อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 172 มันควรส่งไปรษณีย์เหรอ
ตอนที่ 172 มันควรส่งไปรษณีย์เหรอ
มู่เถาเยากินอาหารเช้าเสร็จแล้ว แต่อาจารย์อาเล็กยังไม่อยากปล่อยหนังสือในมือ
“อาจารย์อาเล็กคะ ไม่งั้นอาจารย์อาเล็กอยู่อ่านหนังสือที่บ้าน หรือไม่ก็เอาไปอ่านที่ห้องทำงานดีไหมคะ”
“ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า เสี่ยวเยาเยาเอากระเป๋ามาใส่หนังสือเล่มนี้ที เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลก็กลับมหาวิทยาลัยเลย”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาเดินขึ้นชั้นบนไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างกับกล่องยาใบเล็กลงมา เก็บหนังสือที่อาจารย์อาเล็กอ่านค้างไว้ลงกระเป๋า
“เสี่ยวเยาเยา แบบนี้ปลอดภัยเหรอ กระเป๋าหนูไม่มีซิป มันจะตกหล่นไหม”
“ไม่หรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะอาจารย์อาเล็ก”
“เสี่ยวเยาเยา ของพวกนี้ยังไม่ได้เก็บซ่อนให้ดีเลยนะ!”
“…งั้นหนูหอบไปไว้ในห้องหนังสือก่อน”
“ในบ้านมีตู้เซฟไหม หรือซ่อนไว้ใต้เตียงดี”
มู่เถาเยา “…อาจารย์อาเล็ก ไม่มีขโมยหรอกค่ะ”
“นี่มันของที่ประเมินค่าไม่ได้เลยนะ จะวางส่งเดชไม่ได้ ไม่งั้นพวกเราขนไปไว้ที่บ้านตระกูลตี้ก่อน จากนั้นค่อยไปโรงพยาบาล”
“อย่าเพิ่งขนเลยค่ะ กลับมาค่อยส่งไปรษณีย์ให้อาจารย์ใหญ่ส่วนหนึ่ง”
“เสี่ยวเยาเยา!”
อาจารย์อาเล็กรับไม่ได้ที่กระทำต่อของล้ำค่าแบบนี้
“คะ?”
“จะส่งไปรษณีย์ได้ยังไง! นี่มันของล้ำค่าเลยนะ! ส่งไปรษณีย์มันคู่ควรแล้วเหรอ!”
มู่เถาเยา “…”
ต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ
“เธอบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ของอาจารย์จะมาเมืองเย่ว์ตูอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ ขากลับค่อยหาบอดี้การ์ดชุดหนึ่งคุ้มกันเขากับหนังสือกลับไปก็พอ ส่งไปรษณีย์ไม่ได้!”
มู่เถาเยามุมปากกระตุก
“อาจารย์อาเล็กไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ได้ไหมคะ”
“แบบนี้เรียกเล่นใหญ่เหรอ เสี่ยวเยาเยา หนังสือพวกนี้มันประเมินราคาไม่ได้…” บลาๆๆ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
มู่เถาเยาจำต้องเตือนอธิการบดีเจียงที่เทศนาชุดใหญ่ไม่หยุด “อาจารย์อาเล็กคะ พวกเราควรออกจากบ้านได้แล้วนะคะ”
“เอ่อ…ก็ได้ เสี่ยวเยาเยา เข้าใจแล้วใช่ไหม ห้ามส่งไปรษณีย์!”
“ค่ะ หนูจะขนไปไว้ชั้นบนก่อน กลับมาค่อยจัดการ”
อาจารย์อาเล็กร้อนใจกระทืบเท้า
“เสี่ยวเยาเยา จริงจังหน่อย! ห้ามใช้คำว่า ‘จัดการ’ กับของล้ำค่า!”
ใบหน้าแดงระเรื่อของมู่เถาเยาแทบเป็นตะคริว
เธอย่อตัวนั่งลง เก็บของลงลังกระดาษใบใหญ่ทีละชิ้น
“เอ๊ะๆๆ เสี่ยวเยาเยา เอาของเส็งเคร็งพวกนี้วางทับของล้ำค่าได้ยังไง!”
มู่เถาเยา “…ก็หนูขนมันกลับมาแบบนี้”
อาจารย์อาเล็กเจ็บปวดใจ
“เด็กคนนี้ไม่ให้ความเคารพพวกมันเลย! เสี่ยวเยาเยา อาจารย์…” บลาๆๆ ไม่จบไม่สิ้น
มู่เถาเยานึกถึงความทรหดในการสวดมนต์ของอาจารย์ใหญ่เมื่อก่อนนี้ ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์อาเล็กจะสวดเก่งได้ขนาดนี้
อย่างไรเสียอาจารย์ใหญ่ก็เลี้ยงอาจารย์อาเล็กมาจนโต!
อยู่ใกล้คนแบบไหนก็เป็นคนแบบนั้น!
“เอาล่ะ หนูไม่ทับพวกมันแล้วค่ะ” ยอมแล้ว
มู่เถาเยาจะหอบหนังสือขึ้นไปก่อน จากนั้นค่อยลงมาเอาพวกเครื่องสัมฤทธิ์
อาจารย์อาเล็กอุ้มเตาสี่ขาพร้อมฝาปิดเดินตามขึ้นชั้นบน
“เสี่ยวเยาเยา ซ่อนไว้ใต้เตียงดีกว่า”
“อาจารย์อาเล็กคะ วางในห้องหนังสือตามปกติก็พอแล้วค่ะ ถ้ามีขโมยจริง ซ่อนไว้ใต้เตียงไม่เท่ากับบอกว่าตรงนี้มีของล้ำค่าเหรอคะ”
อาจารย์อาเล็กอึ้ง
ดูเหมือนเสี่ยวเยาเยาจะพูดมีเหตุผล
“งั้น…วางไว้ในห้องหนังสือเหรอ”
“ค่ะ วางธรรมดานี่แหละค่ะ ขโมยเห็นเข้าคงไม่อยากยุ่งกับหนังสือเก่าหรอกค่ะ หนำซ้ำยังจะเตะเพราะเกะกะขวางทาง”
“ของล้ำค่าจะปล่อยให้ถูกเตะไม่ได้! เสี่ยวเยาเยา รีบจัดหาที่ทางเร็วเข้า”
“…อาจารย์อาเล็ก ไม่มีโจรหรอกค่ะ หนูแค่ยกตัวอย่าง”
มู่เถาเยามุมปากกระตุกต่อเนื่องอย่างอดไม่ได้
“แต่ว่า…”
“อาจารย์อาเล็กคะ งั้นอาจารย์เลือกที่เองเลยค่ะ หนูจะลงไปขนพวกเครื่องสัมฤทธิ์ขึ้นมา”
“ของเส็งเคร็งพวกนั้นวางกองไว้ที่นั่นแหละ กลับมาค่อยจัดการ”
“…”
นั่นไม่ใช่ของเส็งเคร็งเสียหน่อย! ของโบราณเชียวนะ!
เถ้าแก่ไม่รู้ว่าเป็นของดีเพราะสมัยโบราณไม่มี ‘แองกรี้เบิร์ด’ และก็ไม่มีใครเอา ‘หมา’ มาทำหน้ากาก
เด็กผู้หญิงปิดปาก เด็กผู้ชายทำท่ายิงปืน มันก็ดูไม่เหมือนของโบราณจริงๆ
ท่าทีของอาจารย์อาเล็กที่มีต่อของสองสิ่งนี้ทำให้มู่เถาเยาไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว
ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องของโบราณ แต่เป็นเพราะของโบราณพวกนี้เมื่อเทียบกับหนังสือเก่า มันแทบสู้กันไม่ได้เลย!
ในบรรดาหนังสือเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ตำราทางการแพทย์ ยังมีพวกตำราอาหารและอื่นๆ ด้วย
ทั้งหมดเป็นหนังสือโบราณที่ประเมินราคาไม่ได้!
“เสี่ยวเยาเยา อาจารย์ว่าย้ายลังไปที่ข้างชั้นหนังสือดีไหม มันจะดูจงใจไปหน่อยหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ หนูว่าดีเลยนะคะ”
“งั้นก็ได้”
อาจารย์อาเล็กเอาเตาสี่ขาสภาพน่าเกลียดในมือวางทิ้งไว้ด้านหนึ่งแล้วไปย้ายลัง
มู่เถาเยารีบอุ้มเตาสี่ขาขึ้นมาแล้วไปวางอีกด้านของชั้นหนังสือ เดี๋ยวกลับมาค่อยหาที่วางใหม่
นี่เป็นของที่จะเอาไปให้อาจารย์ใหญ่
ไว้วันไหนว่างค่อยไปเมืองโบราณอีกครั้ง หาของดีส่งไปให้อาจารย์เล็กกับอาจารย์แม่
“เสี่ยวเยาเยา เสร็จแล้ว พวกเราออกจากบ้านกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ของหนูคงใกล้โทรตามแล้ว”
ตอนนี้สิบเอ็ดโมงแล้ว พอพวกเขาไปถึง คนในครอบครัวเฉิงน่าจะตรวจสุขภาพกันเสร็จพอดี
“ค่ะ หนูก็จะเอาหนังสือไปให้ศิษย์พี่ใหญ่อ่านด้วย”
“อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ศิษย์พี่ใหญ่ของหนูคงไม่มีอารมณ์อยากอ่านเท่าไร”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนลงไปพร้อมกัน
ล็อกบ้านแล้วออกไป
อาจารย์อาเล็กขับรถไม่ช้าไม่เร็ว ขับนิ่มมาก
“เสี่ยวเยาเยา ไว้วันไหนพวกเราเรียกศิษย์พี่ใหญ่ของหนูกับอันนั่วไปเดินเล่นที่เมืองโบราณกัน”
มู่เถาเยาหยีตาใส่
“อาจารย์อาเล็กคะ อยากเจอของดีต้องอาศัยดวงด้วยนะคะ”
“อาจารย์รู้ ก็มีหนูอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ หนูดวงดี ต้องหาของดีเจออีกแน่ จริงสิ พรุ่งนี้พวกเราจะไปเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ งั้นก็หาเวลาว่างสักครึ่งวันไปเดินเล่นเมืองโบราณอันดับหนึ่งของประเทศเหยียนหวงแล้วกัน!”
“อาจารย์อาเล็กอยากไปงั้นพวกเราก็ไปกันค่ะ”
“เยี่ยมเลย!”
อาจารย์อาเล็กดีใจเหมือนเก็บได้ของดีชิ้นใหญ่ขึ้นมาทันที!
“อาจารย์อาเล็กคะ พวกเราพาเสี่ยวเหมียนไปด้วยสิคะ น้องใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว จะได้ผ่อนคลายบ้าง”
“เอาสิ ผลการเรียนของเสี่ยวเหมียนใช้ได้ น่าจะสอบติดวิทยาลัยวิจิตรศิลป์อันดับหนึ่งได้ไม่ยาก”
“ได้แน่นอนค่ะ สุดสัปดาห์นี้อาสะใภ้เล็กกลับมาใช่ไหมคะ”
“ใช่ พรุ่งนี้แสดงรอบสุดท้ายที่ฮอลล์ดนตรี”
“งั้นไว้เดี๋ยวเรากลับมาด้วยกัน หนูคิดถึงอาสะใภ้เล็กกับพี่สะใภ้แล้วค่ะ”
“อืม สองคนนั้นก็คงคิดถึงหนูเหมือนกัน”
มู่เถาเยาฉีกยิ้ม
“เสี่ยวเยาเยา หนูเคยขี่ม้าแค่ที่หมู่บ้านเถาหยวน ตอนนี้งานยุ่งขนาดนี้ ไม่มีเวลาไปฝึก อาศัยแค่ฝึกตอนหลังเรียนจบจะคว้าเหรียญทองมาได้เหรอ”
“ได้ค่ะ”
เธอไม่จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะขี่ม้า แค่พาม้าของตัวเองทำตามกฎการแข่งขันก็พอ ไม่ต้องใช้เวลามาก
แต่พวกกีฬาอย่างอื่น เช่น เรือใบ กลับต้องใช้เวลามากหน่อย
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราทำให้เต็มที่ก็พอ อย่ากดดันตัวเองเลยนะ”
“ค่ะ” ไม่กดดันเลยสักนิด
“เสี่ยวเยาเยา หลังจากเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกระดับโลกในสี่ปีหน้าเสร็จ หนูคิดจะทำอะไรต่อ ไปอยู่ไหน กลับเผ่าหมาป่าพระจันทร์เหรอ”
“ยังไม่ได้วางแผนเลยค่ะ ไว้ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน ยังไม่รู้ว่าพอถึงตอนนั้นตี้อู๋เปียนจะหายดีหรือยัง”
“อืม หวังว่าจะหาหญ้าพิษชีวิตเจอในไม่กี่ปีนี้ หรือดอกไม้สองชีวิตก็ยังดี อู๋เปียนป่วยมาสิบกว่าปี เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ! ทำไมโลกนี้ถึงได้มีโรคประหลาดแบบนี้ด้วย”
มู่เถาเยายิ้ม
เรื่องที่น่าประหลาดกว่านี้ยังมีเลย เช่น ทะลุมิติข้ามกาลเวลา