อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 169 จะไม่ทำให้เธอร้องไห้
ตอนที่ 169 จะไม่ทำให้เธอร้องไห้
“งั้นก็ตามนี้ก่อน”
“ซาลาเปาน้อย เลือดของผู้อาวุโสเหมือนคนปกติทั่วไปเหรอ”
“ผลทดสอบไม่มีอะไรแตกต่าง เป็นเลือดของคนสุขภาพแข็งแรงปกติ”
“ซาลาเปาน้อย อย่ากดดันตัวเองนะ ฉันยังมีเวลาอีกเยอะ”
“…อืม”
ทำไมชอบมีคนบอกเธอว่าอย่ากดดันตัวเอง ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย…
“ซาลาเปาน้อย แม่เธอกับพวกอาจารย์สบายดี ฉันจะดูแลพวกเขาให้ดี เธอไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องในบ้านนะ”
มู่เถาเยาหมดคำจะพูดแล้ว
นี่ตกลงว่าใครดูแลใครกันแน่เนี่ย!
แม่เธอกับพวกอาจารย์มีคนทั้งหมู่บ้านดูแล มีเหรอจะถึงกับต้องให้เขามาดูแล
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ต้องให้ใครมาดูแลเลยด้วยซ้ำ!
“ตี้อู๋เปียน ฉันไม่ได้เป็นห่วงคนที่บ้านเลย ห่วงก็แค่คุณ”
ในฐานะหมอ ถ้ารักษาคนไข้ของตัวเองไม่หาย เธอจะผิดหวังและเสียใจ
ตี้อู๋เปียนดีใจจนเกือบทำโทรศัพท์มือถือหล่น
ดูสิ! ซาลาเปาน้อยชอบเขาจริงๆ ด้วย!
“ซาลาเปาน้อย ฉันต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อแน่นอน! จะไม่ทำให้เธอร้องไห้!” ถึงขนาดที่ดีใจจนน้ำเสียงเปลี่ยน!
“ว่าไงนะ”
ใครร้องไห้
ตี้อู๋เปียนพูดอะไรน่ะ ทำไมเธอต้องร้องไห้ด้วย นี่เธอฟังผิดหรือเปล่า
“ซาลาเปาน้อย ตอนนี้ทำอะไรอยู่” หาเรื่องชวนคุย จะได้ไม่ต้องวางสาย!
“เตรียมไปเดินเล่นที่เมืองโบราณ เผื่อจะได้หนังสือเก่า”
เมืองเย่ว์ตูเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่อายุร่วมหมื่นปี มีตลาดของโบราณที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
อันดับหนึ่งอยู่ที่เมืองหลวง
“ได้ งั้นเธอไปเถอะ เดี๋ยวฉันโทรให้คนไปรับเธอ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะเรียกรถไปเอง”
“…งั้นก็ได้ เดี๋ยวอย่าลืมกินข้าวด้วยนะ”
“อืม”
เธอไม่ได้สติฟั่นเฟือนเสียหน่อย มีเหรอจะไม่รู้จักกินข้าวให้ตรงเวลา
ตี้อู๋เปียนหมายความว่าไง
มู่เถาเยาแอบงง
เธอรู้สึกว่าตี้อู๋เปียนเปลี่ยนไปมาก มักชอบพูดอะไรแปลกๆ แตกต่างจากการคุยกันเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
หรือว่าสติปัญญาของเขาถดถอย หรือว่านี่เป็นผลข้างเคียงจากการใช้วิชาหุยหยาง
แต่ก็ใช้กับพวกอาจารย์เหมือนกัน ไม่เห็นมีใครผิดปกติ!
“เธอรีบไปเถอะ รีบกลับบ้านล่ะ”
“อืม วางละ”
“ได้”
มู่เถาเยากดตัดสายทันที
เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ หยิบกล่องยาใบน้อยเดินลงไปเรียกรถ
เมืองโบราณใหญ่มาก เป็นอาคารที่มีห้าชั้น ทั้งสง่างามและมีกลิ่นอายแห่งยุคโบราณ
ในนั้นไม่เพียงแต่จะขายเครื่องหยก ภาพวาดโบราณ เครื่องกระเบื้อง สินค้าหัตถกรรม เครื่องสัมฤทธิ์ ของล้ำค่าตกแต่งบ้าน ลูกประคำ ลูกปัด…ยังมีขายเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ราคาแพง อุปกรณ์ชงชา ของเล่นต่างๆ เป็นต้น
แน่นอนว่าก็ยังมีพวกสินค้าจิปาถะอื่นๆ อีก เช่น หนังสือเก่า นิตยสารเก่า ดาบ…
อืม ของพวกนี้ฟังดูแอบคล้ายของเด็กเล่น
หนังสือเก่า นิตยสารเก่า ฟังแล้วยังพอโอเคหน่อย
ก็ใช่ว่าชั้นหนึ่งจะไม่มีของแท้ที่มีราคาเลย ก็แค่ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วว่ามีความสามารถในการดูของหรือเปล่า
แต่ไหนแต่ไรมาสถานที่แบบนี้ไม่ค่อยครึกครื้น แล้วนับประสาอะไรกับที่ตอนนี้ไม่ใช่สุดสัปดาห์ ไม่ใช่เวลาเลิกงาน ยิ่งดูเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด
ชั้นหนึ่งขายของจิปาถะทั่วไป ของเล่น เครื่องประดับ และก็เป็นชั้นที่ปกติครึกครื้นที่สุดแล้ว อย่างไรเสียของในชั้นนี้ก็ราคาถูกสุดแล้วในบรรดาทั้งห้าชั้น
ชั้นสองเป็นเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ราคาแพง ชั้นสามเป็นเครื่องหยก เครื่องกระเบื้อง เครื่องสัมฤทธิ์ เป็นต้น ชั้นสี่เป็นพวกอุปกรณ์ชงชา
ใบชาของหมู่บ้านเถาหยวนซานก็มีขายที่ร้านบนชั้นสี่
ความสนใจของมู่เถาเยาในการมาครั้งนี้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง
เดินดูตามร้านเล็กๆ ไปเรื่อยๆ
ร้านส่วนใหญ่พอเห็นเป็นเด็กสาวก็แค่บอกให้เลือกเอา ไม่ได้พูดอะไรด้วยมากนัก
มู่เถาเยาย่อมไม่ถือสาที่ไม่มีคนสนใจ
เมื่อเธอเดินไปถึงร้านหนึ่งในแถวที่สอง เธอก็หยิบหนังสือเก่าหนาหนึ่งนิ้วที่วางกองอยู่เล่มบนสุดขึ้นมาเปิดดู
ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบเดินออกมาจากตรงโต๊ะน้ำชา พูดกับมู่เถาเยาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “หนูดูเป็นเด็กสาวที่ใฝ่รู้นะ ร้านฉันมีปิ่นมุกทำมือตั้งมากมาย แต่หนูกลับสนใจแค่หนังสือ”
แตกต่างจากเด็กสาวคนอื่น
ปกติจะมีเด็กสาวมากมายที่แต่งตัวด้วยชุดโบราณมาเลือกซื้อเครื่องประดับที่เมืองโบราณ
“เล่มนี้ขายยังไงคะคุณลุง”
“หนังสือกองนี้ลุงไปรับมาจากหมู่บ้านชนบท ถ้าหนูต้องการก็เหมาทั้งกองหนึ่งพัน ลุงไม่แยกขายหรอก”
เขาซื้อมาจากหมู่บ้านชนบทด้วยเงินห้าร้อย วางทิ้งไว้สองปียังขายไม่ออกสักเล่ม!
อีกทั้งเขาลองเปิดดูแล้ว ไม่มีตำราที่มีค่าอะไรเลย
“งั้นหนูขอดูอย่างอื่นหน่อย ลดได้อีกไหมคะ”
ต่อให้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ต้องต่อราคา
เซียวเซียวบอกว่าการต่อราคาเป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง
ตอนนี้เธอลองต่อราคาแล้ว แต่กลับไม่เห็นมีความสนุกตรงไหน
“งั้นหนูลองดูก่อนนะ เลือกเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยาเดินดูทั่วร้าน เลือกของมาได้กองหนึ่ง
“เถ้าแก่คะ หนูเลือกเสร็จแล้วค่ะ มาคิดเงินหน่อย”
“…แม่หนู นี่เล่นเลือกของดีจากร้านลุงออกมาหมดเลยนะ!”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา
“หนูว่าพวกมันดูสวยดี”
“โถสัมฤทธิ์สี่ขาพร้อมฝา นกอ้วนสัมฤทธิ์ หน้ากากหมาสัมฤทธิ์ เด็กผู้หญิงปิดปาก เด็กผู้ชายทำท่ายิงปืน…เอ่อ…น่าสนใจดีนะ…ฮ่าๆ…”
หัวเราะแห้ง
ของพวกนี้ขี้เหร่อย่างกับอะไรดี โถสี่ขาพร้อมฝา นกอ้วนสัมฤทธิ์ หน้ากากหมา สวยตรงไหนกัน
แต่เด็กผู้หญิงปิดปากใส่ชุดโบราณกับเด็กผู้ชายทำท่ายิงปืนก็เป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กสาวจริงๆ
“ของพวกนี้รวมกันทั้งหมดเท่าไรคะ”
“แม่หนู รู้หรือเปล่าว่าของพวกนี้เป็นของเด็ดในร้านลุงเลยนะ”
ความหมายคือ เด็กสาวอย่างหนูซื้อของราคาสิบหยวนยี่สิบหยวนไปเล่นก็พอแล้ว ของพวกนั้นก็ประณีตไม่แพ้กัน
“เถ้าแก่ อย่าเกลี้ยกล่อมเลยค่ะ หนูไม่หลงกลหรอก”
มู่เถาเยายื่นนิ้วเรียวสวยชี้ที่โถสัมฤทธิ์
เถ้าแก่ตะลึง
สาวน้อยคนนี้เป็นใคร ตาแหลม เลือกของมาถูกชิ้นด้วย!
“หนูเรียนประวัติศาสตร์หรือเป็นศิษย์ของอาจารย์ชื่อดังคนไหนเหรอ”
“ไม่ใช่ทั้งนั้นค่ะ”
เถ้าแก่ย่อมไม่เชื่อ คิดว่ามู่เถาเยาแค่ไม่อยากบอก
“แม่หนู ในเมื่อเธอดูของเป็น งั้นลุงจะไม่บอกราคาส่งเดช ลุงให้ราคานี้”
เถ้าแก่ชูนิ้วชี้ให้
“ได้ค่ะ งั้นของอื่นก็แถมๆ แล้วกันนะคะ”
ดูสิ มีการต่อราคาด้วย!
“ได้ แถมไปให้เล่น”
ยังไงซะก็เป็นพวกของเด็กเล่นทั้งนั้น ไม่ได้มีราคาอะไร
มู่เถาเยาโอนเงินสิบล้านให้เถ้าแก่
“รอเดี๋ยวนะ ลุงจะจัดการห่อให้”
“ได้ค่ะ”
“แม่หนู ต้องให้คนในบ้านมารับไหม” ของโบราณราคาแพงขนาดนี้!
ของที่ชั้นหนึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกของเล่น แต่ก็มีของโบราณแท้ๆ ปะปนอยู่กับพวกของเล่น ไม่สะดุดตาอย่างสิ้นเชิง
อย่างเช่นโถสัมฤทธิ์สี่ขาพร้อมฝาที่หน้าตาขี้เหร่ใบนี้
“ไม่ต้องค่ะ เอาของทั้งหมดใส่ลังกระดาษให้ก็พอค่ะ”
“ได้ หนูมากับคนขับรถใช่ไหม รีบเรียกเขาเข้ามาสิ”
เด็กสาวอายุสิบกว่าปีที่จ่ายเงินสิบล้านได้โดยไม่กะพริบตา น่าจะใช้เงินแบบนี้จนชินแล้ว ไม่มีทางเป็นลูกของครอบครัวธรรมดา
“ไม่มีค่ะ หนูเรียกรถมาเอง” เหลียงจียังอยู่ที่เผ่าอยู่เลย!
“ของตั้งเยอะใส่รวมกัน หนูยกไหวเหรอ หนังสือหนักมากนะ! พวกเครื่องสัมฤทธิ์ก็หนักไม่ใช่น้อย!”
ประเด็นไม่ใช่เรื่องน้ำหนัก แต่มูลค่าต่างหาก!
ถ้านี่เป็นของโบราณหรือเงิน ต่อให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นสิบเท่า ไม่เพียงแต่เขาจะยกไหว ยังวิ่งได้เร็วอีกด้วย!
“ยกไหวค่ะ”
นี่คือเทพผู้ทรงพลัง
“ก็ได้”
เถ้าแก่ไปหาลังใบใหญ่ที่สะอาดมา ใส่หนังสือไว้ล่างสุด จากนั้นก็ทยอยเอาของใส่ลงไปทีละชิ้น
โถสี่ขาถูกห่อไว้ดีสุด วางตรงกลาง
ปิดกล่องด้วยเทปกาว
“แม่หนู ลุงขับรถไปส่งดีกว่าไหม”
“ไม่ต้องค่ะ หนูไปเองได้”
มู่เถาเยาสะพายกล่องยา เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า ก้มตัวยกลังใบใหญ่ขึ้นมาอย่างง่ายดาย
เถ้าแก่ “…”
เด็กสาวที่ดูอายุสิบห้าสิบหกทำไมแรงเยอะได้ขนาดนี้!
“แม่หนู ออกจากร้านไปก็อย่าเที่ยวบอกคนอื่นว่าจ่ายเงินซื้อของไปเท่าไร ระหว่างทางระวังตัวด้วยนะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะเถ้าแก่ ไปก่อนนะคะ”
“บ๊ายบาย ไว้มาอุดหนุนใหม่นะ”
“ค่ะ”
แล้วจะมาใหม่!
กำไรสุดๆ !
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่กำไรยกใหญ่ แต่เป็นของเก่าที่ได้มาพวกนี้