อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 113 มีคนปล้นธนาคาร
ตอนที่ 113 มีคนปล้นธนาคาร
เด็กสาวทั้งสามนั่งแท็กซี่มุ่งหน้าไปยังถนนคนเดินที่คึกคักที่สุดของเมืองเย่ว์ตู
หลังลงจากรถ มู่หว่านก็มองไปรอบๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น
“เอ๊ะ ที่นี่ดูแตกต่างจากถนนคนเดินของเมืองอื่นนิดหน่อยนะ”
“งั้นเหรอ ถนนคนเดินสายนี้เรียกว่าถนนเย่ว์ เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดและพิเศษที่สุดของเมืองเย่ว์ตู แล้วก็เป็นถนนคนเดินที่มีคนมาเยอะที่สุดด้วย ทั้งสองฝั่งของถนน ฝั่งหนึ่งเป็นร้านสถาปัตยกรรมโบราณฟื้นฟู อีกฝั่งหนึ่งเป็นศาสตร์ศิลป์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ฝั่งหนึ่งมีสีมืดทึบ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นสีสว่าง…”
มู่หว่านพยักหน้าหงึกหงัก
“น่าแปลกมาก สไตล์ของสถาปัตยกรรมทั้งสองแบบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลับกลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับว่าเดินไปมาระหว่างสมัยโบราณและปัจจุบันเลย…ทั้งสบายใจและมีชีวิตชีวา”
“ใช่แล้ว เมืองเย่ว์ตูเป็นเมืองหลวงในอดีตนับหมื่นปี สถาปัตยกรรมแบบนี้มีทุกหนทุกแห่งในเมือง พี่เสี่ยวหว่าน ฉันจะแนะนำร้านอาหารรสเลิศของเมืองเย่ว์ตูให้พี่เอง เมนูที่มีชื่อเสียงที่สุดของร้านนี้ก็คือดอกสาลี่ทอดกรอบ…”
เจียงเฟิงเหมียนชี้ไปยังร้านหนึ่งด้านหน้าที่ตกแต่งผสมผสานระหว่างกลิ่นอายโบราณและความเรียบง่าย
มู่หว่านฟังการแนะนำของเจียงเฟิงเหมียน พลางสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากในร้าน นั่นทำให้เธอกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้
“ไปกัน เราเข้าไปกินชามใหญ่กันเถอะ!”
“โอเคๆ”
ทั้งสองหนีบมู่เถาเยาเข้าประตูไป
มู่หว่านดันรายการอาหารไปให้มู่เถาเยาซึ่งอยู่ข้างๆ เธอ “เสี่ยวเยาเยา สั่งเมนูที่เธอชอบได้เลยนะ”
มู่เถาเยา “…เธอชอบอะไรก็สั่งสิ ฉันกินอะไรก็ได้”
เดิมทีก็ออกมาเดินเป็นเพื่อนพวกเธออยู่แล้ว ส่วนตนเองก็เป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น
“เสี่ยวเยาเยา ของที่เธอชอบกินฉันก็ชอบกินด้วย” มู่หว่านยิ้มร่า
“…”
เอาเถอะ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าอะไรเสี่ยวหว่านก็ทำตามเธออย่างมีความสุขอยู่แล้ว
มู่เถาเยาสั่งดอกสาลี่ทอดกรอบจานใหญ่หนึ่งจานและขนมทานเล่นที่สาวๆ ชื่นชอบอีกสองสามจาน
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เจียงเฟิงเหมียนจึงหยิบโทรศัพท์ของมู่เถาเยาออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วยื่นให้เธอ
มู่เถาเยารับโทรศัพท์มา มองไปที่หน้าจอแวบหนึ่งจึงกดรับสาย
“พี่คะ”
“…”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่”
“…”
“อืม มาเดินเล่นหาอะไรกินข้างนอกกับเสี่ยวเหมียนแล้วก็เสี่ยวหว่านพอดี”
“…”
“ฉันรู้ ฉันจะดูแลตัวเองอย่างดีค่ะ”
“…”
“โอเค ฝากทักทายคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายแทนฉันด้วย แล้วตอนเย็นฉันจะโทรไปหาพวกเขานะคะ”
“…”
“อืม บาย”
เมื่อมู่เถาเยาวางสาย เด็กสาวจึงทำหน้าประหลาดใจ
“พี่เยาเยา พี่จำผิดหรือเปล่า ฉันจำได้ว่านั่นคือพี่รองเย่ว์ไม่ใช่เหรอ”
มู่เถาเยา “มีพี่รองก็ต้องมีพี่ใหญ่อยู่แล้ว”
“…มันก็ใช่! แต่พี่ไปรู้จักพี่ชายของพี่รองเย่ว์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ก็ไม่กี่วันก่อน”
“อ้อๆ”
มู่หว่านเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเยาเยา เธอได้เพื่อนที่ดีฝั่งนี้แล้วเหรอ”
“อืม” เธอกับพวกเซียวเซียวเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่แล้ว
“ดีแล้วล่ะ!”
แม้แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านเถาหยวนซานก็ยังไม่รู้ประวัติชีวิตของมู่เถาเยา นับประสาอะไรกับเด็กสาวสองคนนี้ล่ะ
ไม่ได้แพร่งพรายออกไปเป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่แน่ชัด ยิ่งคนรู้น้อย อันตรายก็ยิ่งน้อยลง ถึงอย่างไรก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีเป้าหมายอะไร
เผ่าพระจันทร์คิดว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับประเทศไหนหรือตระกูลใหญ่ใดๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
พวกเขาค้นหามาสิบแปดปีเต็มก็ไม่สามารถสืบหาสาเหตุหลักและสาเหตุใหญ่ที่สุดนี้ได้
สองสาวคุยเรื่องเพื่อนกันจนอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ
“เสี่ยวเยาเยา เธอกินนี่สิ”
“พี่เยาเยา พี่กินอันนี้สิ”
ทั้งสองคีบอาหารให้มู่เถาเยาพร้อมกัน
“อืม”
ดวงตากลมโตของมู่เถาเยาเปล่งประกายระยิบระยับ พลางคีบอาหารที่พวกเธอชอบกินให้ทั้งสองตามลำดับ
สามสาวกินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง
ส่วนใหญ่สองสาวพูดกันเสียมากกว่า ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นผู้ฟัง และเอ่ยบ้างเป็นครั้งคราว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสามออกมาจากร้านอาหารเล็กๆ และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากฝั่งตรงข้าม
มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา เราไปดูไหมว่าฝั่งนั้นคึกคักอะไรกัน”
มู่เถาเยา “…ดูเหมือนไม่ใช่คึกคักนะ เหมือนเกิดเรื่องมากกว่า…พวกเธอรอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจะรีบไปรีบกลับ”
เธอได้ยินเสียงกรีดร้อง และเสียงร้องไห้จากฝั่งนั้น รวมถึงเสียงทุบของดังปนกันไปหมด
เจียงเฟิงเหมียน “พี่เยาเยา…”
“เชื่อฟัง”
มู่เถาเยาหยิบกล่องยาในมือของมู่หว่านแล้วรีบวิ่งไปยังทิศทางนั้นทันที
เด็กสาวทั้งสองย่ำเท้าอยู่ที่เดิมอย่างกระวนกระวายใจ
พวกเธอเห็นโลโก้ 11 ขนาดใหญ่ของสถานที่เกิดเหตุตรงข้าม ‘ธนาคารระหว่างประเทศ’
“เสี่ยวเหมียน เธอว่ามีคนปล้นธนาคารฝั่งนั้นหรือเปล่า”
เจียงเฟิงเหมียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น “ใกล้ถึงงานแข่งขันทักษะทางการแพทย์ระดับโลกแล้ว บุคคลที่มีศักยภาพทางการแพทย์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันที่เย่ว์ตู หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเข้มงวดกับความปลอดภัยช่วงนี้มาก โจรที่ไหนมันใจกล้ามาปล้นธนาคารในสถานการณ์แบบนี้กัน”
“…ก็จริงนะ! แต่ดูเหมือนว่าที่เกิดเหตุจะเป็นธนาคารระหว่างประเทศจริงๆ นะ”
มู่หว่านขมวดคิ้วแน่น พลางมองไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างกังวล
“พี่เสี่ยวหว่าน งั้นเราควรไปช่วยไหม ฉันพอมีทักษะอยู่บ้าง ตั้งแต่เด็กก็ฝึกต่อสู้กับพ่อแล้ว”
“…ไม่ได้หรอก แม้ว่าฉันเองก็พอมีทักษะ แต่เราต้องเชื่อฟังเสี่ยวเยาเยา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เราจะไปทำให้เสี่ยวเยาเยาห่วงหน้าพะวงหลังไม่ได้”
“อื้ม ด้วยสมองและทักษะที่หาที่เปรียบไม่ได้ของพี่เยาเยา ฉันคิดว่าไม่นานต้องแก้ปัญหาได้แน่”
ปากบอกว่าไม่กังวล แต่จริงๆ แล้วพวกเธอกำลังกระวนกระวายอยู่ในใจ
ก็เชื่อมั่นนะ แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว!
“เสี่ยวเหมียน เราไปหาสถานที่ที่เห็นเหตุการณ์แล้วก็ไกลจากอันตรายเพื่อมองดูเสี่ยวเยาเยากันดีกว่า ฉันไม่วางใจเท่าไร”
“ฉันก็เหมือนกัน แต่จะไปหาที่ไหนล่ะ”
“…เราเข้าไปใกล้ๆ ก่อน แล้วค่อยไปดูร้านค้าข้างๆ หรือไม่ก็ชั้นบนของห้างสรรพสินค้า”
สรุปคือ หากยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่าเข้าไปใกล้เด็ดขาด เพื่อไม่ทำให้เสี่ยวเยาเยาห่วงหน้าพะวงหลัง
“อื้ม”
เด็กสาวสองคนเดินจูงมือกันข้ามถนนคนเดิน จากนั้นจึงมองไปรอบๆ พยายามหาที่เหมาะๆ ที่จะนั่งยองได้
ไม่ใช่ว่าพวกเธอขี้ขลาด แต่กลัวว่าหากพวกเธอเข้าไปใกล้แล้วจะทำให้เสี่ยวเยาเยาต้องเป็นกังวล
มู่หว่านสะกิดผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านพวกเธอแล้วเอ่ยถามขึ้น “คุณคะ เกิดอะไรขึ้นกับธนาคารนานาชาติที่อยู่ข้างหน้าเหรอคะ ทำไมทุกคนถึงวิ่งมาทางนี้ล่ะ”
“พวกเธออย่าเข้าไปใกล้นะ! ได้ยินว่าฝั่งนั้นมีคนปล้นธนาคารน่ะ! มีคนตายด้วย!”
“หา…”
มู่หว่านและเจียงเฟิงเหมียนตะโกนร้องตกใจ กระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
หญิงสาวชี้ไปที่ขบวนรถที่เข้ามาอย่างเอิกเกริกพลางเอ่ยอย่างร้อนรน “พวกเธอดูสิ ขบวนรถจากสถานีตำรวจมากันแล้ว”
ท้ายถนนคนเดินมีสถานีตำรวจตั้งอยู่ ดังนั้นจึงมาถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว
รถยนต์คันอื่นๆไม่สามารถเข้ามาในถนนคนเดินได้ แต่รถปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าไปได้
มู่หว่านเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ “คุณคะ คุณเห็นไหมว่าคนที่ปล้นธนาคารมีลักษณะยังไง”
หญิงสาวส่ายหน้า “ไม่เห็นหรอก ฉันก็ถามคนอื่นมาเหมือนกัน”
เจียงเฟิงเหมียนทำใจดีสู้เสือ “เข้าใจผิดหรือเปล่าคะ จะมีคนกล้าปล้นธนาคารใต้จมูกของสถานีตำรวจได้ยังไงกัน”
หญิงสาว “ถ้าอย่างนั้น…อาจมีการส่งข่าวผิด เมื่อกี้พอฉันรู้ก็วิ่งเลย เลยไม่ทันได้คิด…”
มู่หว่านพยักหน้า พูดต่อว่า “ยิ่งกระจายข่าวก็ยิ่งผิดพลาดได้ง่ายจนไม่เหลือเค้าเดิม เราหาสถานที่ดูเหตุการณ์ก่อนดีกว่า หากเป็นการปล้นจริงๆ จะได้ไม่วิ่งเข้าไปเพิ่มความวุ่นวายให้คนอื่น ”
“อื้มๆ”