อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 278 ความกลัวก่อนการแต่งงาน
ตอนพิเศษ 278 ความกลัวก่อนการแต่งงาน
ตอนพิเศษ 278 ความกลัวก่อนการแต่งงาน
อากาศค่อนข้างหนาวเย็น บรรยากาศอึมครึม
เนี่ยนเนี่ยนตามพี่ใหญ่และเป่ยเป่ยออกไปยังสถานที่ที่ห่างจากประตูเมืองสามลี้อย่างไม่เต็มใจนัก เพื่อไปพบกับคาราวานของเย่ซิวตู๋ นางเฝ้าดูรถม้าแล่นเข้ามาจากระยะไกล พลางบุ้ยปากอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
เสียงล้อรถม้าเงียบลงเมื่อจอดอยู่ห่างจากพวกเขาราวยี่สิบหมี่ ทันใดนั้นม่านของรถม้าก็เปิดออก ร่างเล็ก ๆ กระโดดลงมาจากบนรถม้าอย่างรวดเร็ว แล้วปรี่เข้ามาหา
“เป่ยเป่ย!!” เสียงของผู้มาเยือนคมชัดและนุ่มนวล
เย่ฉิงเป่ยยืนอยู่ข้างเนี่ยนเนี่ยน ดวงตาของเขาเป็นประกายทันทีที่นางกระโดดลงจากรถ ก่อนที่นางจะก้าวเข้ามาได้อีกสองก้าว เขาก็วิ่งเข้าไปถึงตัวนางแล้ว
“เป่ยเป่ย ข้าคิดถึงเจ้านัก เจ้าหายไปนานเหลือเกิน ข้าเบื่อมากที่ต้องอยู่จวนคนเดียว ไม่มีใครคุยกับข้า ไม่มีใครพาข้าออกไปเล่น ท่านพ่อบอกว่าข้างนอกอันตราย ข้าจึงออกไปไม่ได้จนกว่าเจ้าจะกลับมา ข้านับวันรอเจ้า แต่เหมือนว่าเวลาจะผ่านไปช้ามาก เจ้าก็ยังไม่กลับมา…” นางพูดเร็วมาก ทันทีที่เย่ฉิงเป่ยยืนอยู่ข้างหน้า นางก็พุ่งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
บนใบหน้าของเย่ฉิงเป่ยมีรอยยิ้มตลอดเวลา เขาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อของเจ้าพูดถูกแล้ว ข้างนอกมันอันตรายมาก และเจ้าออกไปไม่ได้หากไม่มีข้าไปด้วย เข้าใจหรือไม่?”
เด็กสาวพยักหน้าอย่างแรง แต่แล้วนางก็เริ่มไม่สบายใจอีกครั้ง “เช่น เช่นนั้นการที่ข้าออกมากับพ่อแม่ของเจ้าครั้งนี้ จะดูอันตรายเกินไปหรือไม่?”
“อืม หากอยู่กับพวกเขาก็ไม่เป็นอะไรหรอก” เย่ฉิงเป่ยยกยิ้มแล้วบีบแก้มสีชมพูของนาง เมื่อเห็นนางยิ้มอีกครั้ง สายตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นกว่าเดิม
ไป๋หลิวอี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลอดเลิกคิ้วไม่ได้ แล้วถามเนี่ยนเนี่ยนว่า “นี่คือ…”
“หลีเฟิงเอ๋อร์ ลูกสาวของหลีจื่อฟาน เสนาบดีฝั่งขวาแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ปีนี้อายุครบสิบปีแล้ว เป็นเหมยเขียวของเป่ยเป่ย”
ไป๋หลิวอี้ตระหนักได้ทันที การพัฒนาเช่นนี้…
คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดจะเป็นเย่ฉิงเป่ย
เขามองไปยังทั้งสองคนที่โอบกอดกันราวกับจะไม่มีวันพรากจากกันอีกครั้ง จากนั้นจึงเบนสายตาขึ้นไปมองเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วที่ออกมาจากรถม้า
เย่ฉิงหนานได้พาหลานสุ่ยชิงมาพบเขาแล้ว ไป๋หลิวอี้จับมือของเนี่ยนเนี่ยนและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่าอวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงนั้นแทบรอไม่ไหวที่จะเป็นฝ่ายวิ่งไปหา
นางไม่ได้มองเนี่ยนเนี่ยนด้วยซ้ำ รีบคว้าไหล่ของไป๋หลิวอี้แล้วบีบเบา ๆ จากนั้นกวาดสายตามองเขาอย่างละเอียด “เจ้าคือไป๋หลิวอี้ใช่หรือไม่?”
ก่อนที่นางจะพูดจบ เย่ซิวตู๋ก็ดึงตัวนางกลับมาแล้ว ส่วนเนี่ยนเนี่ยนก็จ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ
“แม้ว่าจะเป็นลูกเขย อย่างไรเสียชายหญิงก็ไม่ควรแตะเนื้อต้องตัวกัน อย่าไปแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้า”
“ท่านแม่ เขายังบาดเจ็บอยู่ ท่านอย่าไปทำให้แผลเปิด”
ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็หันหน้าไปมองเนี่ยนเนี่ยน ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม “อ๊ะ นี่คือเนี่ยนเนี่ยนไม่ใช่หรือ? ตอนแรกเจ้าไม่ได้พูดอย่างเด็ดขาด ว่าเจ้าจะมาอาณาจักรเทียนอวี่เพื่อถอนหมั้นหรอกหรือ? ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันนะ? การแต่งงานจะไม่ถูกยกเลิกหรือ?”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เนี่ยนเนี่ยนก็กัดฟันพูดอย่างเย็นชา “การแต่งงานจะไม่ถูกยกเลิก ข้าคิดว่ายังมีภัยอันตรายอีกมากมายในอาณาจักรเทียนอวี่ ข้าต้องการปกป้องผู้คนเหล่านี้ ข้าจึงตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ ข้าไม่เหมือนกับใครบางคนหรอกเจ้าค่ะ เมื่ออันตรายทั้งหมดจะผ่านพ้นไปนานแล้ว ก็ยังโชคดีที่ยังได้เป็นองค์หญิงเทียนฝูที่นี่”
ตระกูลเจี่ยงถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น จวนท่านอ๋องเลี่ยถูกทำลาย ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่พ่อแม่ของนางเพิ่งจะมาที่นี่… โดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง สายตาของนางเย็นชา “เย่ชิ่นซี เจ้าอยากมีเรื่องใช่หรือไม่?”
เมื่อเย่ซิวตู๋เห็นอวี้ชิงลั่วเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้ว เขาก็กระแอมเบา ๆ ก่อนจะโอบภรรยาของเขา แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “อย่ามายืนกันตรงนี้อีกเลย ที่นี่ลมหนาวพัดแรง ว่าที่ลูกเขยของเจ้ายังบาดเจ็บอยู่”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าทันทีหลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย นางพึงพอใจไป๋หลิวอี้มาก นางจะทำผิดต่อเขาได้อย่างไร?
“ไปกันเถิด มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง”
เนี่ยนเนี่ยนหันหลังเดินจากไปทันที อวี้ชิงลั่วเห็นท่าทางของนางแล้วก็อยากจะต่อยนางด้วยกำปั้นสักที นางหรี่ตาจ้องเขม็งไปยังลูกสาว ขณะเดินตามไปด้วยสีหน้าหมั่นไส้ ส่วนอีกสองคนก็ไม่รู้จะเอ่ยคำใด
ไป๋หลิวอี้หัวเราะ แล้วเดินเคียงข้างเย่ซิวตู๋
นับว่าเย่ซิวตู๋เป็นอาจารย์ของเขาคนหนึ่ง เพราะทักษะของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล้วนได้รับการสั่งสอนทางอ้อมโดยเย่ซิวตู๋
เขาจึงเคารพเย่ซิวตู๋มาก
“จดหมายของเป่ยเป่ยเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟังแล้ว ครั้งนี้ข้ามาที่นี่เพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งงานของเจ้ากับเนี่ยนเนี่ยน” เย่ซิวตู๋มองไปยังภรรยาและลูกสาวของเขา ที่กำลังขึ้นรถม้าตรงหน้าเขา เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาขณะย่างก้าวไปอย่างมั่นคง “ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนดีจริง ข้าคงลังเลที่จะให้นางมาแต่งงานในที่ห่างไกลเช่นนี้”
ไป๋หลิวอี้มีสีหน้าอ่อนโยนและนอบน้อม คำตอบของเขาไม่ได้ถ่อมตัวหรือเอาแต่ใจ “ข้าจะไม่ปล่อยให้นางต้องลำบาก เมื่อข้ามีเวลาว่างในอนาคต ข้าจะพานางกลับไปเที่ยวอาณาจักรเฟิงชางแน่นอนขอรับ”
เย่ซิวตู๋ยกยิ้ม แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด ไป๋หลิวอี้เป็นเสนาบดีแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เขาต้องยุ่งกับกิจการต่าง ๆ มากมาย เขาจะกลับไปกับเนี่ยนเนี่ยนได้อย่างไร? แต่เพียงแค่มีใจเช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว
ทว่าสิ่งที่เย่ซิวตู๋ไม่คาดคิดก็คือ ในอีกสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้า ไป๋หลิวอี้จะทำในสิ่งที่เขาพูดไว้จริง ๆ ด้วยการพาเนี่ยนเนี่ยนกลับไปอาณาจักรเฟิงชางเมื่อมีเวลาว่าง
คาราวานเดินทางเข้าไปในเมืองอย่างแข็งขัน มีเหล่าข้าหลวงรออยู่ที่ประตูเมืองแล้ว
องค์ชายเก้าถังอวี้เทียนก็มาด้วย เขาย่อมไม่กล้าละเลยเหตุการณ์ใหญ่ อย่างอุปราชแห่งอาณาจักรเฟิงชางมาเยือนอาณาจักรเทียนอวี่
เย่ซิวตู๋เข้าไปทักทายเขา แล้วเดินตรงไปยังวังหลวง
เนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่ในรถม้าด้วยท่าทางค่อนข้างเบื่อหน่าย นางเหลือบมองแม่ของนางที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วหลับตาลงทันที
ส่วนเหวินหย่าก็เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในอาณาจักรเทียนอวี่ให้อวี้ชิงลั่วฟัง
อวี้ชิงลั่วเอนกายลงบนหมอนนุ่ม นางอดยกยิ้มอ่อนไม่ได้ ฟังดูแล้วไป๋หลิวอี้นั้นค่อนข้างเป็นคนดีมาก
“เนี่ยนเนี่ยน เจ้ามานี่สิ” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อวี้ชิงลั่วก็ยื่นมือไปหาเนี่ยนเนี่ยน
เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองนาง แล้วถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ลุกไปเอนตัวพิงนาง
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมองนางอย่างตั้งใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุใดแม่กับพ่อของเจ้ามาที่นี่แล้ว เจ้าถึงดู… หงุดหงิดนัก”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เนี่ยนเนี่ยนลอบถอนหายใจ นางไม่อาจพูดออกมาได้ เพราะมีความกังวลติดอยู่ในใจ โดยที่นางไม่อาจจัดการความรู้สึกนั้นได้เลย
แต่อวี้ชิงลั่วเข้าใจดี ว่านี่คือความกลัวก่อนการแต่งงาน ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไม่ได้ซึมเศร้าก็ไม่ถึงชีวิตหรอก
นางลูบหลังเนี่ยนเนี่ยน ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินทางเข้าไปในวังหลวงเงียบ ๆ
ถังมู่เทียนกำลังรออยู่ที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ พร้อมกับเหล่าข้าราชบริพารทุกคน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที เมื่อเขาเห็นกลุ่มคนเดินทางเข้ามา
อวี้ชิงลั่วกระโดดลงจากรถม้า ก่อนเงยหน้าขึ้นมองพระราชวังอันยิ่งใหญ่ตระการตา นางรู้สึกตื้นตันยิ่งนัก ด้วยไม่ได้มาที่นี่หลายปีแล้ว ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างเปลี่ยนไป
หงเย่ลงจากรถม้าข้างหลังนาง สายตาของนางฉายแววตื่นเต้น ก้าวไปยืนอยู่ข้างหลังอวี้ชิงลั่ว แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “น่าเสียดายที่แม่นมเซียวไม่ได้มาด้วย”
แม่นมเซียวแก่ชราเกินกว่าจะเดินทางไกลได้ ไม่เช่นนั้นนางคงร้องไห้เมื่อได้กลับถึงบ้านเกิด
“ไปกันเถิด ยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พอได้จากบ้านมาแต่งงานไกลๆ แบบจริงๆ มันก็ใจหายอยู่นะ เข้าใจได้
ไหหม่า(海馬)