ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ - ตอนที่ 386 คุณลุงกับพี่สาว / ตอนที่ 387 อาหารมาแล้ว
ตอนที่ 386 คุณลุงกับพี่สาว
ถ้าลั่วเซ่าเซินรู้ถึงความคิดของเธอในเวลานี้ เขาจะต้องพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งแน่ๆ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางแย่งเสี่ยวอวี่ไป แต่เขาจะพาทั้งสองกลับไปด้วยกันเลยต่างหาก แล้วนี่จะเรียกว่าแย่งได้ยังไงกันล่ะ?
น่าเสียดายที่ทั้งสองไม่รู้ความคิดของอีกฝ่าย หู่พั่วตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้เด็กชายคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อลั่วเซ่าเซินไม่ได้คิดร้ายอะไร ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ได้สนใจเขาอีก
สักครู่หนึ่ง ในที่สุดเด็กชายคนนั้นก็เดินออกมาอีกครั้ง ทั้งยังมีแม่ของเขาเดินไล่หลังมาอีกด้วย “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีเมื่อกี้มีเรื่องที่ทำค้างอยู่ คุณสองคนไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ เสี่ยวหวา รีบเอาเมนูอาหารให้ลูกค้าสิจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราไม่รีบ เสี่ยวหวา ชื่อน่ารักเลยจังนะคะ! นี่เป็นลูกชายของคุณหรือเปล่าคะ”
“ใช่แล้วค่ะ ปีนี้ก็เจ็ดขวบแล้ว ปกติช่วงปิดเทอมก็จะช่วยงานอยู่ที่บ้าน พวกคุณสองคนรีบสั่งเถอะค่ะ ฉันจะรีบเข้าครัวไปทำให้ แต่ยังไงช่วยรอหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรารอกันได้” ลั่วเซ่าเซินมองไปยังหู่พั่ว ก็อย่างกับว่าได้เห็นถังโจวโจว เขาลืมเรื่องเมื่อสักครู่ที่ตัวเองไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ไปแล้ว ทุกๆ อย่างสำหรับเขาในเวลานี้ไม่ได้สำคัญไปกว่าถังโจวโจวเลย
“อย่างนั้นก็เอากระดูกหมูเปรี้ยวหวาน ซุปรวมมิตรแล้วก็แล้วก็ซุปปลาหม่าล่าอีกทีหนึ่ง เท่านี้แหละค่ะ” มากันสองคนกินกับข้าวสามอย่างก็เหลือเฟืออยู่แล้ว
ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเธอสั่งมาน้อย ก็หยิบเมนูอาหารขึ้นมาสั่งของหวานอีกอย่างหนึ่ง “คุณชอบกินอันนี้ไม่ใช่เหรอ? สั่งเพิ่มอีกอย่างก็ไม่เป็นไรหรอก รวมเป็นสี่อย่างพอดี จะได้เป็นคู่กันยังไงล่ะ”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” หู่พั่วเห็นว่าเขาสั่งของหวานเพิ่มอีกเพียงอย่างเดียว ไม่เป็นไร ถึงเวลาถ้ากินไม่หมดค่อยห่อกลับบ้านก็ได้
“งั้นฉันเข้าครัวก่อนนะคะ รบกวนทั้งสองท่านช่วยรอหน่อย” เจ้าของร้านเข้าไปในห้อง เด็กชายตัวน้อยยืนมองเหม่อมองหู่พั่วอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มองกับอย่างว่าอยากจะพูดอะไรกับเธอสักอย่าง เพียงแต่ยังเขินอาย ทำให้เขาอึกอักอยู่ตรงนั้นสักครู่
“เสี่ยวหวา ฉันเรียกเธอแบบนี้ได้หรือเปล่า?” หู่พั่วเห็นว่าท่าทางของเขาน่ารักเหลือเกิน ผ่านไปอีกไม่กี่ปี เสี่ยวอวี่ก็คงจะสูงเท่าเขากระมัง แต่ว่าเด็กผู้ชายเขินอายขนาดนี้จะดีหรือ?
“ได้ครับ” เสียงของเขาฟังดูไพเราะ ทั้งร่างกายของเขานับว่าดูดีไม่หยอก ตอนนี้ยังเด็กอยู่ โตไปอีกหน่อยก็คงจะให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไปเอง เพราะเวลานี้เขาให้ความรู้สึกน่ารักน่าชังมากกว่า
ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าความสนใจของถังโจวโจวทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่เด็กชายคนนี้ ก็พลันไม่พอใจ “โจวโจว คุณมองข้ามผมไปได้ยังไง?”
“พรืด คุณลุงนี่นาไม่อายเลย พี่สาวก็แค่คุยกับผมก็ต้องหึงด้วยเหรอครับ”
หู่พั่วรู้สึกว่าเธอมองผิดไป เขาเป็นเด็กโลกส่วนตัวสูงแบบไหนกัน เห็นเขาพูดจาฉะฉาน อีกทั้งยังโต้ตอบกับคำพูดของลั่วเซ่าเซิน ถึงจะยังพอดูออกถึงความโลกส่วนตัวสูงอยู่บ้าง นี่เขาคงไม่ได้เป็นพวกหลอกล่อให้เหยื่อตายใจว่าอ่อนแอตั้งแต่เด็กหรอกกระมัง?
ช่างน่ากลัวเสียจริง! หู่พั่วไม่คิดว่าตัวเองจะมองผิดไป เวลานี้ทำได้เพียงกอดเก็บความเสียใจเอาไว้
ลั่วเซ่าเซินได้ฟังเด็กชายเรียกเขากับถังโจวโจวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง “เด็กคนนี้นี่ ฉันดูแก่มากเหรอไง ทำไมถึงได้เรียกเธอว่าพี่สาว แล้วเรียกฉันว่าคุณลุงล่ะ?”
ทั้งๆ ที่เขาเป็นพี่ชายรูปงาม ตาข้างไหนของเขากันที่มองว่าลั่วเซ่าเซินเป็นคุณลุง เขาอยากมีเรื่องเหรอไง!
“คุณลุงก็ถูกแล้วนี่ สวยอย่างนี้ก็ต้องเป็นพี่สาวอยู่แล้ว!” เสี่ยวหวาทำหน้าทะเล้น กระโดดโลดเต้นเข้าไปในห้อง
“ฮ่าๆๆ คุณลุง…ให้ตายสิ ตลกชะมัด!” ตอนแรกหู่พั่วไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวหวาคนนี้จะคิดได้ว่าต้องเรียกเธอว่าพี่สาวแล้วเรียกลั่วเซ่าเซินว่าคุณลุง…หึ ฉลาดเฉลียวจริงๆ เลยนะ
“คุณก็หัวเราะไปกับเขาด้วย ผมดูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เขาแก่กว่าถังโจวโจวแค่สองปีเท่านั้นเอง หรือว่าเพราะถังโจวโจวหายตัวไปสองปี เขาจึงไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะว่าสถานที่ไม่อำนวย ลั่วเซ่าเซินก็อยากจะลูบหน้าของตัวเองดูเหมือนกับว่าปัญหาอยู่ที่ตรงไหนกันแน่ เด็กคนนั้นถึงได้มองว่าเขาเหมือนคุณลุง
“หึๆ ไม่ขำแล้วก็ได้” หู่พั่วรีบร้อนกลั้นหัวเราะ เธอมองข้ามเขาไปชั่วขณะ ลั่วเซ่าเซินก็ทำกับคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กๆ ไปได้ เรียกแล้วก็เรียกไปสิ ทำไมยังจะต้องถามกันอีก? ช่างใจแคบเสียจริง
หลังจากการทะเลาะกับเสี่ยวหวา ก่อนหน้านี้หู่พั่วไม่ยินดีที่จะใส่ใจความเปลี่ยนแปลงของลั่วเซ่าเซิน แต่อย่างน้อยเธอก็ยอมที่จะพูดกับเขากับเขามากขึ้นอีกหลายคำ
ตอนที่ 387 อาหารมาแล้ว
ในจุดนี้ ลั่วเซ่าเซินต้องขอบคุณเขาให้ดีเสียหน่อย หู่พั่วเองก็ไม่ได้สนใจประเด็นเมื่อสักครู่อีกต่อไป “ทำไมกับข้าวยังไม่มาอีกนะ?” เขากลัวว่าถังโจวโจวจะรอจนหิว ร้านนี้ชักช้าเกินไปแล้ว
“เธอทำกับข้าวคนเดียวก็คงช้าหน่อยละนะ พวกเราไม่ได้รีบไปไหนสักหน่อย รอนิดนึงก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” หู่พั่วเห็นว่าเมื่อสักครู่มีเจ้าของร้านเพียงแค่คนเดียว ก็ไม่รู้ว่าสามีเธอไปอยู่ที่ไหนกัน? หรือว่าร้านแห่งนี้จะมีเจ้าของร้านคนเดียว?
“อาหารได้แล้วค่ะ!” พูดถึงก็มาพอดี ถาดในมือของเจ้าของร้านมีกับข้าวอยู่สามอย่าง หู่พั่วอยากช่วยเธอรับไว้ แต่เธอก็รีบร้อนปฏิเสธ “รีบนั่งลงเถอะค่ะ ฉันคนเดียวก็ถือไหว เดี๋ยวลวกพวกคุณขึ้นมาจะเป็นความผิดฉันเปล่าๆ”
เจ้าของร้านยกกับข้าวบนถาดวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ถ้าไม่ได้ฝึกมาเป็นเวลานาน เชื่อว่าคงไม่มีทักษะแบบนี้แน่
“เสี่ยวหวา รีบยกของหวานมาเร็ว คุณๆ สองคนค่อยๆ กินกันนะคะ อยากได้อะไรก็เรียกฉันได้เลย”
“ได้ค่ะ เจ้าของร้าน รบกวนคุณแล้วค่ะ”
“รบกวนอะไรกันละคะ คุณสองคนค่อยๆ กินนะคะ เสี่ยวหวา มานี่ เข้าไปข้างในกับแม่” เสี่ยวหวาเห็นกับข้าวเต็มโต๊ะก็มองตาปรอย
หู่พั่วไม่เข้าใจเลยว่าเมื่อครู่นี้เสี่ยวหวาก็ดูสนใจกับข้าวบนโต๊ะอาหารเป็นอย่างมาก ในเมื่อเจ้าของร้านเป็นแม่ของเขา ปกติแล้วเขาก็ควรจะได้กินอาหารฝีมือของเธอบ่อยๆ สิ แล้วทำไมถึงได้มีสีหน้าแบบนั้นนะ?
ความสงสัยเพียงผ่านสมองของเธอไป หลังจากนั้นก็เป็นเวลาที่หู่พั่วจะเริ่มต้นลิ้มรสอาหารแสนอร่อยตรงหน้านี้เสียที “อื้อหือ ฝีมือของเจ้าของร้านไม่ธรรมดาเลย รีบชิมสิคุณ”
ลั่วเซ่าเซินเองก็ชิมไปคำหนึ่ง รสชาติดีจริงๆ ด้วย เขาก็ไม่ได้กินอาหารจีนรสชาติดั้งเดิมขนาดนี้มานานแล้วเหมือนกัน “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะย้ายมาจากประเทศ M นะ”
หากไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศ M เป็นเวลานานๆ แล้ว จะมีฝีมือแบบนี้ได้อย่างไรกัน
“รีบกินเข้าเถอะ ฉันหิวไปหมดแล้ว ให้ตายเถอะ นี่ก็อร่อยมากเลย!” หู่พั่วไม่ได้สนใจจะสืบเสาะความเป็นมาของคนอื่น ทุกคนล้วนแต่มีอดีตเป็นของตัวเอง ผ่านร้อนผ่านหนาวจนกลายเป็นพวกเขาในวันนี้กันทั้งนั้น เธอแค่บริหารชีวิตตัวเองให้ดีก็เพียงพอแล้ว
กับข้าวที่อยู่บนโต๊ะถูกซัดจนเรียบ หู่พั่วรู้สึกแน่นท้องอยู่บ้าง เธอก็เห็นว่าลั่วเซ่าเซินเองก็ไม่ได้ยั้งมือเช่นกัน โดยเฉพาะปลาชามนั้น รสชาติเปรี้ยวสดชื่น เผ็ดร้อน รวมถึงความรู้สึกอื่นๆ มีเพียงคนที่เคยลิ้มรสแล้วเท่านั้นจึงจะเข้าใจ อย่างไรก็ถือว่าอร่อยมากๆเลยละ!
“ไม่น่าเชื่อว่าในตรอกเล็กๆ อย่างนี้จะมีอาหารรสเลิศอยู่ด้วย” อย่างไรหน้าประตูร้านนี้ที่ลั่วเซ่าเซินเพิ่งเข้ามาก็ไม่ได้อวดอ้างชื่อเสียงใดๆ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าแม่ครัวของที่นี่จะมีฝีมือขนาดนี้
“อร่อยจริงๆ ด้วย แต่ว่าทำไมถึงไม่มีคนเข้ามาเลยนะ?” เวลานี้หู่พั่วกินจนอิ่มท้อง เธอจึงมีกะจิตกะใจจะมาสนใจร้านอาหารที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดแห่งนี้
“เจ้าของร้านคะ คิดเงินค่ะ” นี่ก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่หู่พั่วและลั่วเซ่าเซินเองก็ใกล้จะออกจากร้านแล้ว จึงไม่มีเวลาไต่ถามถึงเรื่องนี้
“ค่ะ มาแล้วค่ะ!” เจ้าของร้านหยิบบิลขึ้นมาใบหนึ่งแล้วแจ้งราคา ลั่วเซ่าเซินเป็นคนจ่ายเงิน
“ถ้าอร่อย คราวหน้าคุณทั้งสองก็มากันอีกนะคะ!” เห็นทั้งสองคนกำลังจะเดินออกไปแล้ว เจ้าของร้านก็เอ่ยประโยคที่เจ้าของร้านทั่วๆ ไปพูดกัน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยสักนิด
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้การก้าวเดินของหู่พั่วช้าลง หลังจากนั้นจึงหันกลับมาอย่างลังเล “เจ้าของร้านคะ ฉันขอละลาบละล้วงสักคำถามนะคะ ทำไมถึงไม่มีลูกค้าคนๆ อื่นนอกจากพวกเราเลยล่ะคะ?”
“ฉันไม่ได้เปิดร้านนี้เพื่อเอากำไรหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อปีนั้นฉันกับสามีสัญญากันไว้ว่าฝีมือทำกับข้าวของครอบครัวเราจะต้องได้กับการสืบทอด ดังนั้นถึงได้เปิดร้านนี้ขึ้นมา ปกติแล้วก็รับรองแต่ลูกค้าที่คุ้นเคยกันเท่านั้น”
ในที่สุดหู่พั่วก็เข้าใจ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อไป “ฝีมือทำกับข้าวของเจ้าของร้านเยี่ยมมากเลยค่ะ ไว้มีโอกาสพวกเราจะมากันอีกนะคะ”
หู่พั่วถึงได้เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้เจ้าของร้านถึงไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นสักเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะกำลังคิดอยู่ว่าพวกเธอรู้จักร้านของเธอได้อย่างไร ส่วนเรื่องสามีที่เธอเอ่ยถึงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเธอ หู่พั่วจึงไม่ถามให้มากความ