจั่นและหนอนผีเสื้อตัวเล็ก ๆ บนฝ่ามือ
“หืม?”
“คุณหนูเสิ่นชวนบุตรีคนโตของสกุลหลานกับเนี่ยนเนี่ยนไปที่ทะเลสาบ โดยนางเลือกสถานที่ห่างไกลลับตาคน บุตรีคนโตของสกุลหลานตอบตกลง แต่ขอให้คุณหนูเสิ่นไปรอนางที่ทะเลสาบก่อน แต่นางกลับไปยืนเงียบ ๆ อยู่หลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลคุณหนูเสิ่น ไม่รู้ว่านางไปได้จักจั่นและหนอนผีเสื้อนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ขณะที่คุณหนูเสิ่นกำลังเผลอ นางก็โยนมันลงบนไหล่ของคุณหนูเสิ่น”
การโยนลงมาเช่นนั้นมีผลกระทบเล็กน้อย คือดูเหมือนว่ามันตกลงมาจากต้นไม้เหนือหัวเสิ่นเหวินเสียน
เมื่อนางรู้ตัวก็ตกใจ และไม่คาดคิดว่าจะมีหนอนค่อย ๆ ไต่มาจากทางด้านขวา นางไม่เคยเห็นสัตว์เช่นนี้มาก่อนจึงตกใจมากจนเริ่มกรีดร้องและกระโดดไปมา แต่ด้วยความที่ยืนอยู่ริมทะเลสาบพอดี นางจึงลื่นล้มด้วยความตื่นตระหนก ตกน้ำลงไปทันที และเผลอกลืนน้ำไปหลายอึก
แต่บุตรีคนโตแห่งสกุลหลานได้ผละจากไปตั้งแต่ตอนที่นางเต้นเร่า ๆ แล้ว
มันเป็นสถานที่เงียบสงบและลับสายตาผู้คนจริง ๆ ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในสายตาขององครักษ์ที่ซ่อนอยู่ในตำหนักอ๋องซิว
องครักษ์เห็นว่าลูกสาวคนโตของสกุลหลานอยู่กับเนี่ยนเนี่ยน เขาจึงเพิกเฉย
สายตาของอวี้ชิงลั่วฉาบด้วยรอยยิ้ม รู้สึกพอใจว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ได้ยินแต่ชื่อเรียกของนางแต่ยังไม่เคยรู้จักตัวจริงด้วยซ้ำ
นางหยิบจักจั่นในมือของหงเย่มาดู ปีกของมันเสียหายเล็กน้อย ทำให้จักจั่นบินไม่ได้อีกต่อไป แต่ปีกนั้นดูไม่เหมือนถูกคนฉีกเลย
ลูกสาวคนโตของสกุลหลานคนนี้น่าสนใจจริง ๆ
“แล้วตอนนี้แม่นางหลานคนนั้นอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปหา”
สวีโหรวได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้า “แม่นางเสิ่นตกน้ำในตำหนักของเจ้า ในฐานะเจ้าบ้านก็ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่ไปหานาง แต่ถ้าเจ้าอยากไปหาลูกสาวคนโตของสกุลหลานมากกว่า เจ้าลองบอกมาสิว่าคนเขาจะคิดอย่างไร?”
“ข้าจะไปหานางเพื่ออะไร? หญิงร้ายกาจคนนั้นกล้ารังแกสตรีที่หนานหนานชอบ ข้าไม่ถลกหนังนางออกก็นับว่าเป็นบุญของนางแล้ว กลับคิดจะทำอะไรในตำหนักของข้า ข้าว่าคนที่ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคือนางต่างหาก”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจ ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วสั่งหงเย่ว่า “เจ้าไปเอายาบำรุงกำลังในตำหนักของเราไปให้นาง อย่างน้อยนางก็ตกน้ำในตำหนักของข้า จึงไม่อาจปล่อยให้คนคิดว่าข้าไม่มีมารยาทกับแขกได้ จริงหรือไม่? เอ่อ แล้วเจ้าก็บอกนางด้วยว่าเดิมทีข้าอยากพบนาง แต่ไทเฮาเสด็จมาที่นี่ ข้าจึงไม่อาจปลีกตัวไปได้”
มุมปากของสวีโหรวกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะหันหน้าหนีเงียบ ๆ
หงเย่เม้มปากกลั้นยิ้มอย่างเต็มที่ แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“จากนั้นเจ้าก็กระจายข่าวออกไปยังโลกภายนอก บอกว่าเสิ่นเหวินเสียนยืนกรานจะไปพายเรือในสถานที่ลับตาคน และนางก็กลัวแมลงที่ร่วงมาจากบนต้นไม้ จนลื่นตกลงไปในทะเลสาบ ซึ่งความหมายก็คือทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นนางทำตัวเอง และบอกทุกคนด้วยว่าเรื่องนี้ทำให้หวางเฟยตกใจกลัวมาก อุตส่าห์อยากจะจัดงานเลี้ยงขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อคนที่ตกน้ำจริง ๆ และด้วยความที่กลัวว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไปและทำให้คุณหนูคนอื่น ๆ ต้องตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะจัดงานเลี้ยงอีกในอนาคต”
“…” หงเย่รู้สึกว่าความไร้ยางอายของหวางเฟยเพิ่มมากขึ้นทุกวันแล้ว
ด้วยวิธีนี้ เหล่าสตรีที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตำหนักอ๋องซิว และต้องการทำความรู้จักกับขุนนางระดับสูงและผู้สูงศักดิ์มากขึ้นผ่านงานเลี้ยงที่ตำหนักอ๋องซิว จะไม่โยนความผิดทั้งหมดไปให้เสิ่นเหวินเสียนหรือ
หงเย่พลันรู้สึกเห็นใจเสิ่นเหวินเสียนขึ้นมา
สวีโหรวหัวเราะ “นิสัยชอบมองการณ์ใกล้ของเจ้านี่แก้ไม่หายจริง ๆ”
“เหตุใดพวกเจ้าถึงมองข้าเช่นนั้น? ข้าทำผิดตรงไหน? ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อชื่อเสียงของตำหนักของเรา เข้าใจหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วโยนความรับผิดชอบทันที
หงเย่อึ้งไป และถามขึ้น “ในเมื่อหวางเฟย ‘ตกใจกลัวมาก’ ก็แสดงว่าต้องให้คุณหนูของแต่ละครอบครัวกลับไป แล้วงานเลี้ยงดอกบัวก็จบลงเท่านี้เลยหรือเพคะ?”
โอ้โห หงเย่เริ่มไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เสียแล้ว อวี้ชิงลั่วหรี่ตามองนาง “ถ้าข้าบอกว่าข้าอยากเจอลูกสาวคนโตของสกุลหลานล่ะ?”
หงเย่เม้มปากแล้วยกยิ้ม “หวางเฟยต้องการพบหรือเพคะ? หรือว่า… จะคุยด้วย?”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แต่สวีโหรวได้เริ่มพูดแล้ว “หากไปบอกว่าจะพบนางตอนนี้ ก็จะทำให้นางตื่นตระหนก เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นฝีมือนาง หลังจากคุณหนูเสิ่นตกน้ำ หากเจ้าเรียกนางมาพบตามลำพัง คนอื่นจะเดาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นอย่าทำให้นางตกใจดีกว่า”
อวี้ชิงลั่วจ้องมองนางด้วยรอยยิ้มอ่อน “เฮ้อ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้ารักนางมากกว่าข้า?”
“ข้ารู้สึกสงสารหนานหนาน” สวีโหรวกล่าว “ทั้งเขาและหลานเฉิงต่างก็อายุมากแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีสตรีอยู่เคียงข้างพวกเขา ในที่สุดตอนนี้ก็เจอหญิงคนหนึ่งเสียที หากนางหนีไปด้วยความตกใจ คนที่จะร้องไห้ก็คือหนานหนานไม่ใช่หรือ? เรื่องที่ข้ากังวลตอนนี้คือหลานเฉิง เหตุใดเขาถึงยังไม่คิดจะมีบ้าง?”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก เห็นได้ชัดว่าหนานหนานกับหลานเฉิงของนาง เป็นดั่งมังกรหงส์ในฝูงชน ดังนั้นพวกเขาจะขายไม่ออกแบบที่สวีโหรวบอกได้อย่างไร
แต่ว่า…
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลานมีลูกสาวหลายคน เหตุใดเราไม่ไปดูกันล่ะ”
“อะแฮ่ม” หงเย่กระแอมเบา ๆ “หวางเฟย ข้าลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ตอนที่คุณหนูเสิ่นตกน้ำ นางอยู่กับลูกสาวอีกสองคนจากสกุลหลาน พวกนางมีส่วนในการพาลูกสาวคนโตของสกุลหลานไปด้วยเพคะ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ปัดความรับผิดชอบได้เนียนมากชิงลั่ว ทำตัวเองก็รับผลไปเองสิ เจ้าบ้านไม่เกี่ยว
ไหหม่า(海馬)