ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 338 ยอมรับความจริง / ตอนที่ 339 พบหน้า
ตอนที่ 338 ยอมรับความจริง
เพราะฉะนั้นโอวหยางหงจึงตัดสินใจบอกเธอตั้งแต่ตอนนี้ ให้เธอค่อยๆ ยอมรับความจริงเรื่องนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม้แต่เรื่องที่ความทรงจำก่อนหน้านี้ของเธอหายไปทั้งยังรับมือได้ นับประสาอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ? เขาเชื่อว่าเธอจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่นอน
“หู่พั่ว พักผ่อนให้สบายนะ มีเรื่องอะไรก็กดกริ่งเรียก จะมีคนรับใช้เข้ามาจัดการให้ ผมขอตัวก่อน” โอวหยางหงปิดประตูห้องให้เธอ เขาไม่กังวลเลยสักนิดว่าเกิดเรื่องกับเธอเพราะเรื่องนี้
เขาเชื่อว่าหู่พั่วไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ให้กับชะตาชีวิตง่ายดายขนาดนั้น เธอคือหู่พั่ว หญิงสาวผู้กล้าหาญ มั่นใจ และมีจิตใจงดงาม!
ในห้องเหลือแค่เธอตัวคนเดียว หู่พั่วลูบท้องของตัวเองที่ยังคงแบนราบ เธอพบว่าเธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เมื่อเธอรับรู้ว่าในท้องของเธอมีเด็กอยู่ ทว่ากลับมีความรู้สึกคุ้นเคยแฝงอยู่ในนั้น เพราะอะไรกัน?
“ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าการมีเธออยู่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงที่สุดในชีวิตของฉัน? ก่อนหน้านี้ฉันเป็นยังไงกันแน่? พ่อของเธอเป็นใคร?” ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถาม แต่ในห้องช่างเงียบเหลือเกิน ไม่มีใครตอบเธอเลยสักคน
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หู่พั่วเองก็พัฒนาจากที่นอนอยู่บนเตียงทั้งวันกลายเป็นลงมาเดินบนพื้น เพียงแต่จะนานมากไม่ได้ เพราะว่าบางครั้งบางคราวก็จะรู้สึกเวียนหัว อาจจะเป็นอาการจากอุบัติเหตุครั้งนั้น
โอวหยางหงพยายามหาเวลามาเยี่ยมเธอทุกวัน ต่อให้ไม่สามารถมาด้วยตัวเองได้ ก็จะไต่ถามถึงการฟื้นตัวของเธอจากพ่อบ้าน ด้วยการดูแลอย่างสุดกำลังของคนรับใช้ในปราสาท หู่พั่วจึงค่อยๆ แข็งแรงขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปอีกครึ่งเดือน หู่พั่วก็หายดีแล้ว โอวหยางหงมักจะพาเธอไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ ท้องของหู่พั่วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอสวมชุดกระโปรง ด้านบนมีผ้าคลุมไหล่สีขาว มองไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
วันนี้โอวหยางหงก็มาเดินเล่นกับเธอในสวนดอกไม้เหมือนอย่างเคย หู่พั่วอดถามเขาไม่ได้ “ทำไมถึงได้รู้สึกว่าคุณดูว่างจัง? ทำไมถึงมีเวลามาอยู่เป็นฉันทุกวันเลย”
“ผมมาอยู่เป็นเพื่อนไม่ดีเหรอไง?” โอวหยางหงประคองเธอเดินผ่านทางเดินสายยา กลิ่นอายของฤดูใบผลิประชิดเข้ามาทุกที ต้นตีนตุ๊กแกพันเลื้อยไปทั่วทั้งปราสาท ทำให้ปราสาทอันเก่าแก่ดูสดชื่น น่ารักน่าเอ็นดู
หู่พั่วสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ภายนอกเข้าไป ที่นี่น่าจะเป็นเขตชานเมือง นอกจากวันที่อากาศไม่ดี หู่พั่วก็จะเดินเล่นอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ทุกวัน เธอยังไม่เคยเดินออกไปนอกปราสาทที่เธออาศัยอยู่เลย
ปราสาทหลังที่เธอและโอวหยางหงอาศัยอยู่นี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างหลักของบรรดาปราสาททั้งหลาย คราวก่อนได้ยินพ่อบ้านพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจว่า เดิมทีเจ้าของปราสาทหลังนี้คือโอวหยางหงและแม่ของเขา พ่อแม่ของเขาไปพักร้อนอยู่ที่อื่น ในช่วงนี้เขาเป็นคนควบคุมดูแลทุกๆ อย่าง
ความจริงแล้วดูเหมือนว่าพ่อของโอวหยางหงจะกำลังเริ่มสละตำแหน่งให้เขาอย่างช้าๆ แน่นอนว่า หู่พั่วได้รู้เรื่องราวเหล่านี้ ต่างต้องยกความดีความชอบให้กับคนรับใช้ในปราสาทที่พูดคุยกันยามว่างให้เธอได้ยิน ที่ไหนบนโลกก็ตามที่มีผู้หญิงอาศัยอยู่ ที่นั่นก็ย่อมมีการนินทาเกิดขึ้น
“หู่พั่ว คุณเหม่ออะไรเหรอ? หรือว่าการที่ผมอยู่ข้างคุณตรงนี้ไม่ได้ทำให้คุณสนใจได้เลย?” โอวหยางหงลดแขนที่กวัดแกว่งอยู่ตรงหน้าหู่พั่วอยู่เมื่อสักครู่ หู่พั่วค่อยๆ เดินออกมาจากโลกส่วนตัวของเธอ เธอเพียงแต่คิดถึงเรื่องบางอย่าง แล้วก็ถูกเขาจับได้เสียก่อน
“ไม่ใช่อย่างนั้น ในสายตาของฉัน คุณเป็นคนที่หล่อมากๆ เลยนะ เมื่อกี้ฉันแค่กำลังคิดอยู่ว่า หลังจากที่พ่อแม่ของคุณกลับมาแล้ว คุณจะอธิบายเรื่องของฉันยังไง?”
จากสภาพการใช้ชีวิตในระยะเวลาที่หู่พั่วอยู่ในปราสาทหลังนี้ ตระกูลโอวหยางน่าจะเป็นตระกูลที่มีฐานะสูงส่งตระกูลหนึ่งในประเทศนี้
ตอนที่ 339 พบหน้า
ไม่ต้องพูดถึงการที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ อย่างน้อยๆ ก็ทำให้คนธรรมทั่วไปใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว หู่พั่วอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าหากพ่อแม่ของโอวหยางหงรู้ว่าเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หากมีคนที่ไม่มีอะไรให้ชื่นชมสักอย่างปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอย่างกระทันหัน
“ฮ่าๆ…หรือว่าเรื่องนี้เหรอที่ทำให้คุณคิดอยู่ตั้งนานสองนาน?” โอวหยางหงรู้สึกว่าเธอช่างน่ารักเสียจริง เพราะปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำให้เธอกังวลได้ถึงขนาดนี้แล้ว หรือว่าเธอจะสมองช้าจริงๆ?
“คิดแบบนี้แล้วผิดเหรอไง? ทำไมต้องหัวเราะขนาดนั้นด้วย?” ท่าทางเธอดูน่าขันมากเหรอ? หู่พั่วไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่าความคิดของเธอไม่ผิด เดิมทีก็ควรจะคิดแบบนี้อยู่แล้ว อย่างไรเธอก็เป็นคนนอก ถ้าพ่อแม่ของเขาไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก พวกเขาจะต้องชอบคุณมากแน่ๆ ผมรับประกันได้”
โอวหยางหงไม่ได้บอกเธอว่า ไม่ใช่พ่อแม่ที่ชอบเธอมาก แต่จะเป็นแม่ของเขาที่ชอบเธอมากๆ ถ้าแม่ชอบเธอ ปัญหาในส่วนของพ่อก็จะคลี่คลายได้เอง อย่างไรที่ผ่านมาพ่อก็ฟังแม่มาตลอดอยู่แล้ว
“ทำไมถึงได้มั่นใจนักล่ะ?” หรือว่าพ่อแม่ของเขาเป็นพวกมีไมตรีจิตชอบสานสัมพันธ์? เขาถึงได้พูดออกมาแบบนี้?
“ถึงเวลาคุณก็จะรู้เอง” โอวหยางหงปิดเธอเอาไว้ก่อน ถึงเวลาค่อยเซอร์ไพรส์เธอ แล้วก็เป็นการต้อนรับชีวิตใหม่ของเธอด้วย
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เครื่องบินส่วนตัวของพ่อแม่โอหยางหงก็จอดลงบนลานหญ้าของปราสาท
ทั้งสองลงจากเครื่องบิน เมื่อเห็นว่าในบรรดาคนที่มาต้อนรับพวกเขามีหญิงสาวแปลกหน้าอยู่คนหนึ่ง อีกทั้งหญิงสาวคนนั้นก็ยืนอยู่ข้างกายโอวหยางหงลูกชายชองพวกเขาเสียด้วย นี่ทำให้โอวหยางเลี่ยอดมองเธอซ้ำๆ ไม่ได้
เฉินหลานอีมองหญิงสาวที่ดูแปลกหน้าและคุ้นตาในเวลาเดียวกันที่อยู่ตรงหน้า น้ำตาไหลเอ่อลงมาอย่าไม่อาจหักห้ามได้ “หงเอ๋อร์ เธอเป็นใคร?” เฉินหลานอีไม่อยากเชื่อเลยว่าวันหนึ่งลูกสาวของเธอจะกลับมายืนตรงหน้าเธออีกครั้ง
โอวหยางเลี่ยเห็นว่าเฉินหลานอีร้องไห้ออกมาอย่างตื้นตันใจ ก็รีบพูดปลอบเสียงเบา “ที่รัก อย่าร้องไปเลยนะ คุณร้องจนใจผมแหลกสลายไปหมดแล้ว”
เมื่อหู่พั่วเห็นว่าหญิงงามที่อยู่ตรงหน้าพอเห็นเธอเข้าก็หลั่งน้ำตา เธอจึงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงที่เดิม นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือว่าฉันดูไม่ได้ดีตรงไหน ทำไมแค่เธอเห็นฉันก็ร้องไห้ออกมาล่ะ?
“แม่ครับ อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวก็ขายหน้าหู่พั่วแย่หรอก แม่ทำให้เธออกตกใจหมดแล้วนะครับ”
ที่โอวหยางหงพาหู่พั่วออกมาด้วยก็เพียงแค่อยากให้พ่อแม่ของเขาดีใจ ไม่ได้อยากกระตุ้นให้แม่ต้องร้องไห้ คิดไม่ถึงว่าสายตามุ่งมาดของพ่อจะฟาดฟันลงที่เขาซ้ำๆ ถ้าเขายังไม่รู้ว่าอะไรผิดถูก อีกเดี๋ยวคงถูกตีแน่
เฉินหลานอีได้ฟังลูกชายบอกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าชื่อหู่พั่วก็พลันตกตะลึง เธอลืมเรื่องจริงที่ตัวเองร้องไห้อยู่ไปชั่วคราว “หงเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน? เธอไม่ใช่…”
“แม่ครับ พวกเราเข้าไปข้างในกันก่อนแล้วค่อยว่ากันนะครับ ผมจะค่อยๆ อธิบายให้แม่ฟังอย่างละเอียดเลย” โอวหยางหงประคองแขนของเฉินหลานอีเอาไว้ โอวหยางเลี่ยถูกเฉินหลานอีทิ้งไว้ตรงนั้น เพียงเพราะมืออีกข้างหนึ่งของเธอเอื้อมไปหาหู่พั่ว
“เธอชื่อหู่พั่วใช่ไหม?”
หู่พั่วพยักหน้า คุณผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าดูท่าทางไม่เหมือนผู้หญิงที่มีลูกโตเท่าโอวหยางหงเลยสักนิด เธอยังดูอ่อนเยาว์ ท่าทางอย่างกับยังอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ เธอยืนอยูข้างกายพ่อของโอวหยางหง แลดูน่าทะนุถนอมเหลือเกิน
“เธอยินดีจะเข้าไปกับฉันหรือเปล่า?” เฉินหลานอีไม่รู้ว่าทำไมหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าถึงได้ชื่อหู่พั่ว ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะวิตกเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ให้เธอมั่นใจหน่อยว่า หู่พั่วคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เธอตามหาอย่างยากลำบากมาโดยตลอด