อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 328 ใช้เธอเพื่อข่มขู่จิ่งเป่ยเฉิน
ตอนที่ 328 ใช้เธอเพื่อข่มขู่จิ่งเป่ยเฉิน
เขาถือถ้วยชาและแสร้งทำเป็นพูดอย่างใจเย็น “แม่ผิดแล้ว เธออยู่ในกำมือของผมถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด พวกเราสามารถใช้เธอเพื่อข่มขู่จิ่งเป่ยเฉิน แบบนั้นไม่ดีกว่าหรอกเหรอ? ถ้าหากคืนเธอให้กับจิ่งเป่ยเฉินไป โอวหยางกรุ๊ปได้หายไปจริง ๆ แน่”
“นี่แกเอาเธอไปซ่อนจริง ๆ เหรอ?” เดิมทีเฉาลี่เฟยเองก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที
“แม่พูดออกมา ผมก็แค่ทำตามที่บอก” โอวหยางลี่วางถ้วยในมือลงและลุกขึ้นยืน “แม่ครับ แม่อยากได้หลานอยู่ข้างกาย บริษัทก็อยู่ดี ส่วนเรื่องอื่นแม่ไม่จำเป็นต้องกังวล บริษัทใหญ่โตแบบนี้ไม่มีทางล้มง่าย ๆ หรอก!”
ดวงตาของเฉาลี่เฟยมืดมนลงและเอ่ยถามขึ้นมา “แกไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะ!”
โอวหยางลี่เดินผ่านเธอไป ก่อนจะทิ้งไว้หนึ่งประโยค “ผมไม่อยากกลับ!”
เงาของโอวหยางลี่ค่อย ๆ เดินหายไปจากเฉาลี่เฟย เธอมองดูเขาเดินออกไป ดวงตาของเฉาลี่เฟยเป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะยืดอกขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
เจ้าลูกคนนี้ไม่ฟังเธอแล้ว และอยู่เหนือการควบคุมของเธอไปนานแล้ว
เธอบอกว่าไม่ให้อยู่กับอันโหรว ทำไมเขาถึงไม่ฟังเธอ!
……
ห้องทำงานประธานจิ่ง
ฉีเซิ่งเทียนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจิ่งเป่ยเฉิน ในมือถือถ้วย กลิ่นอาหารหอมกรุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของจิ่งเป่ยเฉินลอยฟุ้งไปทั่วห้อง โดยชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาที่เขาอย่างเฉยเมยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“พี่เฉิน เนื้อหมูสันในผัด เปรี้ยวหวานนี่อร่อยมากเลยนะ กุ้งรวมมิตรก็อร่อย อยากจะลองชิมปีกไก่ทอดดูไหม?” ฉีเซิ่งเทียนกินไปและมองเขาไป หวังจะทำให้จิ่งเป่ยเฉินรู้สึกอยากกินขึ้นมาบ้าง มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
เวลานี้หวังว่าอันโหรวจะยังมีชีวิตอยู่!
พี่เฉิน พี่ต้องกินข้าวเดี๋ยวนี้นะ!
“ถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้ต่อไปคงหาพี่สะใภ้ไม่เจอ ร่างกายของพี่จะพังเอาได้นะ!” ฉีเซิ่งเทียนเคี้ยวหมูน้ำแดงอยู่ในปาก ซอสน้ำแดงไหลหกเลอะเทอะออกมาจากปาก
เขาจึงใช้กระดาษทิชชูเช็ดปากพลางมองไปที่จิ่งเป่ยเฉิน
แต่จิ่งเป่ยเฉินก็ยังคงมองไปที่คอมพิวเตอร์โดยไม่ขยับ ถึงแม้ว่าด้านหน้าหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีซุปตีนเป็ดวางอยู่ก็ตาม
แต่เขาก็ไม่รู้สึกอยากกิน
เขาไม่อยากกิน
ไม่มีความอยากกินเลยสักนิด
“พี่เฉิน งั้นฉันกินหมดแล้วนะ?” ฉีเซิ่งเทียนที่เหมือนคนบ้า เขาประเคนอาหารเลิศรสทั้งหลายอย่างมาวางตรงหน้าเขา แต่เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด
“อืม”
“พี่อืมอะไรของพี่! อาหารเยอะแยะมากมายแบบนี้จะกินคนเดียวหมดได้ยังไง ถ้าพี่ยังไม่กินฉันจะพาหน่วนหน่วนกับหยางหยางมาแล้วนะ ถ้ายังไม่พอจะพาคุณลุงกับป้ามาด้วย พี่รอเลยเดี๋ยวฉันจะโทรศัพท์ไป!” เขาเช็ดปากก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางจ้องไปที่เขา
“มานี่”
“อะไร?” ฉีเซิ่งเทียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองเขา เดินไป?
หรือว่าพี่เฉินไม่อยากจะกินข้าวด้วยตัวเอง ต้องให้เขาไปป้อน?
ในฐานะพี่น้องจะให้ป้อนเขาก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ เพียงแค่มือของเขาก็ไม่ได้ขาดสักหน่อย
ท้ายที่สุดพี่เฉินก็เป็นคนที่ดูแลเขามาทั้งชีวิต
ฉีเซิ่งเทียนหยิบชามตะเกียบที่สะอาดและเดินอ้อมไปด้านข้างโต๊ะทำงานจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะคีบหมูสามชั้นน้ำแดงขึ้นมาหนึ่งชิ้น “พี่เฉิน!”
จิ่งเป่ยเฉินหันไปมองหมูสามชั้นชิ้นนั้น ก่อนจะมองลงไปบนโต๊ะที่ไม่เพียงมีอาหารที่หลากหลาย แต่ยังมีกระดูกหมูอีกจำนวนมาก จากนั้นก็มองฉีเซิ่งเทียนที่ถือชามข้าวยืนอยู่ข้าง ๆ
เขากลอกตาไปมา “ห้านาที เก็บกวาดให้สะอาด!”
“พี่จะไม่กินจริง ๆ เหรอ?” ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเกิดไอเดียล่อใจแบบนี้
ไม่คิดว่าจุดยืนของพี่เฉินจะทำให้คนทึ่งได้ขนาดนี้ ฉีเซิ่งเทียนมองเขาอย่างคิดไม่ถึง
หมดหนทาง เขาจึงเรียกหลินจือเซี๋ยวเข้ามา ไม่ช้าบนโต๊ะก็ถูกเก็บและทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย เพียงแต่ว่าในห้องทำงานยังคงมีกลิ่นอาหารลอยฟุ้งอยู่ทั่วห้อง
“พี่เฉิน สรุปว่าพี่เรียกฉันมาทำไม?”
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ บนหน้าจอปรากฏภาพบนสะพาน ถนนเส้นนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ ในคลิปวิดีโอรถพุ่งชนกับรั้วกั้นและตกลงไปในน้ำ
ในภาพผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะคนขับ ถึงแม้ว่าจะก้มหน้าอยู่แต่ว่าการแต่งตัวนั้นคล้ายกับอันโหรวมาก
แต่ว่าพวกเขายืนยันว่ารถคันนั้นไม่ใช่รถของอันโหรว และไม่เชื่อคลิปวิดีโอนี้ แต่ว่ากล้องวงจรปิดตามถนนหนทางต่าง ๆ จับภาพอันโหรวที่นั่งอยู่ในรถได้ แต่เธอนั่งอยู่ด้านหลังคนขับ และด้านหลังนั้นก็มีโอวหยางลี่อยู่ด้วย
หลังจากนั้นก็หารถคันนี้ไม่เจออีกเลย และตอนที่ปรากฏก็เหลือเพียงเธอที่นั่งอยู่เบาะคนขับ
“พี่เฉิน พี่หมายความว่าเป็นโอวหยางลี่ที่พูดกระตุ้นอะไรให้พี่สะใภ้หงุดหงิด? ยังหาเจออีกว่าพวกเขาไปมหาวิทยาลัยด้วยกันเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำ?!” ฉีเซิ่งเทียนส่ายหน้าเล็กน้อย แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
ไม่คิดว่าจะใช้วิธีแบบนี้
ตามหลักการแล้วพี่เฉินกับพี่สะใภ้ก็มีความทรงจำด้วยกัน แม้จะไม่ได้เป็นการบอกเล่า แต่จากการคาดเดาอาจจะไม่ค่อยดีนัก
ไม่อย่างนั้นเมื่อก่อนพี่สะใภ้คงไม่ตาบอดเลือกคนอย่างโอวหยางลี่ ไม่ใช่พี่เฉิน!
ดูเหมือนว่าช่วงเวลาการเจอกันระหว่างคนนั้นสำคัญจริง ๆ
ถ้าเจอจิ่งเป่ยเฉินก่อนละก็ รักในวัยเด็กที่โรแมนติกถึงสิบปีนั่นคงไม่มีทางได้เป็นโอวหยางลี่!
เมื่อจิ่งเป่ยเฉินได้ยินคำพูดของเขา จากสีหน้าที่เรียบเฉยกลับเย็นชาและมืดมนลงราวกับชั้นน้ำแข็ง
“เธอไม่ใช่โหรวโหรว”
“อะไร?” ฉีเซิ่งเทียนก้มหน้าลงและคลิกเม้าส์เพื่อเล่นวิดีโออีกครั้ง ไม่นานคลิปวิดีโอที่ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เล่นจบ “ใช่สิ! ไม่ว่าจะใครมาดูก็เป็นพี่สะใภ้!”
ฉีเซิ่งเทียนรู้สึกว่าเขาอยู่ภายในห้องทำงานที่อุณหภูมิห้องอบอุ่น แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกเหมือนถูกโยนออกไปข้างนอกที่เย็นยะเยือกและหิมะก็ตกหนักราวกับขนห่าน
“พี่บอกไม่ใช่ งั้นก็ไม่ใช่!” เขาเลื่อนเม้าส์คลิกย้อนกลับไปดูอีกครั้ง
เมื่อตอนที่เริ่มดูคลิปวิดีโอนั้นหาโหรวโหรวไม่เจอ ภายในใจของเขาตื่นตระหนกขึ้นมา เมื่อดูคลิปวิดีโออื่นและนำมาเปรียบเทียบกับคลิปวิดีโอนี้ เดิมทีไม่ได้คิดมาก จึงได้เริ่มให้กู้ภัยกู้ซาก เขาใช้เวลาหลายวันมากในการสนใจแต่เรื่องพื้นผิวน้ำ โดยไม่สนใจคลิปวิดีโอเลยสักนิด
คลิปวิดีโอสั้น ๆ วันนี้เขาดูมันไม่ต่ำกว่าสองร้อยครั้ง
เวลาของวิดีโอมันสั้นเกินไปจริง ๆ ระยะทางที่แสนไกล กล้องวิดีโอจึงจับภาพได้ไม่ชัด
โอวหยางกรุ๊ปได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันมานี้ เพราะตอนแรกที่ดูต้นคลิปวิดีโอนั้นมีโอวหยางลี่อยู่
“พี่เฉิน พี่สงสัยว่าพี่สะใภ้ตอนนี้อาจจะถูกโอวหยางลี่จับตัวไป?” ดวงตาของเขาดูน่าสนใจและตื่นเต้น
ถ้าหากเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ ก็แปลว่าพี่สะใภ้ยังมีชีวิตอยู่
ขอเพียงมีชีวิตอยู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนพวกเขาจะต้องตามหาจนเจอแน่นอน
“อาจจะ…”
จิ่งเป่ยเฉินละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเหลือบไปมองที่ตัวเขา “ฉันอยากกินข้าว”
“ได้เลย! จะรีบเอามาเสิร์ฟให้เดี๋ยวนี้เลย!” ตอนนี้ฉีเซิ่งเทียนไม่สนใจว่าเขาเคยพูดว่าไม่กิน แต่ตอนนี้อยากจะกินแล้ว
ขอเพียงพี่เฉินยอมกินข้าว เรื่องส่งอาหารช่างมัน ให้เขากินอิ่มก็พอแล้ว
……
อันโหรวนอนกระสับกระส่ายอยู่หลายวัน ไม่ว่าจะช่วงเช้าหรือกลางคืนก็มักจะมีเครื่องบินแลนดิ้งลอยอยู่บนอากาศเสมอ บินต่ำและใกล้มาก
และตอนที่เธออยู่นั่นก็อยู่ที่บ้านตลอด อย่างมากก็แค่ออกไปรับลมตากอากาศอยู่ตรงระเบียง
สิ่งที่ไร้เหตุผลไปกว่านั้นคือหลังจากวันนั้น โอวหยางลี่ก็ไม่ได้กลับมาอีก
เธออดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าเป็นเพราะว่ารอบเดือนของเธอหรือเปล่า?
ตอนนี้ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว รอบเดือนของเธอใกล้จะผ่านไปแล้ว