อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 14 ไม่คิดมีความรัก
ตอนที่ 14 ไม่คิดมีความรัก
หลังจากมื้ออาหารกลางวันจบลง คนตระกูลตี้ก็มานั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับร่างกายของตี้อู๋เปียนอยู่พักหนึ่งก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ในตอนบ่าย คุณย่าตี้ต่อสายหาหยวนเหยี่ยและบอกเขาว่าเธอต้องการเชิญศิษย์คนโตและลูกศิษย์ตัวน้อยของเขามาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันที่เขตเซิ่งซื่อฉางอัน
เพียงแต่หยวนเหยี่ยไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขาบอกว่าต้องปรึกษามู่เถาเยาก่อน โดยกล่าวว่าลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขามาโดยตลอดอาจไม่คุ้นชินกับกิจกรรมเอิกเกริก กลัวว่าเธอจะประหม่าเอาได้
ในใจของหยวนเหยี่ยลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาย่อมดีที่สุดจนไม่อาจหาอะไรมาเทียบได้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะคนหนึ่ง
ลูกศิษย์ตัวน้อยฉลาดและมีไหวพริบมาก หลังไปเยือนเขตเซิ่งซื่อฉางอันมาแล้วครั้งหนึ่งในวันนี้ เธอย่อมเดาได้ไม่ยากว่าเขามีความสัมพันธ์กับราชาที่ออกทีวีให้เห็นบ่อยๆ อย่างไรเสียพ่อลูกคู่นั้นก็หน้าตาคล้ายกันมาก
แม้ว่าทั้งเขาและซย่าโหวโซ่วจะพาเธอออกไปดูโลกกว้างตั้งแต่ยังเล็กและได้พบปะกับผู้มีอำนาจมากมาย แต่เขาก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้
นี่คือจิตวิทยาของพ่อแม่ทั่วไปที่กลัวว่าลูกจะถูกทำให้น้อยใจ
ตอนนี้ลูกศิษย์ตัวน้อยแม้จะพอคาดเดาตัวตนของอู๋เปียนได้แล้วแต่ก็ยังพอแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้อยู่ แต่เมื่อไรที่เธอได้พบกับคนตระกูลตี้ อยากจะทำเป็นไม่รู้ก็คงไม่ได้อีก
หยวนเหยี่ยรีบวิดีโอคอลหามู่เถาเยาทันทีหลังจากวางหูโทรศัพท์เพื่อนสนิทของเขา
ในเวลานี้เอง มู่เถาเยากำลังศึกษาสภาพร่างกายของตี้อู๋เปียน
เธอจำได้ว่าอาจารย์ของเธอในชาติที่แล้วเคยบอกเธอว่ามีวัชพืชพิษอยู่ชนิดหนึ่ง ตอนที่มันยังมีชีวิตอยู่ ดอก ใบ และของเหลวจากตัวมันมีพิษร้ายแรงมาก แต่ถ้าหากมันตายลงตามธรรมชาติและแห้งเหี่ยวไป ก็จะกลายเป็นสมบัติที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงตำนานและไม่มีใครเคยเห็นมันจริงๆ
ขณะที่มู่เถาเยากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เสียงเรียกจากโทรศัพท์ครั้งที่สองก็ทำให้เธอได้สติกลับมา
“อาจารย์ใหญ่”
“เยาเยา ทำไมเอ็งถึงยังอ่านหนังสืออยู่อีกล่ะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปมหา’ลัยแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ของเอ็งไม่พาไปซื้อของอะไรเลยเรอะ”
“อาจารย์ใหญ่ หนูไม่ขาดอะไรนี่คะ ไม่เห็นต้องซื้ออะไรเพิ่มเลย”
“ตอนนี้เอ็งกำลังศึกษาอาการป่วยของอู๋เปียนอยู่หรือเปล่า เยาเยา หลานชายของเพื่อนสนิทอาจารย์ชื่อตี้อู๋เปียน”
“ค่ะ”
“เอ่อ…นามสกุลเขาคือตี้ เอ็งไม่คิดถึงอะไรเลยเหรอ”
“สำคัญด้วยเหรอคะ”
“อืม…ก็ไม่สำคัญหรอก อย่างไรก็ตาม อู๋เปียนหน้าตาดีแต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเอ็งอยากมีความรัก อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับเขา”
“อาจารย์ใหญ่คะ หนูไม่คิดที่จะคบใคร” ทำการวิจัยหนูขาวสองสามตัวไม่สนุกกว่าเหรอ หาเงินไว้มากๆ แล้วพาผู้อาวุโสทั้งสามคนที่บ้านออกไปตระเวนหาของกินอร่อยๆ พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมชื่นชมทัศนียภาพของภูเขาและแม่น้ำไม่ดีกว่าหรือไง
“…เยาเยา เอ็งอายุสิบแปดปีแล้วจึงไม่ถือว่าเร็วเกินไปที่จะมีความรัก แม้ว่าอาจารย์ของเอ็งจะอยู่เป็นโสดไม่ได้แต่งงานและมีลูก แต่ข้า อาจารย์เล็ก และอาจารย์แม่เล็กของเอ็งอายุมากแล้ว จะอยู่กับเอ็งได้อีกสักกี่ปี ในอนาคตพวกเรายังคาดหวังว่าจะมีใครสักคนมาแทนที่เรา คอยเดินอยู่เคียงข้างและดูแลเอ็ง…”
หยวนเหยี่ยพูดพล่ามและกำลังออกนอกทะเล โดยลืมไปเสียสนิทว่ามีเพื่อนสนิทอยู่อีกปลายฟากหนึ่งซึ่งกำลังรอคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
สีหน้าของมู่เถาเยาแสดงความจนใจเล็กน้อย แต่ไม่มีร่องรอยของความรำคาญใจให้เห็น
เธอตั้งใจฟัง ‘สรุปประโยชน์ของการแต่งงาน’ โดยอาจารย์ช่างพูดของเธออย่างตั้งใจ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “อาจารย์ใหญ่ คุณรู้จักวัชพืชพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าหญ้าพิษชีวิตหรือเปล่าคะ”
“…เยาเยา อาจารย์ดูเหมือนจะไม่เคยบอกเอ็งเกี่ยวกับหญ้าพิษชีวิตนะ เอ็งรู้จักได้ยังไง”
ที่เขารู้จักชื่อหญ้าพิษชีวิต เป็นเพราะสิ่งนี้เป็นตำนานเล่าขานหนึ่งของสำนักแพทย์โบราณ มันเป็นเรื่องที่เล่าสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่าหมื่นปีแล้ว แต่ไม่มีใครโชคดีพอที่จะได้ยลโฉมมัน
แต่ลูกศิษย์ตัวน้อยของเขารู้จักได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าเขาซ่อนมันไว้และไม่เต็มใจที่จะบอกลูกศิษย์ตัวน้อยของเขา แต่เขาไม่เชื่อในการมีอยู่ของสิ่งนี้อีกต่อไป มิฉะนั้นทำไมถึงไม่มีใครเคยพบเห็นเป็นเวลาหลายหมื่นปี
“หนูพบมันในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง”
เป็นหนังสือโบราณจริงๆ แต่ก็นับว่าใหม่ด้วย
เธอผสมผสานความรู้และประสบการณ์จากในชีวิตที่แล้วของเธอ ผนวกรวมเขียนเป็นตำรารวมสมุนไพรและตำรับยาทุกประเภทที่โลกนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
ความด้อยพัฒนาในสมัยนั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทักษะใดที่ควรค่าแก่การสืบทอด ยกตัวอย่างเช่นยาโบราณและดนตรีโบราณ
แน่นอนว่ายังมีสิ่งอื่นๆ อีก แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ได้สูญหายไปตามกระแสน้ำแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
“เยาเยา หนังสือโบราณเล่มไหนกัน หนังสือยังอยู่ไหม รีบเอามาให้อาจารย์ดูเร็วเข้า!”
หยวนเหยี่ยตื่นเต้นมาก! หรือว่าหญ้าพิษชีวิตจะมีอยู่จริงๆ งั้นเหรอ
“มันหายไปนานแล้วค่ะอาจารย์ เป็นหนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่งที่หนูเผลอหยิบขึ้นมาอ่านตอนยังเป็นเด็ก พอได้มาตรวจโรคของตี้อู๋เปียนวันนี้ ก็เลยจำเนื้อหาหลายอย่างในตำรานั้นขึ้นมาได้ ถ้าอาจารย์ต้องการ เดี๋ยวหนูจะเขียนมันขึ้นมาใหม่ให้ หนูยังจำเนื้อหาส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี”
“ดีๆๆ! หนังสือทางการแพทย์ที่มีบันทึกเกี่ยวกับหญ้าพิษชีวิตจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่ๆ! เยาเยา ค่อยๆ คิดให้ดี นึกให้ถี่ถ้วน…แต่ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืน”
“ค่ะ”
“โอ้ อาจารย์เกือบลืมจุดประสงค์หลังในการวิดีโอคอลครั้งนี้แล้ว! เยาเยา คุณย่าของอู๋เปียนอยากจะเชิญเอ็งกับศิษย์พี่ใหญ่ของเอ็งไปทานอาหารเย็นที่เขตเซิ่งซื่อฉางอันน่ะ”
“อาจารย์ตอบตกลงไปหรือยังคะ”
“ยังเลย ก็โทรมาถามความเห็นของเอ็งนี่แหละ เอ็งมีความคิดเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้เป็นผู้ใหญ่แล้ว อาจารย์ยิ่งไม่อาจตัดสินใจแทนเองได้และในอนาคตก็เช่นเดียวกัน”
ในความเป็นจริงตั้งแต่เล็กจนโต เรื่องที่เขาช่วยตัดสินใจแทนมู่เถาเยาแทบจะนับด้วยนิ้วข้างเดียวได้
“ถ้าอย่างนั้นขอไม่ไปดีกว่าค่ะ ยังไงจากนี้ไปทุกเช้าวันอาทิตย์หนูก็ต้องไปช่วยฝังเข็มให้เขาที่คฤหาสน์อยู่แล้ว ขีดจำกัดของทักษะหุยหยางสามารถใช้ได้สี่แค่ครั้งต่อหนึ่งเดือนเท่านั้น”
เช่นเดียวกับเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายของอาจารย์ทั้งสองคนและอาจารย์แม่ สองเดือนฝังเข็มสักครั้งยิ่งกว่าเกินพอ
ของบางอย่างต่อให้ดีแค่ไหนแต่ถ้าใช้มากเกินไปมันก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่นเดียวกับการรับประทานอาหาร คุณจะรู้สึกอึดอัดแน่นอนหากกินมากเกินไป
“ตกลง อีกเดี๋ยวอาจารย์จะโทรบอกเธอ เยาเยา เอ็งคิดเห็นยังไงกับอาการของอู๋เปียน”
“ดูจากชีพจรแล้ว เขาพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่ป่วย แต่ก็ไม่สบายอยู่จริงๆ ร่างกายของเขาเหมือนคนแก่ใกล้ตาย ถ้าไม่ดูแลให้ดี เขาคงตายในเวลาไม่ถึงสองปีนี้”
ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดในตระกูลตี้และถูกดูแลอย่างเอาใจใส่ หญ้าบนหลุมฝังศพเขาคงจะสูงเกินหัวเข่าไปแล้ว!
หยวนเหยี่ย “…” ตายในวัยยี่สิบต้นๆ อายุสั้นเกินไปแล้ว…
“เยาเยา ทำอะไรไม่ได้เลยเรอะ”
หยวนเหยี่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดมันก็เป็นครอบครัวของเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานหลายทศวรรษ
“ทักษะศักดิ์สิทธิ์หุยหยางสามารถให้ผลลัพธ์บางอย่าง แต่ก็เพียงแค่ชะลอเวลาตายของเขาออกไป ตราบเท่าที่เราสามารถหาหญ้าพิษชีวิตเจอ เขาไม่เพียงแต่จะหายขาดจากโรค แต่ยังสามารถกลับมามีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มิหนำซ้ำ ยังจะทนต่อพิษทั้งปวงได้ด้วย”
“แต่ว่านะเยาเยา ยังไงนั่นก็เป็นแค่ตำนาน เราไม่สามารถฝากความหวังทั้งหมดไว้กับมันได้”
“ใช่ค่ะ ทักษะศักดิ์สิทธิ์หุยหยางสามารถเพิ่มอายุขัยของเขาจากเดิมซึ่งควรจะสิ้นสุดที่ยี่สิบห้าปีไปเป็นสามสิบปีได้ เขาไม่เหมือนกับพวกอาจารย์ที่สามารถยืดอายุขัยออกไปได้อีกหลายสิบปี”
ด้วยสภาพร่างกายที่ดีของอาจารย์ทั้งสองของเธอ หากไม่มีอุบัติเหตุ พวกเขาก็อยู่ได้ถึงหนึ่งร้อยสามสิบปีไม่มีปัญหา
“…เยาเยา ทำหน้าที่เอ็งให้ดีที่สุดเถอะ อย่าได้กดดันตนเองมากเกินไป”
“ได้ค่ะ” แต่เธอดันชอบอะไรที่มันท้าทายนี่สิ
ที่พยายามทำอย่างสุดกำลังไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตอบสนองความชอบในหัวใจของเธอเอง
แม้ว่าตอนนี้พอจะคาดการณ์ได้คร่าวๆ ว่าสามารถยืดอายุขัยของเขาออกไปได้อีกห้าปี แต่ภายในห้าปีนี้ ใช่ว่าเธอจะวิจัยหาวิธีการยืดอายุขัยแบบอื่นออกมาไม่ได้เสียหน่อย
หยวนเหยี่ยคุยกับมู่เถาเยาต่ออีกสักพักโดยบอกว่าทุกคนคิดถึงเธอ จากนั้นซย่าโหวโซ่วและภรรยาของเขาก็เข้ามาวิดีโอคอลต่อ ส่วนตัวเองปลีกตัวเดินกลับไปที่บ้านแล้วใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาย่าตี้เพื่อนสนิทเพื่อบอกเธอเกี่ยวกับการตัดสินใจของมู่เถาเยา
“เอ่อร์หลัน มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูจะเปิดเรียนวันพรุ่งนี้และเสี่ยวเยาเยายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเรื่องชวนไปกินข้าวเย็นไว้วันหน้าเถอะ จากนี้ไปเธอยังต้องไปฝังเข็มให้อู๋เปียนทุกๆ เช้าวันอาทิตย์ โอกาสที่จะได้กินข้าวร่วมกันยังมีอีกถมเถ”
เมื่อก่อนก็ไม่ได้ถือว่าคบค้าพอเป็นพิธีหรอก แต่ถ้าลูกศิษย์ตัวน้อยของเขาไม่ชอบ สำหรับหยวนเหยี่ยแล้วทุกอย่างล้วนเป็นการคบค้าสมาคมพอเป็นพิธีทั้งนั้น
บนโลกใบนี้ ขอเพียงแค่คนผู้นั้นยังฉลาดพอ ก็จะไม่สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับหมอเทวดา เพราะทุกคนย่อมมีเลือดเนื้อและเจ็บป่วยกันได้ ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่งคุณอาจต้องขอความช่วยเหลือกับเขาก็ได้