อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 114 มืออาชีพจริงๆ
ตอนที่ 114 มืออาชีพจริงๆ
มู่เถาเยารีบวิ่งไปที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ข้างในเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
โดยรอบไม่มีใครกล้ามุงดู ดังนั้นระยะการมองเห็นได้ทั้งหมด พริบตาเดียวก็สามารถเห็นเหตุการณ์ในธนาคารได้อย่างชัดเจน
กลุ่มคนประมาณสิบห้าคน วัยรุ่นอายุไม่เกินยี่สิบปีใช้อาวุธอันตราย เช่น ปืนลูกซอง มีดเหล็ก มีดสั้น และท่อนเหล็กฟาดไปทั่ว
พนักงานและชาวเมืองที่มาทำธุระที่ธนาคารทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บเล็กน้อยต่างนอนเรียงรายอยู่บนพื้น
มู่เถาเยามาถึงหน้าธนาคารระหว่างประเทศในเวลาเดียวกับที่ขบวนรถของสถานีตำรวจมาถึง
“เสี่ยวเยาเยา!”
“หัวหน้าซัง อ้อ ตอนนี้เป็นสารวัตรซังแล้ว”
เนื่องจากคดีลักพาตัวและการค้ามนุษย์ที่น่าตื่นตกใจถูกเปิดเผย เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนถูกไล่ออก ซังชั่วจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรของสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง
“…เสี่ยวเยาเยา เธอระวังตัวด้วยนะ”
ซังชั่วรู้ว่ามู่เถาเยาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธการมีส่วนร่วมของเธอ
“ค่ะ ชุดเจรจาต่อรองมาถึงแล้วหรือยังคะ” ด้านในมีตัวประกันอยู่ จะผลีผลามบุกเข้าไปไม่ได้
“มาถึงแล้วล่ะ”
ซังชั่วแนะนำเธอให้รู้จักกับนักเจรจาที่ดูเป็นมิตรในวัยสี่สิบคนหนึ่ง
“เหล่าฝาน นี่คือเสี่ยวมู่ เธอสามารถช่วยพวกเราได้”
ใบหน้าของฝานหร่านเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปในตอนนี้
ถึงอย่างไรคนอย่างสารวัตรซังคงไม่พูดว่า ‘สามารถช่วยเราได้’ ออกมาง่ายๆ
หน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องชาวเมือง แต่ในเมื่อเขาพูดออกมาก็พิสูจน์ได้แล้วว่าสาวน้อยคนนี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา
“ผู้เชี่ยวชาญฝาน แม้ว่าคนข้างในจะไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แต่พวกเขาก็อันตรายมาก พวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม”
คนเหล่านี้ไม่กลัวความตายและไม่กลัวการติดคุก ดังนั้นจึงไม่ปกปิดใบหน้าแล้วกระทำพฤติกรรมป่าเถื่อนอย่างโจ่งแจ้ง
จุดประสงค์ของพวกเขาไม่ใช่การขโมยเงิน แต่เป็นการโจมตีผู้คนต่างหาก
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่อต้านสังคมจะไร้ความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม ไร้ศีลธรรม และไร้ความหวาดกลัว
พวกเขามีความก้าวร้าวและเป็นภัยต่อสังคม และจะก่ออาชญากรรมซ้ำๆ
การกระทำทั้งหมดล้วนเป็นอันตรายต่อผู้อื่น
การใช้ยารักษาและมาตรการทางการศึกษายากที่จะช่วยแก้ไขได้
“เสี่ยวมู่ ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ”
ผู้เชี่ยวชาญฝานมองเห็นพฤติกรรมและการแสดงออกของคนด้านในผ่านกล้องส่องทางไกลได้อย่างชัดเจน และเขาก็มีความมั่นใจสูงมาก
“ผู้เชี่ยวชาญฝาน วิธีการของคุณใช้กับพวกเขาไม่ได้ผลหรอก ฉันจะเข้าไปเอง”
วิธีการเจรจาไม่มีผลต่อพวกเขาอยู่แล้ว เพราะพวกเขาไม่มีอะไรจะเรียกร้อง
“ไม่ได้! เด็กน้อยอย่างเธอ…”
“เหล่าฝาน”
ซังชั่วขัดจังหวะผู้เชี่ยวชาญฝาน แล้วเอ่ยกับมู่เถาเยาว่า “เสี่ยวเยาเยา เธอแน่ใจเหรอว่าจะจัดการพวกเขาได้โดยที่เธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ”
หากคนที่อยู่ด้านในเป็นผู้ก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมและฆ่าคนเป็นว่าเล่น ซังชั่วคงไม่เอ่ยถามเช่นนี้
“ฉันจะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บ” ต่อให้อันตรายเพียงใด เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอ คนพวกนั้นก็มีแต่ต้องถูกทุบตีอย่างเชื่อฟังเท่านั้น!
“โอเค เธอไปเถอะ พวกฉันจะรอจังหวะปฏิบัติการ”
มู่เถาเยาพยักหน้ารับ แล้วเดินไปที่ประตูธนาคารระหว่างประเทศพร้อมกับกล่องยาของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญฝาน “สารวัตรซัง…”
“เหล่าฝาน นายรอดูเถอะ เสี่ยวเยาเยาไม่ใช่คนธรรมดา”
ผู้เชี่ยวชาญฝานไม่รู้ว่าสารวัตรซังไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เขารู้ว่าสารวัตรซังจะไม่เพิกเฉยต่อชีวิตของชาวเมืองอย่างแน่นอน
ซังชั่วและคนอื่นๆ จ้องมองแผ่นหลังอันนิ่งสงบของเด็กสาวตาไม่กะพริบ
ฝีเท้าของเธอก้าวอย่างไม่ช้าไม่เร็ว แต่ละก้าวแม่นยำราวกับคัดลอกและวาง
“ขอโทษนะคะ ที่มารบกวน” มู่เถาเยาเดินตรงเข้าไป
“ฮ่าๆ… สาวน้อยคนนี้ช่างกล้านัก! ทำไมกลุ่มคนข้างนอกนั่นส่งเธอมาตายเหรอ ถุย ไอ้พวกกระจอก!”
คนสิบกว่าคนหัวเราะเย้ยหยัน
“ฉันเป็นนักศึกษาแพทย์ อยากมาดูคนที่ได้รับบาดเจ็บ พวกคุณมีกันตั้งเยอะแยะ คงไม่กลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันหรอกใช่ไหมคะ”
ความนุ่มนวลก็มีประโยชน์ของมันอยู่
หากไม่ใช่เพราะมีมีดอยู่ใกล้หลอดเลือดแดงของตัวประกัน เธอก็ไม่อยากเสวนาให้มากความหรอก
ปัญหาคือคนของพวกเขากระจัดกระจายกันอยู่ทุกมุม ตรงเคาน์เตอร์ก็มีคนอยู่ ดังนั้นไม่ว่าเธอจะเร็วแค่ไหน ก็ไม่สามารถจัดการทุกคนในเวลาเดียวกันได้
หากเธอเคลื่อนไหว ก็จะกระตุ้นให้คนด้านหลังทำร้ายตัวประกัน
“ฮ่าๆ สาวน้อย เธอยังคิดจะช่วยคนพวกนี้อีกเหรอ เธอคิดว่าเข้ามาแล้วจะออกไปได้เหรอ หรือเธอไม่กลัวความตายเหมือนพวกเรา”
มู่เถาเยากะพริบตา
ใบหน้าของเธอเดิมก็ดูอายุน้อยมากอยู่แล้ว จึงจงใจแสร้งทำเป็นน่ารักไร้เดียงสา นั่นยิ่งทำให้เธอดูอ่อนวัยเข้าไปอีก
“ฉันแค่อยากดูอาการบาดเจ็บของพวกเขา”
“ได้ เธอดูสิ ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเธอมีความสามารถมากแค่ไหน เธอดูเขาซะ!”
ชายในชุดแดงแบกปืนลูกซองพาดไหล่ชี้ไปยังชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดพลางพูดกับมู่เถาเยา
“ชายคนนี้เพิ่งล้ม พวกเราไม่ได้แตะต้องเขา”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาแสดงความเมตตา แต่ชอบให้มีคนชื่นชม ‘ผลงานชิ้นเอก’ ของพวกเขาอย่างโรคจิต จึงเลือกชายวัยกลางคนคนนี้มาเพื่อเรียกความชื่นชมต่อ ‘การแสดง’ ของพวกเขา
มู่เถาเยาคุกเข่าลงเพื่อจับชีพจรให้ผู้ป่วย
จากนั้นจึงเปิดกล่องยา หยิบขวดลายครามขนาดเล็กที่มีลวดลายดอกเหมยสีแดงออกมา แล้วเทยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปากของเขา
นี่คือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่เกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
หากไม่รักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
“โอ้ว เธอนี่มืออาชีพของจริงสินะ”
เมื่อเห็นว่าเสียงร้องครวญครางของผู้ป่วยไม่ได้รุนแรงเหมือนเดิม ชายในชุดแดงที่ถือปืนลูกซองก็นั่งยองๆ ลงด้านข้างมู่เถาเยาและมองดูชายคนนั้นอย่างสนใจ
“ฉันขอดูคนอื่นๆ อีกได้ไหม ดูทั้งหมดเลยได้หรือเปล่า พวกเขาได้รับบาดเจ็บ หนีไม่ได้หรอก ฉันก็จะไม่หนีเหมือนกัน”
“ฮ่าๆ หายากนะ คนที่ไม่กลัวพวกฉันน่ะ น่าสนใจจริงๆ!”
“งั้นฉันไปดูแล้วนะ”
“ไปสิ ดูทีละคนเลย” แปลกใหม่!
มู่เถาเยาใช้จังหวะตอนยืนขึ้น สกัดจุดชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าจึงไม่มีใครกล้าขัดขวางเธออีก
เริ่มจากคนที่กดมีดไปที่คอของตัวประกัน
มู่เถาเยาทำกับพวกเขาแบบเดียวกัน
หลังจากจัดการกับคนกลุ่มนี้แล้ว เธอจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์
จัดการคนพวกนี้เร็วยิ่งกว่าเดิม เพราะสามารถหลบสายตาของคนอื่นได้ง่าย
ส่วนคนที่เหลืออีกสองสามคน ก่อนที่พวกเขาจะทันได้มองเห็นร่างที่เดินผ่านหน้า พวกเขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว
มู่เถาเยาตบมือน้อยๆ ของเธอ “เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องกลัว ฉันจะเรียกคนมารับพวกคุณไปโรงพยาบาล”
พนักงานธนาคารที่บาดเจ็บน้อยที่สุดกุมแก้มของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “นางฟ้าตัวน้อย…เธอมีเวทมนตร์เหรอ”
“…เปล่าค่ะ นี่เป็นเทคนิคสกัดจุดชีพจรแบบโบราณ”
หลังจากตอบคำถามของพนักงานสาว มู่เถาเยาจึงโบกมือให้คนด้านนอก
ซังชั่วและคนอื่นๆ รีบเข้ามา
“เสี่ยวเยาเยา เธอไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ต้องพาคนไข้และคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อน” ด้านหลังรถของสถานีตำรวจ มีรถพยาบาลตามมาด้วย
“โอเค”
ซังชั่วสั่งให้คนหามทุกคนไปที่รถพยาบาลหรือขบวนรถของตนเอง เพื่อส่งพวกเขาไปยังที่หมายที่ควรจะไป
มู่เถาเยา “สารวัตรซังคะ ฉันขอติดต่อกับเพื่อนสองคนที่ออกมากับฉันก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันกลับมาหาคุณทีหลัง”
ถ้าไม่เห็นว่าเธอปลอดภัยดี เสี่ยวหว่านและเสี่ยวเหมียนต้องกังวลมากแน่
“ได้ งั้นฉันจะอยู่รอเธอตรงนี้”
“โอเคค่ะ” ยังไงก็ไม่นานอยู่แล้ว
มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาโทรออก แล้วเรียกให้เสี่ยวหว่านและเสี่ยวเหมียนมาที่นี่
หลังจากที่สามสาวเจอหน้ากัน หนึ่งพี่สาวและหนึ่งน้องสาวก็แทบจะร้องไห้ออกมา
“พอได้แล้วๆ ฉันสบายดี เสี่ยวเหมียน เธอพาเสี่ยวหว่านไปเดินเล่นรอบๆ ก่อน ฉันจะไปสถานีตำรวจ กลับมาเดี๋ยวจะติดต่อไป”
“เสี่ยวเยาเยา ฉันไม่อยากไปเที่ยวแล้ว พวกเราจะกลับไปรอเธอที่บ้านนะ”
เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้าเห็นด้วย
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบกลับ เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ” จะได้ไม่มีใครเป็นห่วง
ทั้งสองคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พยักหน้ารับ