อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนพิเศษ 73 เปิดประตู
ตอนพิเศษ 73 เปิดประตู
หลานสุ่ยชิงรู้สึกว่านางคงไม่สามารถไปปรากฏตัวในห้องพระได้ในตอนนี้
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ไปปรากฏตัว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะได้เห็นภาพที่น่าอับอายที่สุดของรองเจ้ากรมหลาน และคนที่เห็นจะกลายเป็นปมในใจของรองเจ้ากรมหลานไปตลอด
หลานสุ่ยชิงจึงบอกให้อนุหลัวและอนุฉีอยู่ในห้อง นอนหลับพักผ่อนให้สบายตั้งแต่ยังไม่ดึก
ต่อให้จะหลับไม่ลงก็ลุกออกไปดูความสนุกไม่ได้
อืม ลองจินตนาการถึงฉากแบบนั้นในใจดูสิ
หลานสุ่ยชิงเม้มปาก ก่อนเตรียมจะเดินไปยังเรือนสุ่ยสีหลังจากพูดเช่นนั้น
หนานหนานเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กลับไปนอนหรือ? ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะสนใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปมาก”
“…” นางสนใจมาก แต่เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ นางควร… อดทนไว้ก่อนดีกว่า
“แต่ข้าอยากดูละคร” หนานหนานพูดเสียงเบา
หลานสุ่ยชิงหันไปมองรอบ ๆ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดกับเขาตามตรงว่า “ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ไปดูให้จบ แล้วมาเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
“…ไปดูด้วยกันเถอะ”
“ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้อีกแล้วหรือ?”
“อืม”
“จะอยู่ด้วยกันอีกหรือ?”
“… อืม”
“ต้องกอดกันอีกหรือเปล่า?”
“…” ใบหน้าของหนานหนานกลายเป็นมืดครึ้ม ครั้งนี้เขาไม่ตอบนาง เพียงแค่โอบเอวนางแล้วทะยานไปทางห้องพระ
หลานสุ่ยชิงเกือบจะอุทานออกมา แต่โชคดีที่นางตอบสนองเร็วมาก จึงรีบปิดปากตัวเองไว้ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงกรีดร้องของนางดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน
แต่นางก็ยังคงมองหนานหนานด้วยความขุ่นเคือง
หนานหนานยิ้มกริ่ม แขนโอบรอบเอวนางแน่นขึ้นกว่าเดิม
อืม ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแห่งชัยชนะของพ่อยามกอดแม่ที่ปัดป้องไม่ได้แล้ว มันช่าง…ดีมากจริง ๆ
ห้องพระอยู่ไกลจากเรือนของไท่ฮูหยิน เดิมทีไท่ฮูหยินวางแผนจะสร้างไว้หลังเรือนโยวหรานที่นางอาศัยอยู่ แต่ซินแสบอกว่าการรักษาระยะห่างระหว่างห้องพระกับเรือนของนางจะดีที่สุด นางจึงสร้างไว้ในที่ที่เงียบสงบอย่างสวนด้านหลัง
ทว่าสถานที่นั้นค่อนข้างอยู่ใกล้กับเรือนของจินซื่อ
แม้ว่าไท่ฮูหยินจะรีบร้อน แต่สุดท้ายนางก็อายุมากแล้ว ยิ่งเป็นกลางคืนอันเงียบสงัด ฝีเท้าของนางจึงค่อนข้างช้า
ตรงกันข้ามกับหนานหนานที่ทะยานไปตลอดทาง เขาพาหลานสุ่ยชิงไปซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่นอกห้องพระ
ขณะนี้สถานการณ์ด้านในห้องพระยังคงดำเนินไป ร่างของสองพี่น้องจินซื่อยังไม่ได้เปลือยเปล่า รองเจ้ากรมหลานยังอยู่ในห้องพระต่อ เขาพยายามปฏิเสธและยังคงสวมกางเกงชั้นในอยู่
แต่รูปร่างหน้าตาของจินซื่อมีเสน่ห์เย้ายวน แม้ว่าเขาจะบอกให้พวกนางสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจควบคุมสายตาที่กำลังโลมเลียร่างของทั้งสองได้ และยังหายใจถี่ขึ้นด้วย
พวกหนานหนานอยู่ข้างนอก ย่อมมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน
แต่แค่ฟังเสียงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หน้าแดง
หลานสุ่ยชิงหันไปมองใบไม้ที่อยู่เหนือศีรษะ แต่เสียงของจินซื่อยังคงลอยเข้ามาในหูนาง
“นายท่านเจ้าขา อยู่ที่นี่มานานแล้ว ท่านไม่คิดถึงพวกเราบ้างหรือเจ้าคะ? รู้อยู่แล้วว่าถ้าเราสองคนพี่น้องไม่ได้อยู่เคียงข้างท่าน ท่านจะต้องลืมพวกเราเป็นแน่” เสียงของจินซื่อเต็มไปด้วยความน้อยใจ
รองเจ้ากรมหลานไม่อาจทนได้อีกต่อไป “ไม่ใช่เลย พวกเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ข้าเพิ่งมาหาพวกเจ้าที่นี่ไม่ใช่หรือ? ข้าอยู่คุยกับพวกเจ้านานมาก”
“ฮึ่ม ถ้าพี่ชายของข้าไม่บอกท่านเรื่องความคับข้องใจของเรา ท่านจะมาหรือเจ้าคะ? เกรงว่าคงจะไปมัวเมากับความอ่อนโยนของอนุฉีจนออกไปไหนไม่ได้เสียมากกว่า”
“อนุฉีย่อมไม่เก่งเท่าพวกเจ้า” แม้ว่าอนุฉีจะอายุน้อยกว่าสองคนนี้ แต่สุดท้าย… ความเย้ายวนก็ไม่อาจเทียบได้กับทั้งสอง
รองเจ้ากรมหลานกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ดวงตาของสองพี่น้องจินซื่อเป็นประกาย
“ในเมื่อนางไม่เก่งเท่าพวกเรา เหตุใดท่านจึงไม่แตะต้องพวกเราเลยเล่าเจ้าคะ? ท่านไม่ชอบที่พวกเราแก่ใช่หรือไม่ นายท่านเจ้าขา?”
“ไม่ใช่ๆ” รองเจ้ากรมหลานรีบส่ายหน้า ลำคอของเขายิ่งแห้งผาก และไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
โดยเฉพาะเมื่อจินซื่อทั้งสองกระโจนเข้าหาเขา คนหนึ่งล้วงมือเข้าไปในเสื้อผ้าของเขา ส่วนอีกคนจูบปากของเขา รองเจ้ากรมหลานก็รู้สึกอยากตายมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะปล่อยตัวสู่ห้วงกามารมณ์
แต่วินาทีต่อมา เมื่อเขาหันไปเห็นพระพุทธรูป ในที่สุดเขาก็ได้สติอีกครั้ง จึงรีบผลักทั้งสองออกไป ลุกขึ้นยืนแล้วถอยไปสองสามก้าว หอบหายใจแรงขณะพูดว่า “ไม่ได้ ที่นี่เป็นห้องพระของท่านแม่ อย่ามายุ่ง”
“สำคัญตรงไหนกันเจ้าคะ เวลานี้ไท่ฮูหยินหลับไปแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกเจ้าค่ะ”
“…” รองเจ้ากรมหลานเม้มปาก หัวใจกระสับกระส่าย แต่เขายังคงส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าถูกพบเข้า แม่ของข้าจะต้องโกรธมากเป็นแน่”
จินซื่อทั้งสองรู้สึกรำคาญ พวกนางหรี่ตามองหน้ากัน จากนั้นรีบลุกขึ้นทันที คนหนึ่งกอดเขาจากด้านหลัง แล้วถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของเขาออก ส่วนอีกคนหนึ่งก็เข้ามาแนบชิดทางด้านหน้า
หัวใจของรองเจ้ากรมหลานเต้นแรง เขารู้สึกว่าเหตุผลสุดท้ายหายไปในที่สุด เขากอดก่ายร่างปวกเปียกตรงหน้าเขา จากนั้นพึมพำขณะบดริมฝีปากไปด้วย “พวกเจ้ากล้ามาก กล้าดีอย่างไรมายั่วยวนข้าในห้องพระ มันช่าง…”
จินซื่อหัวเราะ “ห้องพระแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ ที่นี่ยิ่งเงียบสงบดี ไท่ฮูหยินก็กำลังหลับอยู่ คนที่มีอำนาจที่สุดในจวนคือท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ใครหน้าไหนจะกล้าบอกว่าท่านผิด ใครจะบังอาจไม่เชื่อฟังท่าน? เสร็จแล้วเราค่อยทำความสะอาดห้องพระกัน แล้วไท่ฮูหยินจะรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
ไท่ฮูหยิน แม่นมซ่งและไฉ่ซินเดินมาอยู่หน้าประตู เมื่อเหล่าคนรับใช้ที่ยังไม่หลับเห็นท่าทางรีบร้อนของไท่ฮูหยิน ก็รีบเดินตามมาด้วย และมาทันได้ยินคำพูดของจินซื่อเข้าพอดี
ไท่ฮูหยินโกรธจนหน้าแดงก่ำ ขณะคนอื่น ๆ มองหน้ากันด้วยความสยดสยอง
เสียงข้างในชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ รองเจ้ากรมหลานหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้ากล้ายั่วยวนข้าอย่างกล้าหาญ เพราะเจ้าเห็นว่าแม่ข้ากำลังหลับอยู่ใช่หรือไม่?”
“ฮึ่ม ถ้าวันนี้ไม่ทำให้นายท่านอยู่ที่นี่ นายท่านก็จะไปที่เรือนของอนุฉีอีกครั้ง แล้วจะจดจำพวกข้าได้อย่างไร นายท่าน บอกข้าหน่อยสิเจ้าคะ อนุฉีรับใช้ท่านดีหรือไม่? นางดูขี้อายเช่นนั้นคงไม่กล้าทำอะไรกล้าหาญเช่นนี้แน่นอน คิกๆๆ”
ไท่ฮูหยินสูดลมหายใจด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้วสั่งแม่นมซ่งว่า “เปิดประตูให้ข้า”
“ไท่ฮูหยิน…” แม่นมซ่งลังเล
“เปิด!!” สายตาของไท่ฮูหยินคมกริบจนแทบจะมีใบมีดพุ่งออกมา
แม่นมซ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว นางรีบตอบสนองด้วยการก้าวไปข้างหน้าขณะตัวสั่น หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง นางก็หลับตาลง แล้วผลักประตูห้องพระให้เปิดออก
แม่นมซ่งภาวนาว่าประตูน่าจะถูกลงกลอนไว้ จึงน่าจะสามารถเตือนคนข้างในได้ด้วยการผลักสักสองครั้ง
ใครจะไปคิดว่า… มันจะเปิดได้ด้วยการผลักเพียงครั้งเดียว
เวลาในขณะนี้ ก็ดูราวกับว่าได้หยุดนิ่งไป
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ทันแล้วค่าาา รู้กันหมดทั้งเรือน งามหน้าไหมล่ะพ่อโง่เมียน้อยชั่ว ประเด็นคือทำกันกลางหอพระของย่าด้วยนะ ไม่กลัวอำนาจย่ากันเลย
ไหหม่า(海馬)