อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 125 อมตะ
ตอนที่ 125 อมตะ
เวลาประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง มู่เถาเยาก็พาหลายคนออกมาจากป่าเซียนโหยว
นอกจากตะกร้าใบเล็กของเธอที่อยู่บนไหล่ของเย่ว์จือกวงจะเต็มไปด้วยสมุนไพรแล้ว ในมือของคนอื่นๆ ยังถือดอกไม้ ต้นไม้ และผลไม้ป่าต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
แต่ละคนมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ถุงลมน้อยมีความสุขมาก ร่างเล็กหัวเราะไปตลอดทาง เขาไม่เคยเล่นสนุกแบบนี้มาก่อนเลย!
คนตัวเล็กตื่นเต้นมาก ขาสั้นๆ ทั้งสองข้างเดินตามผู้ใหญ่ไปตลอดทางที่อยู่ในป่า แต่ขากลับเขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะเดินกลับเอง
มู่เถาเยาต้องการอุ้มเขา แต่ก็ถูกเย่ว์จือกวงชิงตัดหน้าไปเสียก่อน
ต่อหน้าเขา เขาจะยอมให้น้องสาวสุดที่รักทำงานหนักเช่นนี้ได้อย่างไร!
ทันทีที่คนตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนของเย่ว์จือกวง เขาก็ผล็อยหลับไปในไม่กี่วินาที
เสียงลมหายใจแผ่วเบาทำให้ผู้คนยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เป่ยซีปัดผมสีดำยาวของมู่เถาเยาที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มของเธอแล้งพูดเบาๆ ว่า “เสี่ยวเยาเยา แม้ว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราจะไม่ได้มีป่าที่ใหญ่โตแบบนี้ แต่เราก็มีภูเขาสูง ทุ่งหญ้าของเรากว้างใหญ่งดงาม แถมเรายังมียอดเขาเป็นพันๆ ยอดที่แย่งชิงกันตั้งตระหง่านอวดโฉม ทิวทัศน์น่าอัศจรรย์และสวยงามเกินกว่าจะพรรณนาได้”
“อื้ม ไว้ปิดเทอมภาคฤดูร้อนแล้วหนูจะกลับไปนะคะ”
เป่ยซีและเย่ว์จือกวงแทบจะระงับความปีติยินดีไว้ไม่อยู่
“อันตราย ยิ่งใหญ่ แปลกตา และเงียบสงบ เป็นลักษณะพิเศษของภูมิประเทศของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเรา ที่นั่นยังมีดอกไม้และพืชพรรณแปลกๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่ยกเว้นปู่ปาถิงที่ชอบสะพายย่ามขึ้นเขา ก็ไม่มีใครเข้าไปเก็บสมุนไพรพวกนั้นในภูเขาลึกอีก รอน้องกลับไป พี่จะพาน้องไปดูนะ”
“ค่ะ การผลิตยาของเผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ล้วนใช้แต่สมุนไพรที่ปลูกเองหมดเลยเหรอคะ” มู่เถาเยารู้สึกงงงวยเล็กน้อย
ปล่อยที่ขึ้นตามธรรมชาติไว้ไม่เก็บ แล้วใช้แต่ที่ปลูกเอง?
ของป่าน่าจะมีคุณภาพดีกว่าของที่ปลูกเองหรือเปล่า
เย่ว์จือกวงอธิบายว่า “ยาของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ทั้งหมดถูกจัดการบริหารโดยตระกูลปา ตระกูลเย่ว์เพียงลงทุนเท่านั้น พ่อแม่ของปาเฝ่ยและปาอินต่างก็มาจากตระกูลแพทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีสวนสมุนไพรของตัวเองและมีคนงานที่เชี่ยวชาญไว้คอยเก็บสมุนไพรโดยเฉพาะ เป็นเพราะพวกเขาส่วนใหญ่มีวรยุทธ์ระดับธรรมดา ดังนั้นวัตถุดิบยายากๆ เหล่านั้นในภูเขาลึกและที่ขึ้นตามหน้าผาสูงจึงไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้”
“อื้ม พรสวรรค์ทางด้านแพทย์โบราณของเสี่ยวอินนั้นสูงมาก มีหวังว่าจะสามารถสืบทอดวิชาและทักษะของหมอเทวดาปาถิงต่อไปได้ ส่วนด้านทักษะวรยุทธ์ ฉันจะหาเวลาสอนเธออีกทีในภายหลัง”
สถานที่ที่วัตถุดิบยาหายากเติบโตนั้นสูงชันมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใกล้หากไร้วรยุทธ์ระดับยอดเยี่ยม
เย่ว์จือกวงพยักหน้า “ได้ แม่ของเธอเป็นกุมารแพทย์ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น ดังนั้นเธอจึงมุ่งแต่สอนเด็กนั่นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เลยละเลยเรื่องอื่นๆ ไป”
เป่ยซีถือดอกไวโอเล็ต ดอกเหมยหลากสี กุหลาบป่า ลิลลี่หุบเขา มหาหงส์ ฯลฯ ที่ลูกสาวของเธอเด็ดให้เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกข้างโอบลูกสาวของเธอไว้ พูดด้วยความรักว่า “เสี่ยวเยาเยา ระบบการแพทย์ของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเรามั่นคงมากแถมยังยอดเยี่ยมมาก แม่เชื่อว่าลูกจะต้องชอบบ้านเกิดของเราแน่ๆ”
“อื้ม”
จากสิ่งที่เธอได้รับรู้มา เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ
ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความเกี่ยวข้องกับชนเผ่าที่ลึกลับนี้ เธอก็ชอบสถานที่นี้แล้ว
เผ่าหมาป่าพระจันทร์ไม่เพียงแต่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติที่น่าหลงใหลเท่านั้น แต่ยังมีประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงามน่าดึงดูดใจผู้คนอีกด้วย
เพราะการเข้าประเทศนั้นค่อนข้างลำบาก ดังนั้นเธอจึงไม่เคยไปเยือนเลย
ตอนนี้มีโอกาส เธอย่อมไปดูให้เห็นกับตาอย่างแน่นอน และจะพาอาจารย์ทั้งสองคนและอาจารย์แม่เล็กของเธอไปด้วย
แม้อาจารย์ใหญ่จะเคยไปที่นั่นมาแล้ว แต่อาจารย์เล็กกับอาจารย์แม่เล็กยังไม่เคยไปนี่นา
“เจ้าหญิงน้อย สมาชิกเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราไม่มีใครชอบออกไปข้างนอก มีแต่คนภายนอกที่โหยหาอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์นั้นมีบางสิ่งที่พิเศษที่ทำให้ผู้คนเฝ้าถวิลหาไม่อาจลืมเลือนได้ลง” เหลียงจียิ้มและพูดกับมู่เถาเยา
เธอรักบ้านเกิดของเธอมากและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
มู่เถาเยาพยักหน้า
หากไม่ดีจริงก็คงไม่มีคนเอาแต่คิดถึงไม่หยุดและมีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ การที่เผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่งขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งต้นๆ ของโลกได้ย่อมมีจุดแข็งเป็นของตัวเอง
แต่สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดกลับไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น แต่เป็นภูเขาเทพจันทรา
เพราะที่นั่นมีความลึกลับที่ยังไขไม่ได้ซ่อนอยู่
การอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของลาวาและธารน้ำแข็งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ภูเขาเทพจันทราเป็นสถานที่ต้องห้ามของเผ่าพระจันทร์ คนนอกไม่มีทางรู้เรื่องนี้
ดังนั้นเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจึงไม่รวมสถานที่นั้น
นอกจากนี้ยังมีพืชที่ไม่รู้จักอย่าง ‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ ที่สามารถอยู่รอดในสภาพภูมิประเทศที่แต่งต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่างลาวาและธารน้ำแข็งได้ ซึ่งอยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง
เธออยากรู้เหลือเกินว่ามันคือสายพันธุ์ที่น่าทึ่งชนิดใด
เช่นเดียวกับดอกเถียนซินของเธอ มันไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้เลย
เธอเคยใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบมันมาแล้ว แต่ไม่สามารถวิเคราะห์โครงสร้างทางโมเลกุลได้แม้แต่น้อย ดังนั้นจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ
หลายคนพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตและขนบธรรมเนียมในเผ่าหมาป่าพระจันทร์ ในไม่ช้าทุกคนก็ออกมาจากป่า
มู่เถาเยาสังเกตเห็นดอกฉยงฮวาของตี้อู๋เปียนซุกอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าป่านัก
หลังจากขบคิดหลายตลบ เธอก็ตัดสินใจช่วยเขาเอามันกลับไป
เป่ยซีมองไปที่กระถางดอกไม้ที่ทำขึ้นจากคริสตัลในมือของมู่เถาเยาแล้วถามว่า “เสี่ยวเยาเยา นี่คืออะไรเหรอ ทำไมมันดูคุ้นๆ”
“แม่คะ แม่บอกว่ามันดูคุ้นเหรอ”
เป่ยซีพยักหน้า “อืม ดูคุ้นมาก”
“พี่รองล่ะคะ”
“มองแวบแรกดูเหมือน ‘ธารหิมะ’ เล็กน้อย แต่เมื่อสังเกตดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันอยู่ ‘ธารหิมะ’ มีลำต้นสูงและดูแข็งแรงกว่า สีก็ขาวกว่า แม้เจ้าต้นนี้จะมีสีขาวเหมือนกันแต่มันโปร่งใสกว่า ‘ธารหิมะ’ “น้องสาว นี่คืออะไรเหรอ”
ขามาพวกเขามาด้วยรถสองคัน ด้วยความที่สองแม่ลูกคู่นี้ต่างก็มุ่งความสนใจไปที่มู่เถาเยา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าตี้อู๋เปียนอุ้มกระถางต้นไม้มาด้วยตลอดทาง
“ตี้อู๋เปียนเรียกมันว่าดอกฉยงฮวา เขาเก็บได้ในสวนสาธารณะตอนที่เขายังเด็ก แต่หลังจากปลูกมายี่สิบปี ดูเหมือนมันจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก มันยังคงเป็นเหมือนต้นอ่อนขนาดเล็ก ต่อมาเขาได้สอบถามกับนักพฤกษศาสตร์หลายคน เพื่อหาทางระบุสายพันธุ์ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันเป็นต้นอะไร”
เย่ว์จือกวงจ้องเขม็งไปที่ดอกฉยงฮวา ชั่วครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “นี่มันก็แปลกมากจริงๆ เหมือนกับ ‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ พี่เคยเห็นพวกมันเมื่อตอนยังเด็ก ลักษณะของมันก็คล้ายๆ แบบนี้ คงรูปร่างเดิมไว้และไม่สูงไม่โต”
เป่ยซีพยักหน้าและพูดว่า “นับตั้งแต่ที่แม่แต่งงานกับพ่อของลูก เคยเห็น ‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ ในลักษณะไหน ผ่านมาสามสิบปีพวกมันก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ราวกับเป็นอมตะ ไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้”
สีหน้าของเหลียงจีดูตกใจมาก
เธอไม่ได้มาจากตระกูลเย่ว์ จึงไม่เคยขึ้นไปบนภูเขาเทพจันทรา ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าการดำรงอยู่ของมันเป็นแบบใด
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอจึงรู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างแฟนตาซีมาก
ความมหัศจรรย์ของภูเขาเทพจันทราได้พลิกความรู้ความเข้าใจของเธอทั้งหมด และทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกนิยายที่เหนือจินตนาการ
ถ้าไม่ใช่เพราะโอกาสนี้ เธอคงไม่มีทางรู้ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งที่มหัศจรรย์เช่นนี้อยู่
มู่เถาเยาก้มหน้าลง ใช้ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอเขี่ยไปที่กิ่งและใบของดอกฉยงฮวา พูดว่า “จุดนี้คล้ายกับดอกฉยงฮวาจริงๆ หรือว่าพวกมันจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน”
“‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ ไม่สามารถย้ายออกมาปลูกข้างนอกได้” เย่ว์จือกวงแสดงความสงสัย
“บางทีนี่อาจเป็นจุดที่แตกต่างกันที่สุดระหว่างพวกมัน” เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เธอตัดสินว่าพวกมันไม่ใช่พืชชนิดเดียวกัน
หลายคนพูดคุยเกี่ยวกับดอกฉยงฮวาและ ‘ธารหิมะ’ ไม่นานพวกเขาก็เดินออกมาจากทางเข้าภูเขาแล้ว
ตี้อู๋เปียนและไป๋เฮ่าอวี๋รีบปรี่ไปทักทายทุกคน
“ซาลาเปาน้อย ทุกคนกลับมากันแล้ว”
“อื้ม ทำไมทั้งสองคนถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ ตี้อู๋เปียน คุณไม่เหนื่อยเหรอ”
“พอไหว ฉันนั่งพักอยู่ในเพิงไม้ข้างๆ มาได้สักพักแล้วล่ะ อันเหยี่ยหลับแล้วเหรอ”
“อื้ม ตอนเข้าไปเขาฝืนเดินเอง คงออกกำลังกายมากเกินกว่าที่ร่างเล็กๆ นี้จะรับไหวแล้ว”
“รบกวนทุกคนช่วยดูแลเขาแล้ว ขอบคุณครับ”
ไป๋เฮ่าอวี๋ก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับตัวถุงลมน้อยซึ่งนอนหลับสนิทมาจากแขนของเย่ว์จือกวง
“เอ้านี่ ให้คุณ” มู่เถาเยายื่นกระถางคริสตัลสีชมพูอ่อนๆ ให้กับตี้อู๋เปียน ด้านล่างยังมีคราบดินติดอยู่เล็กน้อย
“เอ๋ ซาลาเปาน้อย เธอเอาดอกฉยงฮวาออกมาให้ฉันด้วยเหรอ” ตี้อู๋เปียนตอนนี้ถึงเพิ่งสังเกตเห็นกระถางดอกไม้ในมือของมู่เถาเยา
“อื้ม”
เป่ยซีกลัวว่าลูกสาวของเธอจะเหนื่อยจึงพูดขึ้นว่า “กลับไปนั่งคุยกันต่อที่บ้านเถอะ”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถชั่วคราว