อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 154 นายน้อยขี้โรค
ตอนที่ 154 นายน้อยขี้โรค
เวลาประมาณสองทุ่ม เครื่องบินก็ลงจอดที่ลานจอดเครื่องบินในหมู่บ้านเถาหยวนซาน
ถังถังกับผู้ใหญ่บ้านและอีกหลายคนไปรับพวกเขาเข้าหมู่บ้าน
เนื่องจากผู้เฒ่าทั้งสี่คนนั้นมีอายุมากแล้ว ชาวบ้านจึงไม่อนุญาตให้พวกเขาติดตามมาด้วย
เป่ยซีและตี้อู๋เปียนเป็นผู้ป่วยจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ตามไปโดยปริยาย
พวกเขาจึงได้แต่เฝ้ารอคนอยู่ที่หน้าประตู
รถทั้งสี่คันค่อยๆ หยุดลงที่ด้านนอกลานเล็กๆ หน้าบ้านของอาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสามคน
“เสี่ยวเยาเยา”
ผู้เฒ่าหลายคน เป่ยซี และตี้อู๋เปียนต่างก็ไปรุมล้อมเธอ
มู่เถาเยายกยิ้มให้กับทุกคนเล็กน้อยและแนะนำแขกให้ทุกคนได้รู้จักทีละคน
ยกเว้นเจ้าก้อนขนมปังน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรและเอาแต่เล่นอย่างสนุกสนาน คนอื่นๆ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างไปหมดแล้ว
แม้ในใจจะตกใจมาก แต่ทุกคนก็พยายามรักษาความสงบบนใบหน้าเอาไว้
หลังจากทำความรู้จักกันแบบคร่าวๆ แล้ว มู่เถาเยาก็ต้อนรับทุกคนเข้าไปในบ้าน กินผลไม้ ของว่างและดื่มชา จากนั้นจึงจัดแจงที่พักให้กับทุกคน
ผู้เข้าพักใหม่ทั้งหมด ถูกจัดให้พักอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่โดยรอบ
เนื่องจากในบ้านมีคนแก่และผู้ป่วยอยู่ จึงพยายามไม่ให้ในบ้านนี้เอะอะจนเกินไป
ซังเฟยที่เท้าของเขายังไม่สะดวกและยังต้องใช้ไม้ค้ำ ถูกจัดให้เข้าพักอยู่ในบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามกับบ้านของมู่เถาเยา
อาจารย์ซังและอาจารย์สวีย่อมอยู่ในบ้านเดียวกันกับเขาตามธรรมชาติ
สองพี่น้องซย่ามั่วอาศัยอยู่ในบ้านอีกหลังร่วมกับเจ้าก้อนขนมปังน้อย
ส่วนพ่อบ้านจงและอาคุนอยู่ที่บ้านหลังถัดไปซึ่งอยู่ไกลจากทุกคนมากที่สุด
คนมีจำนวนมาก แม้ว่าบ้านหลังหนึ่งจะสามารถจัดทุกคนให้อาศัยอยู่ด้วยกันได้แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะจัดแบบนั้น
จำนวนคนที่เยอะเกินไปจะทำให้มีเสียงดัง ดังนั้นจึงควรกระจายคนออกไป
มู่เถาเยาแจกจ่ายผลนมหมาป่าและขนมให้กับทั้งสามบ้าน
และแบ่งให้ผู้ใหญ่บ้านและคนขับรถที่มารอรับพวกเธอให้เอากลับไปแบ่งให้ลูกๆ หลานๆ ชิมบ้าง
ของที่เธอเอามาด้วยดูเหมือนว่าจะมีหลายอย่างและมีเยอะ แต่ชาวบ้านนั้นมีมากกว่าดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกครัวเรือนจะได้รับมันไป
โชคดีที่ในบ้านยังเหลืออยู่อีกบางส่วน เธอจึงเอามันออกมาและมอบมันให้กับชาวบ้านที่มาเยี่ยมเยียนและช่วยทำอาหารเย็นให้
นอกจากนี้ เด็กๆ ในหมู่บ้านยังชอบวิ่งมาหาพวกเขา โดยเฉพาะเมื่อมู่เถาเยาอยู่ที่บ้าน
“ตี้อู๋เปียนคนของเธอมาถึงหรือยัง”
“หลายคนมาถึงกันแล้วครับ อีกส่วนจะมาถึงในวันพรุ่งนี้”
“งั้นเริ่มเรียนกันในวันจันทร์เลยดีไหม”
“ครับ เอาที่ปู่ทั้งสองคนและปู่ทวดถังสะดวกเถอะครับ”
หยวนเหยี่ยยิ้มและพูดว่า “พวกเราพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว สอนได้ทุกเมื่อเลย”
มู่เถาเยา “พี่รองของฉันกับถังถังต่างก็มีงานต้องทำ ดังนั้นฉันจึงทำได้เพียงส่งต่อเนื้อหาในแต่ละวันให้พวกเขาเท่านั้น พวกเขาจะได้ดูแลซึ่งกันและกันได้เมื่อพวกเขาเข้าสู่เขตป่าชั้นใน”
ตี้อู๋เปียน “ด้วยทักษะวรยุทธของพี่รองเย่ว์และทักษะการใช้พิษของถังถังน่าจะพอที่จะพึ่งพาซึ่งกันและกันแล้วนะ ไม่เข้าร่วมการฝึกพิเศษด้วยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
ถังถังยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ฉันฝึกวรยุทธในตอนกลางคืนได้นะคะ”
พึ่งพาคนอื่นไม่สู้พึ่งพาตัวเอง
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เธอมีเวลาว่างในช่วงนี้ เธอก็จะวิ่งไปหาซย่าโหวโซ่วและขอให้เขาช่วยชี้แนะให้
ซย่าโหวโซ่วพูดอย่างร่าเริงว่า “เสี่ยวถังถังมีความก้าวหน้ามากจริงๆ ด้วยความสามารถของเธอ ฉันมั่นใจเลยว่าตราบเท่าที่เธอขยันพอ เธอจะต้องทะลวงผ่านระดับไปได้ภายในครึ่งปีนี้อย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเข้าไปในเขตป่าชั้นในด้วยตัวคนเดียวได้แล้วใช่ไหมคะ” ถังถังตื่นเต้นมาก!
“ไม่ แต่นอกจากป่าเซียนโหยวแล้ว ไม่ว่าจะภูเขาลูกไหนเธอก็ไปได้ทั้งนั้น”
ถังถัง “…”
ผู้อาวุโสตระกูลถังกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตระกูลถังของเราไม่ใช่สำนักฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณ เราไม่มีทักษะบ่มเพาะวรยุทธเป็นของตัวเอง ดังนั้นตลอดเวลาหลายพันปีที่ผ่านมาเราจึงพึ่งพาเพียงการสอนแบบปากต่อปากเท่านั้น แต่วันนี้ ด้วยกำลังของสำนักที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ ฉันกลัวว่าแม้แต่ทักษะฝึกศิลปะการต่อสู้โบราณที่เรามีอยู่ ก็คงจะสูญหายไปอย่างสิ้นเชิงในอีกไม่นานนี้”
“ปู่ทวดคะ ปู่ทวดไม่จำเป็นต้องกังวลเลย หนูจะเรียนทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณจากคุณปู่ซย่าโหวเอง”
“ผมเองก็จะตั้งใจเรียนเหมือนกันครับ”
“ผมก็จะตั้งใจเรียนเหมือนกันครับ”
“ผมก็จะตั้งใจเรียนเหมือนกันครับ”
ลูกพี่ลูกน้องและหลานชายของถังถังพูดขึ้นพร้อมกัน
ปู่ทวดถังลูบหัวของถังเซิ่นอวี๋และพูดด้วยความพึงพอใจอย่างมากว่า “พวกเธอทุกคนล้วนแต่เป็นเด็กดี จงจดจำบุญคุณที่ปู่ซย่าโหวถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ให้กับตระกูลถังในวันนี้ไว้ให้ขึ้นใจ”
ซย่าโหวโซ่วกลับโบกมืออย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ตราบใดที่เด็กๆ นำมันไปใช้อย่างถูกต้อง ตระกูลซย่าโหวของเราก็จะไม่ตระหนี่ แค่ก่อนหน้านี้เราเร้นกายไม่ได้เปิดเผยตัวต่อโลกภายนอก จึงไม่มีโอกาสได้สอนคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การที่ตระกูลซย่าโหวของเธอถ่ายทอดทักษะวรยุทธให้กับตระกูลถังของเราในวันนี้ก็เป็นเรื่องจริง ถังถังคือผู้สืบทอดและว่าที่ผู้นำตระกูลถังของฉันในอนาคต ดังนั้นสำนักแพทย์โบราณและตระกูลซย่าโหวจะเป็นผู้มีพระคุณและสหายของตระกูลถังของเราตลอดไป”
ถังถังพูดอย่างเชื่อฟังว่า “ปู่ทวดคะ หนูจำได้ขึ้นใจแล้วค่ะ”
หยวนเหยี่ย “ลุงถังยังเป็นคนจริงจังแบบเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ เราเรียนแพทย์ก็เพื่อช่วยชีวิตและรักษาผู้ป่วย นี่เป็นความรับผิดชอบ ไม่มีติดค้างหรือเป็นบุญคุณอะไรกันทั้งนั้น”
ปู่ทวดถังกลับแย้งอย่างไม่เห็นด้วยว่า “เจียงอิ๋งอาจารย์ของเธอเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของฉัน มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะช่วยฉัน แต่เขาเอาสมบัติที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นของสำนักแพทย์โบราณออกมาเพื่อช่วยฉันที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากต่อสังคมในโลกนี้เลย นี่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างมาก”
หยวนเหยี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้
“ลุงถังครับ ในสายตาของหมอ ชีวิตมนุษย์ล้วนเท่าเทียมกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างสูงต่ำหรือว่ามีหรือไม่มีประโยชน์ใดๆ”
“ฉันรู้ แต่ฉันก็แค่เสียดาย”
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นตอนที่เขากำลังจะตาย เพราะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อต้านใดๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงค้านหัวชนฝาที่จะให้เพื่อนสนิทเอาสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ออกมาเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้
ความสงบสุขของประเทศเหยียนหวงนั้น ไม่ได้ต้องการการปกป้องจากสำนักตระกูลถังของเขา ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าเขาจะเสียชีวิตหรือไม่ ควรเก็บสมบัตินี้ไว้เพื่อสร้างประโยชน์และช่วยเหลือคนที่จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมมากกว่าเขาจะดีกว่า
ยกตัวอย่างเช่นนายน้อยตี้คนนี้ที่ต้องการมันอย่างมาก
ไม่ใช่เพราะสถานะของเขา แต่เป็นเพราะประเทศเหยียนหวงต้องการเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการดอกไม้สองชีวิตเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
หลังจากได้พูดคุยกันตลอดสองสามวันนี้ ปู่ทวดถังก็รับรู้ถึงความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ของนายน้อยขี้โรคคนนี้
ดังนั้น เขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ใช้สมบัติอย่างดอกไม้สองชีวิตดอกนั้นไป พลันสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตี้อู๋เปียนซึ่งนั่งอยู่ถัดจากมู่เถาเยา
ตี้อู๋เปียนรู้ว่าชายชรากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นการแสดงออกเช่นนี้ของเขา
“ปู่ทวดถังครับ ทุกอย่างสวรรค์ได้กำหนดเอาไว้หมดแล้ว ซาลาเปาน้อยต้องการเลือดของคุณเพื่อทำการวิจัย ไม่แน่เธออาจจะพัฒนายาที่ทรงคุณค่าและมีอิทธิพลต่อโลกนี้เป็นอย่างมากออกมาก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วดอกไม้สองชีวิตแม้ล้ำค่าและหายาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะใช้งานมันอย่างแพร่หลาย”
มู่เถาเยาพยักหน้าและพูดว่า “ปู่ทวดถัง สิ่งที่ตี้อู๋เปียนพูดนั้นถูกต้องแล้วค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สมบัติจะเป็นสมบัติเมื่อถูกใช้ และพวกมันก็จะเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่าหากถูกวางทิ้งไว้ ไม่ต้องกังวลไป หนูจะพยายามให้ถึงที่สุดและจะหาทางรักษาอาการป่วยของตี้อู๋เปียนให้ได้”
หยวนเหยี่ย “ลุงถังครับ คุณต้องเชื่อใจเด็กๆ พวกนี้นะครับ คนรุ่นหลังกำลังไล่กวดคนรุ่นเก่าๆ อย่างเราขึ้นมาทุกที ไม่แน่ว่าเด็กพวกนี้อาจจะหาวิธีรักษาเจอจริงๆ”
ผู้อาวุโสตระกูลถังเข้าใจโดยธรรมชาติว่าทุกคนหมายถึงอะไร
“ใช่ เสี่ยวเยาเยา เธอต้องการเลือดเมื่อไหร่เหรอ”
“หนูไม่รีบหรอกค่ะ หนูขอตรวจชีพจรให้ปู่ทวดก่อน”
ผู้อาวุโสตระกูลถังพยักหน้า
มู่เถาเยาหยิบหมอนรองชีพจรออกมาจากกล่องยาขนาดเล็กของเธอแล้วเดินตรงไป
สองพี่น้องถังหงและถังเซิ่งซึ่งนั่งอยู่ถัดจากผู้อาวุโสตระกูลถังลุกขึ้นและเดินออกไปให้พ้นทาง
หลังจากจับชีพจรเสร็จ มู่เถาเยาก็ยกยิ้มและพูดว่า “สุขภาพของปู่ทวดดีมากจริงๆ ค่ะ ถ้าหากไม่มีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น ปู่ทวดก็จะอยู่ต่อไปได้อีกห้าสิบปี”
ถังถังรู้สึกตกใจมาก “เสี่ยวเยาเยา เธอพูดจริงใช่ไหม”
“ฉันพูดจริง นอกเหนือจากการออกกำลังกายและนิสัยการใช้ชีวิตที่มีวินัยในตนเองแล้ว ดอกไม้สองชีวิตก็ให้ผลที่น่าอัศจรรย์ใจมากจริงๆ ปู่ทวดคะ ฉันขอเลือดจากปู่ทวดไปสองหลอดก่อนที่จะกลับไปที่เมืองเย่ว์ตูในวันมะรืนนี้นะคะ ดังนั้นในสองวันนี้พยายามอย่าให้ตัวเองต้องเหนื่อยมากเกินไปนะคะ”
“ตกลง ฉันจะไม่ฝึกหนักในสองวันนี้”
ทุกวันนี้ เขาไม่เพียงแต่ฝึกฝนกับซย่าโหวโซ่วและหยวนเหยี่ยในช่วงกลางวันเท่านั้น แต่ยังร่วมฝึกกับถังถัง ถังหง ถังเซิ่ง และถังเซิ่นอวี๋ในเวลากลางคืนอีกด้วย
“เสี่ยวเยาเยา ปู่ทวดของฉันควรใส่ใจกับสิ่งใดเพิ่มเติมอีกบ้าง มีวิธีรักษาสุขภาพที่ดีกว่านี้ไหม”
“วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง การจงใจมากเกินไปมีแต่จะให้ผลตรงกันข้าม เธอเองก็เรียนแพทย์มาเหมือนกันนี่ น่าจะเข้าใจถึงความจริงข้อนี้ดีนะ”
“อืม ถ้างั้นในอนาคตก็ให้ปู่ทวดของฉันใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็แล้วกัน”
“ดอกไม้สองชีวิตมีฤทธิ์ในการต้านพิษทั้งมวล ไม่เพียงเท่านั้นร่างกายเองก็จะได้รับการปรับแต่งให้กลับไปอยู่ในจุดสูงสุดอีกด้วย ดังนั้นต่อให้บาดเจ็บก็จะหายได้อย่างรวดเร็ว ขอเพียงแค่ระวังอย่าให้บาดเจ็บสาหัสจนถึงตาย ทุกอย่างก็จะไม่เป็นไร”
ไม่ว่าดอกไม้สองชีวิตจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพคนตายได้ และไม่ว่าเธอจะมีความสามารถมากแค่ไหน เธอก็ช่วยได้แค่คนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น
สมาชิกตระกูลถังหลายคนพยักหน้าแรงๆ และในขณะเดียวกันก็แอบสาบานในใจว่าอุบัติเหตุเช่นนี้จะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น!