อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 326 อาเจียน
ตอนที่ 326 อาเจียน
โอวหยางลี่ที่ยืนเฝ้าอยู่ในห้องได้ยินเสียงเธออาเจียนไม่หยุดก็นึกถึงตอนที่ไปแผนกตรวจร่างกายฉุกเฉินในวันนี้ แม้ว่าภายในใจจะโกรธไม่หายแต่ว่าอย่างน้อยก็คิดปลอบใจอันโหรว
เธอไม่ควรรังเกียจหรือขยะแขยงเขาจนอาเจียนออกมา แต่เพราะกระเพาะเธอไม่ดี
หลังจากที่อันโหรวอาเจียนออกมาอีกครั้ง เธอก็ทรุดตัวลงไปทันที แทบจะไม่มีแรงเดิน เธอพิงกำแพงอย่างอ่อนแรง
“ไปห้องถัดไป” โอวหยางลี่มองเธอ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อเขาพูดจบก็มองเธอ ก่อนจะเดินเข้าไปพยายามที่จะประคองเธอ อันโหรวไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา เพียงแค่เหลือบมองมือของเขาเล็กน้อยเท่านั้น “ฉันเดินเองได้”
“โหรวโหรว ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ยังจะเดินได้อีกงั้นเหรอ?”
“ได้!” แม้เธอจะขาขาดก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา
เธอไม่ชอบจนถึงขั้นเกลียด
เธอปฏิเสธโอวหยางลี่ที่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิมอย่างไร้เยื่อใย สายตานั้นมองเธอเดินจากไปอย่างช้า ๆ
การก้าวเท้าของเธอนั้นเชื่องช้ามาก ค่อย ๆ ขยับทีละก้าว ร่างกายบาง ๆ ที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มด้านใน มือสีขาวซีดโผล่ออกมาจากผ้าห่มเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตกลงไป
ห้องข้าง ๆ เป็นห้องของอันโหรวที่พักอยู่ เธอจะไปห้องด้านข้างได้อย่างไร เธอเดินไปห้องตรงข้ามโดยไม่สนใจโอวหยางลี่ที่เพิ่งเดินเข้าไปและกระแทกประตูอย่างแรงว่าเป็นยังไง
“อย่าเข้ามานะ!”
โอวหยางลี่ยืนมองประตูห้องด้านหน้าอยู่กับที่
“โหรวโหรว คราวหน้าอย่าได้รนหาที่ตายอีก! ถึงจิ่งเป่ยเฉินจะตายไปแล้ว เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ แบบนั้นเธอถึงจะมีโอกาสได้เจอลูก ๆ ก่อนตายเธอไม่คิดอยากจะเจอพวกเขางั้นเหรอ?”
เขารู้ว่าอันโหรวต้องยังไม่นอน เธอต้องได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างแน่นอน
“ทางที่ดีคือเธอพยายามยอมรับฉันเถอะ อย่างน้อยก็เพื่อวันข้างหน้า อยู่ด้วยกัน แล้วฉันจะอยู่ข้างเธอเอง!”
แต่อันโหรวที่แบบนี้ เขาเองก็ค่อย ๆ คุ้นชินกับมันแล้ว
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอไม่ยอมพูดกับเขาเลย นอกจากเวลาที่มีจุดประสงค์
เมื่อนึกถึงตอนที่เธอฉวยโอกาสช่วงเวลาที่บอดี้การ์ดเปลี่ยนกะอยู่ พุ่งตัวเข้าไปในห้องครัว หัวใจของเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อันโหรวเดินไปที่เตียง เสียงที่พูดอยู่ด้านนอกนั้น เธอไม่อยากได้ยินแม้แต่คำเดียว
หยางหยางกับหน่วนหน่วนนั้นอยู่ในใจเธอเสมอ คิดถึงอยู่ทุกวัน แต่เธอที่อยากเจอจะได้เจองั้นเหรอ?
ทั้ง ๆ ที่เธอขอโทรศัพท์ยังไม่สามารถทำได้ เขาไม่มีทางใจดีให้เธอไปหาหน่วนหน่วนกับหยางหยางแน่นอน
เสียงที่ดังมาจากด้านนอกนั้นจู่ ๆ ก็เงียบไป ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไป เธอจึงนอนลงบนเตียง
เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีนั้นเหมือนว่าได้หายไปในชั่วพริบตา
เรื่องแบบนี้เธอจะไม่มีทางให้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแน่
แม้ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการรักษาตัวเองให้แข็งแรง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงต่อสู้กับเขาเมื่อถูกเขาใช้กำลัง
ตอนนี้เธอนอนไม่หลับ ดวงตากลมจ้องไปที่โคมไฟบนเพดาน โคมไฟสีเหลืองสลัว ๆ ที่สว่างอยู่ จู่ ๆ เธอก็ลุกขึ้นมา คิดอยากจะลุกขึ้นไปยกโคมไฟ แต่เธอกลับรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย
นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแอ ก็พลันนึกถึงวิดีโอที่รถชนกันจนระเบิดขึ้นมา หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือนว่าเธอเสียสติไปชั่วขณะ จนกระทั่งผล็อยหลับไป
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นเช้าวันที่สาม
ภายในห้องไม่มีวี่แววว่าจะมีคนเข้ามา เมื่อวานเธอล้างท้องไป ตอนนี้จึงรู้สึกว่างเปล่ามาก แต่เธอก็ได้ดื่มน้ำเปล่าไปนิดหน่อยแล้ว
เธอค่อย ๆ ลงจากเตียงและเดินไปห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปชั้นล่าง แต่กลับต้องรู้สึกแปลกใจที่โอวหยางลี่ไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่น
ทุกครั้งที่เธอลงมา โอวหยางลี่จะต้องอยู่ตลอด
แต่ว่าเขาไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน ไม่เห็นเขาแล้วเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
แต่หลังจากที่เธอกินอาหารเช้าเสร็จ จนกระทั่งช่วงบ่ายก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของโอวหยางลี่ เธอจึงนึกขึ้นได้อยู่หนึ่งเรื่อง
โอวหยางลี่ไม่ได้อยู่บ้านพักวิลล่า
เธอเดินไปที่ประตูบ้านพัก บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านนอกก็พุ่งตัวเข้ามาทันที “อากาศด้านนอกดีแบบนี้ ฉันเพียงแค่อยากออกไปเดินเล่นตรงสวน พวกนายจะตามฉันไปก็ได้ ฉันจะหนีไปไหนได้”
“ไม่ได้! คุณอยากรับแสงแดดก็ไปที่ระเบียงห้อง”
“พวกนายนี่ไม่มีจิตใจเลยแม้แต่นิดเดียว” อันโหรวมองพวกเขาอย่างหมดคำพูด บอดี้การ์ดพวกนี้เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว
เธอเพียงแค่ต้องการออกไปรับแสงแดดเท่านั้นเอง ยิ่งไปกว่านั้น ที่บ้านพักแห่งนี้ก็เป็นบ้านพักเดี่ยว ถึงเธอออกไปด้านนอกก็ไม่อาจจะเห็นคนอื่น ๆ ได้
เธอเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างช้า ๆ และไปนั่งที่ระเบียงชั้นสองจริง ๆ ใกล้จะฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่พระอาทิตย์กลับไม่ได้ร้อนขนาดนั้น แม้แต่อุณหภูมิห้องก็เกินพอ
เธอคิดถึงเรื่องเมื่อวาน หมอคนนั้นไม่เห็นของที่เธอให้เขา หรือว่าถังซั่วหาที่นี่ไม่เจอ?
หรือว่าเพราะเรื่องของจิ่งเป่ยเฉิน เขาจึงไม่ได้อยู่ในประเทศ?
งั้นเธอจะไปหาใครได้?
หมิ่นลี่?
เขาเองก็ต้องไม่อยู่แน่ ๆ หรือว่าเธอจะไม่มีทางออกแล้วจริง ๆ
เธอก้มลงไปมองบอดี้การ์ดที่อยู่ชั้นล่างด้วยสายตาเรียบเฉย พวกเขาดูเหมือนไม่เป็นมิตรเลยสักนิด
เย็นชาจนทำให้คนอื่นรำคาญ
เธอคิดถึงจิ่งเป่ยเฉินเหลือเกิน คนที่เหมือนกับหยางหยางที่น่ารัก อย่างน้อยในสายตาของเธอก็เป็นแบบนั้น
แต่ว่าเขา…….
ไม่อยู่แล้ว…….
ทันใดนั้นเสียงรถก็ดังขึ้นมา เธอมองเห็นโอวหยางลี่ลงมาจากรถด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไร
ใบหน้าที่มืดมนเหมือนภูเขาไฟรอปะทุ
ด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไร ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้โยกต่อ เสียงฝีเท้าของโอวหยางลี่เดินเข้ามาด้านข้าง
“ได้ยินว่าเธออยากออกไปเดินเล่นที่สวน?”
“บอดี้การ์ดนายไม่อนุญาตให้ไป ฉันถึงได้มาอยู่ตรงนี้ไง! จะรากงอกก็ช่าง สักวันฉันต้องเบื่อตายอยู่ที่นี่แน่” เธอตอบไปอย่างไม่รู้ตัวด้วยสีหน้าที่ไม่สนใจ
“ไปเถอะ ฉันจะไปกับเธอ!” โอวหยางลี่เอนตัวมองเธอ ความเกลียดชังเมื่อครู่ดูเหมือนไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในตอนนี้
“ตอนนี้ฉันไม่อยากไปแล้ว อย่างน้อยฉันยังมีอิสระในชีวิตเล็ก ๆ ใช่ไหม?” เธอยิ้มเล็กน้อย ดวงตาที่เป็นประกายของเธอ “เว้นแต่นายอยากได้คนพิการ”
“เธอต้องการตัดขาทั้งสองข้างของตัวเอง?”
“แบบนั้นนายคงสนุกน้อยลง ลืมบอกนายไปว่ารอบเดือนของฉันมาแล้ว” เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนเมื่อวันก่อน ตอนนั้นเธอกลัวสุดขีด
ดวงตาของโอวหยางลี่มืดมนลง สีหน้าของเธอดีขึ้นมากภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ ไม่ได้ซีดขาวหรือมัวหมองเหมือนเมื่อวาน
“งั้นเธอจะนั่งตากลมอยู่ตรงนี้?”
“ตรรกะของนายป่วยมาก รอบเดือนมาแล้วจะนั่งตากลมไม่ได้หรือไง?” หรือว่าเขารู้สึกห่วงใยและเป็นกังวลจนเริ่มใจอ่อน?
แต่ความคิดของเขาก็น่าขันเกินไป
“เปล่า โหรวโหรว ฉันเพียงแต่ห่วงร่างกายของเธอ”
“ฉันไม่เป็นไร แต่ถ้านายให้ฉันออกไปจะดีมากกว่านี้เยอะ” เธอลุกขึ้นและไม่ได้มองเขาอีก ทำเพียงแค่มองไปทางอื่นแทน
ที่นี่มีเพียงแค่ถนนเส้นนั้น ไม่เห็นบ้านพักอื่น ๆ จากไกล ๆ ไม่มีคน ไม่มีทางหนีออกไป
เธอหวังว่าจิ่งเป่ยเฉินจะยังมีชีวิตอยู่ แบบนั้นเขาต้องหาทางตามหาว่าเธออยู่ที่ไหนและมาช่วยเธอออกไปได้แน่
แต่ว่าตอนนี้เธอต้องพึ่งพาตัวเอง
“นายอยากจะให้ฉันกลับไปเหมือนเมื่อก่อนงั้นเหรอ?” จู่ ๆ โอวหยางลี่ก็ได้ยินน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเธอเอ่ยขึ้นมา
“โหรวโหรว เธอยอมเหรอ? เธอคิดได้แล้วงั้นเหรอ?” โอวหยางลี่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามองไปที่แผ่นหลังของโหรวโหรว อยากจะเข้าไปกอดในทันที
“แต่ว่านายไม่ใช่โอวหยางลี่คนเดิมแล้ว โอวหยางลี่เมื่อห้าปีที่แล้วไม่เคยบังคับให้ฉันทำอะไร และก็ไม่เคยจับฉันมาอยู่ที่นี่คนเดียวด้วย” เธอหัวเราะและยิ้มออกมา ก่อนจะสวมรองเท้าแตะและมองไปที่เขา “ถ้าหากนายอยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน อย่างน้อยนายก็คือนาย ฉันก็คือฉัน”