อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 329 ขอให้คืนนี้โอวหยางลี่ไม่กลับมา
ตอนที่ 329 ขอให้คืนนี้โอวหยางลี่ไม่กลับมา
ขอให้คืนนี้โอวหยางลี่ไม่กลับมาก็พอ
ไม่ได้การ เธอจำเป็นต้องหาวิธีการใหม่แล้ว ในเมื่อห้องครัวเข้าไม่ได้ แล้วเธอจะหาเครื่องมืออื่นได้จากที่ไหน?
เธอยืนอยู่ในห้องนอน มองดูโคมไฟที่สว่างไสวอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เธอเดินไปกระแทกทำให้มันหล่นลงสู่พื้นดัง ‘เพล้ง’
เศษชิ้นส่วนแตกกระจายอยู่บนพื้น เธอก้มลงไปหยิบชิ้นส่วนหนึ่งขึ้นมาไว้ในมืออย่างเงียบ ๆ ไม่ช้าพวกเหล่าบอดี้การ์ดก็ได้เข้ามาที่ประตู
“คุณอัน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร ช่วยเก็บกวาดที!” เธอเดินไปที่โซฟาก่อนจะนั่งลง พร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาดูด้วยท่าทีที่เบื่อหน่าย
หลังจากที่พวกเขาออกไป เธอก็วางเศษชิ้นส่วนที่แตกหักไว้ใต้หมอน ก่อนจะลงไปกินข้าว
ระหว่างมื้ออาหาร โอวหยางลี่ก็กลับมา
หัวใจของเธอรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที กลัวจะเป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริง ๆ
เธออดไม่ได้ที่จะดูถูกเหยียดหยาม ปากบอกว่าชอบ แต่ทุกอย่างที่พูดมาก็น่าจะเพื่อตอบสนองต่อร่างกายส่วนล่างของเขาเสียมากกว่า
เธอหัวเราะเยาะเย้ยด้วยท่าทีที่เย็นชา แต่ยังคงกินข้าวต่อไปอย่างสงบโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
โอวหยางลี่เดินมานั่งลงตรงข้ามกับเธอ “โหรวโหรว เธอคงไม่ตำหนิฉันใช่ไหมที่ไม่ได้กลับบ้านหลายวัน? พอดีงานที่บริษัทมันยุ่งมากเลย”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ถือโทษหรอก” เธอก้มหน้าลงกินข้าวต่อ พลางเผยรอยยิ้มให้ความร่วมมือออกมาเล็กน้อย
หลังจากทั้งสองคนกินข้าวเสร็จ อันโหรวก็เตรียมกลับห้องของตน ส่วนโอวหยางลี่ก็เดินตามเธอมา ดวงตาเธอเป็นประกายเจิดจรัส ก่อนจะเข้าไปห้องของตัวเอง หลังจากนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา “เมื่อครู่นี้เพิ่งได้แรงบันดาลใจมา คิดอยากจะวาดรูปออกแบบ นายช่วยไปที่ห้องทำงานของนายแล้วเอากระดาษมาสักแผ่นสองแผ่นได้ไหม?”
โอวหยางลี่มองไปที่ใบหน้าของเธอที่กำลังยิ้มแย้ม ก่อนจะหันหลังและเดินออกไป
หลังจากที่เขาออกไป อันโหรวก็ได้เก็บเศษชิ้นส่วนที่แตกหักไว้ในกระเป๋าของเธอเอง ก่อนจะยืนรอเขาอยู่ที่ตำแหน่งเดิมไม่ขยับไปไหน
เมื่อโอวหยางลี่กลับมาพร้อมกับกระดาษในมือก็พบว่าเธอยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ไกลจากประตูเท่าไร จึงอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา ความเหนื่อยล้าที่สะสมระหว่างทำงานได้จางหายไปทันที
อันโหรวระมัดระวังในการหยิบปากกาและกระดาษ มือของเธอแทบไม่ได้แตะต้องบริเวณปลายนิ้วของโอวหยางลี่เลยสักนิด ก่อนจะรีบเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ และเริ่มวาดรูปออกมา
โอวหยางลี่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ คอยจับตาดูเธอที่ตอนนี้กำลังวาดรูปออกมาอย่างตั้งใจ ถ้าหากห้าปีก่อนไม่เกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น เวลาหลายปีมานี้ เขาก็คงได้ยืนดูเธออยู่ด้านหลัง ดูเธอวาดรูปมากมายหลายครั้งแล้ว
ห้าปีก่อน ห้าปีก่อน!
ผู้ชายล้วนถวิลหาเงินทอง ชื่อเสียงอำนาจ เงินคือสิ่งที่เขาต้องการ อันโหรวเองก็คือสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน
“ฟู่…..”
อันโหรวเงยหน้ามองไปที่เขา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอตอนนี้ดูไร้เดียงสามาก ขนตาที่งอนยาวกะพริบไปมาสองครั้ง สายตาจับจ้องไปที่เขาไม่มีหยุด “มีเทปใสไหม? นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ภาพตัวเองวาดไม่เสร็จ เดี๋ยวต้องมาวาดรูปที่สองอีก”
“มี เดี๋ยวฉันเอามาให้!”
ไม่นานเขาก็ได้หยิบเทปใสมาให้ “ให้ฉันช่วยติดนะ”
“ตามใจนายเถอะ!”
เธอนั่งอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะหาวออกมา “ทำไมเร็ว ๆ นี้เมือง A ถึงได้มีเครื่องบินเยอะแยะจัง? บินข้ามหัวไปมาทุกวันเลย”
มือของโอวหยางลี่ที่กำลังจะเคลื่อนไปข้างหน้ากลับหยุดนิ่ง และตอบกลับไปอย่างเรียบง่าย “ช่วงนี้อากาศค่อนข้างแห้ง บางทีพวกเขาอาจจะเตรียมทำฝนก็ได้!”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง!” เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด!
ถ้าหากในวันสองวันที่ผ่านมามีเฮลิคอปเตอร์บินต่ำลงมาหน่อย เธอก็อยากจะเชื่ออยู่หรอก แต่หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนเป็นแบบนั้น เธอจะไปเชื่อได้ไงว่าพวกนั้นเป็นคนงานเตรียมทำฝนเทียม
หลังจากที่โอวหยางลี่ช่วยเธอติดภาพวาดเสร็จ เธอก็ยิ้มพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา “ขอบคุณนายมาก ฉันง่วงแล้ว เหนื่อยมาก นายออกจากห้องไปได้แล้ว!”
โอวหยางลี่ยืนขึ้นและมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ ก่อนจะคิดว่าช่างมันละกัน ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้ “โหรวโหรว พรุ่งนี้เธออย่าออกไปไหนนะ อยู่แต่ในบ้านก็พอ แล้ววันมะรืนพวกเราออกไปเที่ยวกันเถอะ”
เธอพยักหน้าให้เล็กน้อย
การที่เธอพยักหน้าเช่นนี้ ก็คล้ายราวกับเป็นเวทมนตร์ที่ไหลผ่านเข้าสู่ดวงตาของเขา ทำให้จิตใจของเขานั้นรู้สึกสบาย ก่อนจะออกจากห้องด้วยท่าทีที่เต็มใจ
หลังจากที่โอวหยางลี่เดินออกไป เธอก็มองไปที่ภาพสร้อยข้อมือที่เพิ่งวาดออกมาเป็นเวลานาน
จากการคาดการณ์ที่เธอคิด รู้สึกว่าโอวหยางลี่น่าจะไม่กลับมาแน่ ๆ คงได้เวลาที่เธอต้องเริ่มจัดการอะไรบางอย่างแล้ว
เธอหยิบเศษที่แตกหักออกมาตัดดินสอถ่าน ผงหมึกสีดำก็ค่อย ๆ หล่นออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนจะหล่นลงไปบนกระดาษสีขาว ไม่ช้าก็ปรากฏรอยนิ้วมือเป็นจำนวนมากขึ้นมาทันที
เธอหยิบเทปใสพวกนั้นขึ้นมาก่อนจะกดทับไปที่ลายนิ้วมือทีละตัว ทีละตัว บนเทปค่อย ๆ ปรากฏรอยนิ้วมือขนาดต่าง ๆ ขึ้นมาทันที
หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย เธอก็ดึงเทปใสที่มีลายนิ้วมือออกมาทันที ภาพที่ยุ่งเหยิงเสียขนาดนั้น แทบจะมองดูไม่ออกเลยว่าเธอตั้งใจจะเขียนอะไรออกมา ทุกอย่างที่ทำนั้นก็เพื่อเก็บรอยนิ้วมือเท่านั้น เธอรีบขย้ำกระดาษทั้งหมดลงในถังขยะทันที ก่อนจะเข้านอน
ในวันต่อมา เมื่อเธอตื่นขึ้น โอวหยางลี่ก็ไม่ได้อยู่ที่วิลล่าแล้ว
เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว เว้นเสียแต่การเข้าไปโรงพยาบาลครั้งนั้น ที่อื่น ๆ ก็ล้วนแล้วแจ่มใส เป็นบรรยากาศที่ชวนน่าไปเที่ยวมากจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้พวกเธอก็ต้องออกเดินทางจากที่นี่แล้ว
ในช่วงเวลานี้เองพวกคนที่อยู่ในวิลล่าต่างก็ระมัดระวังตัวเธอมากขึ้น
เพียงแต่การเฝ้าระวังบางส่วนก็มีบางจุดที่เล็กนิดเดียว โดยเฉพาะที่ชั้นสาม ที่แห่งนั้นเธอยังไม่เคยได้เข้าไปมาก่อน
แต่ทว่าวันนี้เธอจะขึ้นไปให้ได้
เมื่อยืนอยู่ตรงปากทางเข้าห้องหนังสือ เธอก็ได้หยิบเทปใสออกมา ก่อนจะเอาลายนิ้วมือกดทับไปทีละนิ้ว จักรพรรดิผู้เย่อหยิ่งคงคิดไม่ถึงว่าลายนิ้วมือพวกนี้จะถูกลอกออกมาและใช้ได้ผลจริง ๆ
เมื่อดูไปมาก็มีรหัสตัวเลขขึ้นมา มันเลยทำให้เธอสับสนอีกรอบ
ครั้งสุดท้ายที่เสี่ยงทายแบบนี้ก็นานมากแล้ว เธอและโอวหยางลี่ อีกทั้งยังมีเหลียวเว่ย ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกัน รหัสผ่านจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า?
เธออยู่ที่นี่แล้ว ถ้าหากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอจริง รหัสผ่านมันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?
เธอลองพยายามใส่วันเกิดของเธอดู แน่นอนว่าต้องขึ้นว่ารหัสผิดพลาด
เธอมองไปที่ประตูสักพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองดูตัวเลขบนบานประตู ทันใดนั้นก็รีบลงบันไดทันที ก่อนจะหาพวกกระป๋องแป้งที่พวกคนใช้วางเอาไว้ และหยิบมันขึ้นมาข้างบนด้วยความรวดเร็ว
เธอเทแป้งแล้วเป่าลงไปบนปุ่มตัวเลขหนึ่งครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ลูบเกลี่ยมันเบา ๆ ก็เห็นจำนวนตัวเลขออกมา ก่อนจะเผยรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นทันที
ถ้าหากเธอจำไม่ผิดละก็ น่าจะเป็นวันที่พวกเขาได้พบกันวันแรก
หลังจากที่จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว เธอก็ได้เปิดประตูห้องหนังสือออก และค่อย ๆ ปิดมันอย่างระมัดระวัง เธอเริ่มกวาดสายตามองไปที่ต่าง ๆ ในห้องหนังสือ
ดูเหมือนจะไม่เคยมีใครเข้ามาในห้องนี้มาก่อน รหัสผ่านเองก็ซับซ้อนมาก แสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ค่อนข้างสำคัญอยู่ที่นี่แน่ ๆ
บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารอยู่เต็มไปหมด เธอรีบพลิกดูไปมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการอ่านของเธอปกติก็เร็วอยู่แล้ว ครั้งนี้ได้เพิ่มความเร็วเข้าไปอีก เพราะถ้าหากโอวหยางลี่กลับมาละก็
เธอได้ตายแน่ ๆ
ทันใดนั้นเธอได้เห็นตัวอักษรสองคำบนผนึกลับ
เธอหยิบเอกสารที่อยู่ในนั้นออกมา หัวใจเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลอันแน่ ๆ
เธอเปิดถุงซิปล็อกด้วยมือของเธอทันที ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นอักษรที่เขียนว่าตระกูลอัน หัวใจของเธอก็พลันเต้นรัวอย่างรวดเร็ว
เธอรีบเปิดมันออกมาเพื่อดูเนื้อหาข้างใน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผูกขาดทางการค้าของตระกูลอัน การพิจารณาคดี อะไรที่เกี่ยวข้องล้วนถูกเก็บไว้ในนั้นทั้งหมด
ของพวกนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากกว่าที่เธอเคยได้รับมาเสียอีก มันยิ่งเสียกว่าข้าวของบางอย่างที่เธอเคยตรวจสอบก่อนหน้า
แต่แล้วในหมู่ของพวกนั้นก็มีของที่ทำให้เธอต้องตกใจ มันทำให้เธอตกใจจนแทบจะรับไม่ได้ นั่นก็คือมีลายเซ็นของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นพยานให้ปากคำอยู่
จิ่งเป่ยเฉิน
ทำไมกัน?
ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้!
จิ่งเป่ยเฉินเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านของเธองั้นเหรอ? ทุกอย่างในตอนนั้นมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก รวดเร็วเสียจนเธอไม่มีเวลาได้คิดอะไรทั้งสิ้น
ทันใดนั้นเธอก็หวนคิดถึงข้อความที่แม่ของเธอส่งมา
หรือว่าแม่จะรู้ทุกอย่าง?
นี่คือเหตุผลที่ไม่ให้เธอแต่งงานกับจิ่งเป่ยเฉินใช่ไหม?
แต่ตอนนี้จิ่งเป่ยเฉินได้จากไปแล้วนะ
ซองผนึกลับที่อยู่ในมือตอนนี้ เธอรีบปิดมันทันที ก่อนจะเริ่มมองหาของอย่างอื่นด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจ ไม่ทันได้มองดูอะไรมาก เธอก็ได้ยินเสียงรถที่ดังขึ้นที่ด้านนอก
ซองผนึกลับที่ถูกเปิดไม่อาจกลับไปปิดได้สนิทเหมือนเดิม เธอเลยไม่รู้จะทำยังไง ก่อนจะรีบวางมันเก็บไปที่เดิมและรีบออกจากห้องหนังสือทันที
เธอไม่ได้เดินกลับไปที่ห้อง แต่เลือกเดินลงไปข้างล่างแทน