ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 384 นัดเดท? / ตอนที่ 385 อาการรักสะอาด
ตอนที่ 384 นัดเดท?
“ก็ได้” เวลาก็ผ่านมานานแล้วจริงๆ นั่นล่ะ รีบกลับบ้านไปตอนนี้ก็ทำได้แต่หิ้วท้องกลับไป หู่พั่วจึงทำได้เพียงโทรกลับไปหาเสิ่นหลานอี บอกเสิ่นหลานอีว่าจะกินข้าวกับลั่วเซ่าเซินข้างนอก อีกสักพักจะกลับ
ได้ยินว่าถังโจวโจวเห็นด้วย ลั่วเซ่าเซินก็รีบเอ่ยต่อทันที “โจวโจว เหมือนว่าเมื่อกี้ผมจะเห็นร้านอาหารฝรั่งเศส พวกเราเข้าไปลองดูดีไหม?”
“ได้ค่ะ ฉันยังไงก็ได้” หู่พั่วไม่ได้มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับอาหารการกินมากนัก ในปราสาทโบราณ ในห้องครัวของบ้านโอวหยางมีพ่อครัวอยู่เจ็ดแปดคน แม้ร้านข้างนอกจะทำอาหารได้ดีแค่ไหนก็เทียบไม่ได้กับรสมือของเหล่าบรรดาพ่อครัวในปราสาท นั่นเป็นพ่อครัวใหญ่จากแต่ละสถานที่บนโลกที่โอวหยางหงเชิญมาให้เสิ่นหลานอีเชียวนะ
“โจวโจว ถ้าคุณอยากกินอะไรก็บอกผมได้เลยนะ ผมไปกินอย่างอื่นก็ได้” ลั่วเซ่าเซินไม่ชินที่ถังโจวโจวเป็นแบบนี้ ถังโจวโจวก่อนหน้านี้มีความคิดเป็นของตัวเองว่าจะเลือกกินอะไร เมื่อพูดถึงอาหารอร่อยๆ ดวงตาก็จะเป็นประกายในทันที
แล้วตอนนี้ล่ะ? เธอบอกว่าจะกินอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ ต่อให้ความจำเสื่อมก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิมไปด้วยสิ? ลั่วเซ่าเซินไม่เข้าใจเลย ถังโจวโจวเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ นี่ทำให้เขาจัดการอะไรๆ ไม่ถูก
เมื่อหู่พั่วเห็นสีหน้าลำบากใจของลั่วเซ่าเซินแล้ว เธอก็คิดว่าตัวเองใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่า ความจริงแล้วเธอเองก็อยากที่จะได้ออกมากินข้าวนอกบ้านอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เธอรับรองได้ว่าจะไม่ใช้ท่าทางแบบนี้แน่ ลั่วเซ่าเซินคิดว่านิสัยของเธอเปลี่ยนไป แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย เธอแค่ไม่อยากกินข้าวร่วมกับเขาก็เท่านั้นเอง
ถ้าหากลั่วเซ่าเซินรู้ความคิดทั้งหมดของหู่พั่ว เขาจะโกรธจนแทบกระอักเลือดเลยหรือเปล่า เขาอุตส่าห์ลำบากลำบนตามเอาใจเธอ แต่เธอกลับอยากผละไปให้ไกลจากเขา
“อย่างนั้นพวกเราไปกินอาหารจีนกันไหม?” เห็นลั่วเซ่าเซินท่าทางน่าสงสารขนาดนี้ หู่พั่วก็อดที่จะเห็นใจเขาไม่ได้ เธอทำเกินไปหรือเปล่านะ? กินข้าวแค่มื้อเดียวเอง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำให้ความสัมพันธ์ย่ำแย่ขนาดนี้เลยนี่นา
“ได้สิ ขอแค่เป็นอาหารที่โจวโจวอยากกิน ผมไปด้วยได้อยู่แล้ว” ในที่สุดลั่วเซ่าเซินก็ไม่ได้ห่อเ**่ยวอย่างเมื่อครู่นี้อีกต่อไป การที่ถังโจวโจวพูดความคิดที่อยู่ภายในใจออกมา สำหรับเขาแล้วนี่เป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ลั่วเซ่าเซินคว้ามือถือขึ้นมาหาพิกัด เมื่อสักครู่เขาไม่เห็นร้านอาหารจีนเลย อีกอย่างถังโจวโจวก็ออกความคิดเห็นมาแล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ให้ยอมให้เธอเสียอารมณ์
หู่พั่วไม่ค่อยได้ออกมาเดินช้อปปิ้ง เธอจะออกมาเล่นเดินกับเสิ่นหลานอีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ปกติแล้วยังไม่ทันถึงเวลากินข้าวทั้งสองคนก็กลับกันแล้ว อีกอย่างตอนนี้เสี่ยวอวี่ก็ยังต้องการคนดูแล เธอจะออกมาก็ไม่สะดวกที่จะพาเสี่ยวอวี่ออกมาด้วย หู่พั่วจึงค่อยๆ ละทิ้งความคิดที่จะออกมาเดินช้อปปิ้ง
อีกอย่างหนึ่งบางครั้งโอวหยางหงก็หอบเสื้อผ้าร้านดังคอลเล็กชั่นใหม่ในฤดูกาลนั้นๆ มาที่บ้าน ให้เธอกับเสิ่นหลานอีเลือกสรรกันตามสบายอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะมีเสื้อผ้าไม่พอใส่ หู่พั่วจึงไม่มีกะจิตกะใจจะออกมาเดินช้อปปิ้ง ดังนั้นเธอจึงไม่คุ้นเคยกับแถวนี้เท่าไหร่นัก
เวลานี้ลั่วเซ่าเซินเองก็ลำบากใจอยู่เหมือนกัน เขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสนัดถังโจวโจวโจวออกมาข้างนอกได้ ถ้ารู้ก่อนคงจะแผนการคร่าวๆ เอาไว้แล้ว จะได้ไม่ต้องลุกลี้ลุกลนอย่างในตอนนี้
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มหาพิกัด “โจวโจว เดินไปข้างหน้าอีกนิดนึงก็จะถึงแล้ว”
เดินผ่านซอยเล็กๆ แล้วจึงเดินอ้อมด้านข้างไป เดินไปได้ประมาณร้อยเมตร ลั่วเซ่าเซินเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าข้างบนเขียนไว้ว่าร้านอาหารหลี่จยา มองไปเห็นประตูบานเล็กที่หน้าร้าน ลั่วเซ่าเซินคิดว่าเขากำหนดพิกัดผิดไปแล้ว
“ที่นี่เหรอ?” หู่พั่วมองร้านอาหารตรงหน้าที่เปิดประตูแง้มเอาไว้ ทำไมถึงได้ดูไม่เหมือนร้านอาหารสักเท่าไรเลยนะ? แต่บนนั้นก็เขียนไว้ว่าร้านอาหารหลี่จยานี่นา
“โจวโจว ผมอาจจะตั้งพิกัดผิดไปเองก็ได้” สภาพแวดล้อมของที่นี่ทำให้ลั่วเซ่าเซินไม่กล้าเยินยอ ทำไมสถานที่ที่เขากับถังโจวโจวจะได้กินอาหารด้วยกันเป็นครั้งแรกหลังจากพบกันอีกครั้งถึงได้เป็นแบบนี้?
อีกอย่างหนึ่ง คนที่อยู่ในร้านอาหารก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนกันหมด ประตูแง้มเปิดครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าในร้านมีคนอยู่หรือเปล่า ที่สำคัญถ้ารสชาติอาหารไม่ถูกใจถังโจวโจวละก็ ลั่วเซ่าเซินคิดว่าไม่เข้าไปเสียยังจะดีกว่า
“จะเป็นไปได้ยังไง บนมือถือก็บอกว่าเป็นร้านนี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราเข้าไปดูก็รู้แล้วนี่” หู่พั่วชิงนำหน้าเตรียมจะเปิดประตูเข้าไป ทว่าถูกลั่วเซ่าเซินขวางเอาไว้
“โจวโจว พวกเราไปร้านอื่นกันเถอะนะ นี่มันออกจะ…” ลั่วเซ่าเซินไม่อยากทำลายความรู้สึกสนอกสนใจของเธอ เพียงแต่ตัวเขาเองไม่ได้นึกอยากเข้าไปเลย ใครจะรู้กันว่าข้างในนั้นมีอะไรกันแน่?
ตอนที่ 385 อาการรักสะอาด
“ทำไมล่ะ? คุณรังเกียจที่นี่งั้นเหรอ คุณไม่รู้หรือไงว่าสถานที่ดีๆ ชอบซ่อนอยู่ในที่ลับๆ ของเมือง ไม่แน่ว่าถ้าคุณไปร้านอื่นก็อาจจะพลาดที่จะได้ลิ้มรสร้านอาหารแสนอร่อยไปก็ได้” หู่พั่วไม่ยอมให้ลั่วเซ่าเซินปฏิเสธ ตรงเข้าไปเปิดประตูทันที
“มีใครอยู่รึเปล่าคะ เจ้าของร้านอยู่ไหมคะ” เมื่อผลักประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในเป็นโลกอีกแห่งหนึ่ง ในบริเวณสวนหย่อมมีโต๊ะอยู่สองตัว ด้านข้างมีเก้าอี้ไร้พนักพิงตั้งอยู่ ด้านข้างมีเสาค้างองุ่นค้ำ เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงฤดูกาลที่องุ่นสุกงอม บนเสาค้างองุ่นจึงมีเพียงใบองุ่นสีเขียวขจีเท่านั้น
อีกทั้งผนังที่อยู่ด้านข้างโต๊ะและเก้าอี้ยังมีต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยเกาะอยู่ สีเขียวชอุ่มน่ามองยิ่งนัก แม้ว่าภายในสวนจะไม่ได้ดูหรูหรา แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ดูสดชื่น
ขณะที่หู่พั่วกำลังมองวิวในสวนหย่อมนั่นเอง ก็มีหญิงสาวสวมชุดธรรมดาๆ คนหนึ่งเดินออกมาจากในห้อง “พวกคุณมาทานอาหารกันใช่ไหมคะ?”
หู่พั่วทำหน้าเคร่งขรึม “ใช่ค่ะ พวกเรามาทานอาหารกัน คุณคือเจ้าของร้านหรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้วค่ะ ทั้งสองท่านเข้ามาข้างในได้เลยนะคะ ในห้องยังมีโต๊ะอยู่ พวกคุณนั่งด้านในก็ได้ค่ะ” เจ้าของร้านเห็นว่ามีลูกค้าก็ยินดีเป็นอย่างมาก
“เจ้าของร้านคะ ฉันเห็นว่าวิวในสวนหย่อมสวยดี พวกเรานั่งข้างนอกก็ได้ค่ะ”
“ได้สิคะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะชงชามาให้ อีกประเดี๋ยวจะเอาเมนูอาหารมาให้ค่ะ” เจ้าของร้านเลิกผ้าม่านเข้าไปในห้อง หู่พั่วหาโต๊ะตัวหนึ่งแล้วลงนั่ง
ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าโต๊ะนั่นดูเก่าไปสักหน่อย เขาจึงยืนอยู่ตรงนั้นราวกับท่อนไม้ หู่พั่วเห็นว่าเขาไม่นั่งลงสักที จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ลั่วเซ่าเซิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่พอใจอะไร?”
โดยรอบบริเวณนี้ก็มีร้านอาหารจีนอยู่เพียงร้านเดียวเสียด้วยสิ อีกอย่างหนึ่งพวกเขาก็เดินมานานถึงขนาดนี้แล้ว หู่พั่วรู้สึกค่อนข้างเมื่อยขา เวลานี้เธอเพียงแค่อยากนั่งลงพักสักหน่อย ไม่อยากตามหาร้านในภาพมายาร้านถัดไปอีกแล้ว นั่งอยู่ที่นี่ให้สบายใจดีกว่า
ถ้าหู่พั่วยังคงมีความทรงจำก่อนหน้านี้ เธอจะรู้อย่างแน่นอนว่าเขากังวลเรื่องอะไรอยู่ ลั่วเซ่าเซินเคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ที่ไหนกัน สีของโต๊ะกับเก้าอี้เองก็แทบจะไม่เห็นสีเดิมอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าบนโต๊ะมีคราบน้ำมันอยู่เท่าไหร่ เขาไม่กล้าบุ่มบ่ามนั่งลงไปจริงๆ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่นั่งลงล่ะคะ” หู่พั่วเพิ่งถามคำถามนี้จบ เด็กผู้ชายคนหนึ่งก็ยกถาดเข้ามา บนถาดมีแก้วสองใบวางอยู่พร้อมกับกาน้ำชา หู่พั่วจึงรีบลุกขึ้นรับถาดมาจากเขา
เขาดูอายุเพียงห้าหกขวบเท่านั้น รูปร่างเล็ก สวมเสื้อยืดสีขาวลายลูกแมว ด้านนอกสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ด้านล่างสวมกางเกงยีน “เด็กน้อย หนูอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ?”
เด็กชายไว้ผมทรงสไลด์ไม่ยาวนัก ดูเข้าใจอะไรๆ ได้ง่ายและเป็นคนมีความสามารถ หู่พั่วอยากลูบหัวของเขา แต่ก็กลัวจะเป็นการคุกคามเขามากเกินไป
ทันใดนั้นเด็กชายตัวน้อยก็เอ่ยอย่างอ่อนแรง “พี่สาว พวกคุณรอเดี๋ยวนะครับ ตอนนี้แม่กำลังยุ่งอยู่ ผมก็เลยเอาเมนูอาหารมาให้พวกคุณเอง”
“ได้จ้ะ เขาว่านอนสอนง่ายดีจังเลยนะ ลั่วเซ่าเซิน ถ้าคุณไม่ยินดีจะกินข้าวกับฉัน อย่างนั้นก็กลับไปก่อนเถอะค่ะ” เพียงหู่พั่วหันมาก็พบว่าลั่วเซ่าเซินยังยืนอยู่เหมือนเดิม หายใจฟึดฟัด ถ้าเขาไม่ยินดีขนาดนี้แล้วจะพูดขึ้นมาทำไมว่ากันจะกินข้าวกับเธอ เขาไม่เต็มใจงั้นเหรอ เธอสิที่ไม่เต็มใจยิ่งกว่า!
ลั่วเซ่าเซินสังเกตได้ว่าหู่พั่วโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว จะทำเดทครั้งแรกของพวกเขาพังเพียงเพราะโรครักความสะอาดได้อย่างไรล่ะ? ลั่วเซ่าเซินนั่งลงบนเก้าอี้ โชคดีที่เขาไม่ชอบใส่กางเกงสีขาว ไม่อย่างนั้นคิ้วของเขาคงขมวดรวมกันเป็นภูเขาแน่ๆ
เมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเซินนั่งลงแล้ว หู่พั่วถึงได้อารมณ์ดีขึ้นสักหน่อย “คุณเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนเมื่อกี้หรือเปล่า? เขาดูเป็นผู้ใหญ่เชียว เป็นเด็กตัวแค่นี้ก็ช่วยแม่ทำงานได้แล้ว”
“ต่อไปเสี่ยวอวี่เองก็จะช่วยคุณแบบนี้เหมือนกัน ถ้าเขาทำไม่ดีกับคุณ ผมจะเป็นคนสั่งสอนเขาเอง”
“ลูกชายของฉันจะต้องดีกับฉันอยู่แล้วล่ะ เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” หู่พั่วไม่พอใจนักที่ลั่วเซ่าเซินทึกทักเอาเองแบบนี้ เสี่ยวอวี่เป็นลูกชายที่แสนดีของเธอ อย่างไรก็ต้องดีกับเธออย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นห่วงเลยด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจของหู่พั่ว ลั่วเซ่าเซินก็ยิ้มแหยพลางเอ่ยขึ้น “ครับ เสี่ยวอวี่เป็นลูกของคุณ ผมไม่มีทางแย่งเขามาจากคุณหรอก”
หู่พั่วถึงได้รู้สึกว่าเธอคิดมากไปเอง เขาแค่เพียงหยอกล้อเธอเล่นเท่านั้น เธอจะเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังไปทำไม? หรือว่าเธอจิตใต้สำนึกของเธอเองก็รู้สึกว่าลั่วเซ่าเซินจะมาแย่งเสี่ยวอวี่ไปจากเธอจริงๆ? แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับเสี่ยวอวี่ เขาไม่มีทางแย่งไปหรอก