อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 208 พูดภาษาคน
ตอนที่ 208 พูดภาษาคน
หลังอาหารเย็น ทุกคนนั่งเล่นที่ห้องรับแขกประมาณครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายกันไปเดินเล่น
มู่เถาเยาจูงม้าออกไปเดิน เสี่ยวเฮยเฮยวิ่งนำหน้าสุดอย่างสนุกสนาน
เจ้าถุงลมน้อยย่อมอยากตามไปด้วย
ตี้อู๋เปียนก็ตามไป จากนั้นระหว่างทางเจอมู่ซือจิ่น เหลียงจี ไป๋เฮ่าอวี๋ เยี่ยอิ่ง เฉิงซิ่น…ก็เลยกลายเป็นขบวนพาม้าออกไปเดินเล่น
ราชาม้าป่ารำคาญคนเหล่านี้มาก
นอกจากซาลาเปาน้อยทั้งสองแล้ว คนอื่นๆ เห็นแล้วขัดหูขัดตา!
มู่เถาเยาตบราชาม้าป่าเบาๆ ด้วยความรู้สึกขำ
“เกาหม่า ทำความเคยชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ซะนะ บางทีวันหนึ่งฉันอาจเอานายไปอยู่ที่โรงเลี้ยงม้า”
พอมันแก่ตัวลงจะเอามันไปปล่อยที่โรงเลี้ยงม้า แต่ก็ต้องดูความยินยอมของมันด้วย
“ซาลาเปาน้อย ทำไมราชาม้าป่าถึงแซ่เกา แซ่มู่หรือแซ่หม่าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ” ตี้อู๋เปียนแปลกใจกับชื่อนี้
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ “ก็เกาหม่าที่มาจากเกาแปลว่าสูง หม่าก็ม้าไง เข้าใจง่ายจะตาย”
ตี้อู๋เปียน “…”
ทุกคน “…”
“เสี่ยวเซวี่ยใช่มาจากคำว่าหิมะหรือเปล่า” ตี้อู๋เปียนเริ่มสงสัยชื่อที่ตัวเองเข้าใจว่าหมายถึงหิมะก่อนหน้านี้
เพราะเป็นแม่ม้า พอเธอเรียกเสี่ยว ‘เซวี่ย’ เขาก็นึกถึงคำว่า ‘หิมะ’ ก่อน
แม้จะไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่เป็นม้าสีน้ำตาลแดง แต่ทำไมกลับมีชื่อเป็นหิมะ
“ไม่ใช่ เซวี่ยที่แปลว่าเลือด ตี้อู๋เปียน มันเป็นม้าอัคคัลทีคเหงื่อสีเลือด ก็ต้องใช้คำว่าเลือดสิ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่ม้าขาว ทำไมต้องเรียกชื่อหิมะด้วย”
ตี้อู๋เปียน “…”
ไป๋เฮ่าอวี๋ “คุณหมอเทวดา งั้นเสี่ยวเหยี่ยล่ะ เพราะนิสัยมันป่าเถื่อนเหรอ”
“ถูกต้อง”
ทุกคน “…”
“พี่สาว อันเหยี่ยอยากขี่ม้าม้า”
“อันเหยี่ยจ๊ะ ไม่ได้เอาอานม้ามาด้วย นั่งแบบนี้ไม่ปลอดภัย ไว้วันหลังจะให้อาจารย์หลินของหนูเลือกม้าที่เชื่องหน่อยมาให้หนูขี่ดีไหม”
อาจารย์หลินที่ว่านี้ก็คือหลินเหอเฟิงศิษย์หลานของมู่เถาเยา ลูกชายของศิษย์พี่สาม ยังไม่แต่งงาน มีไหวพริบมากที่สุด ไม่คัดค้านการเข้าสู่โลกปุถุชน
ตอนนั้นที่มู่เถาเยาขอคนจากบรรดาลูกศิษย์อาจารย์ซย่าโหว คนที่ตอบรับมาเป็นคนแรกคือเขากับน้องสาวที่ชื่อหลินซี่อวี่
“อันเหยี่ยอยากขี่ม้าม้าสีดำตัวนี้ มันสวยมาก!” มือของเจ้าถุงลมน้อยชี้ราชาม้าป่า
“อันเหยี่ยตาแหลมมาก! เกาหม่าเป็นราชาม้าป่าที่สวยที่สุดเก่งที่สุดในโลก!”
ม้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดในความคิดของมู่เถาเยาคือราชาม้าป่า
เพราะสีผิวของมันเหมือนจี๋เฟิงม้าศึกของเธอในชาติที่แล้วมาก แน่นอนว่าก็เก่งในระดับเดียวกัน
อันตรายของราชาม้าป่าในเขตป่าชั้นในไม่น้อยไปกว่าอันตรายที่จี๋เฟิงต้องเจอในสนามรบ ผ่านสนามรบมามากมายเหมือนกัน
ถ้าพูดถึงแค่ความเร็ว จี๋เฟิงสู้ราชาม้าป่าไม่ได้แน่นอน อย่างไรเสียสัตว์กับพืชในเขตป่าชั้นในก็โหดกว่าปกติทั้งนั้น
“พี่สาว งั้นอันเหยี่ยขอลองลูบมันก่อนได้ไหม”
ดวงตาเจ้าถุงลมน้อยก็เหมือนพวกผู้ใหญ่ที่จ้องราชาม้าป่าตาเป็นมัน
“ได้จ้ะ”
มู่เถาเยาอุ้มเด็กน้อยขึ้นสูงเพื่อให้ลูบหลังม้า
เจ้าถุงลมน้อยหัวเราะ สีหน้าตื่นเต้นและดีใจดุจแสงยามเย็นที่ลอดผ่านชั้นเมฆลงมา ชวนให้พลอยเบิกบานไปด้วย
“อาเล็กก็มาลูบเกาหม่าด้วยสิ”
ตี้อู๋เปียน “ไม่เอา อาไม่ได้ชอบม้า”
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบม้า แต่เป็นเพราะราชาม้าป่าดูไม่ชอบเขาอย่างเห็นได้ชัด
เขากลัวว่าถ้าเข้าไปมันจะดีดขาหลังใส่
แบบนั้นได้ขายหน้ากันไปใหญ่!
เจ้าถุงลมน้อยได้ฟังก็ทำตาโต “ทำไมอาเล็กไม่ชอบม้าม้า มันออกจะสวย!”
“ตี้อันเหยี่ย ดูม้าแค่…รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้นะ”
เจ้าถุงลมน้อยไม่เข้าใจ
ตี้อู๋เปียนขี้เกียจอธิบายกับเด็กน้อย
“ซาลาเปาน้อย อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวของอันเหยี่ยต่อไปต้องตามไปเย่ว์ตูหรือไม่ก็เมืองหลวงด้วยนะ”
เนื่องจากตระกูลซย่าโหวเป็นตระกูลที่เก็บตัว ตี้อู๋เปียนจึงเตือนขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดบางอย่างให้มู่เถาเยาเป็นคนพูดจะดีกว่า
“อืม อาจารย์เล็กน่าจะบอกศิษย์หลานเหอเฟิงก่อนแล้ว วางใจได้ เหอเฟิงไม่ได้ต่อต้านการเข้าสู่โลกปุถุชน เขาบอกว่า คนเราต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์”
“ได้”
“ตี้อู๋เปียน อีกหน่อยช่วยแนะนำผู้หญิงให้ศิษย์หลานฉันหน่อย ดูว่ามีที่เหมาะสมไหม ศิษย์พี่สามกับพี่สะใภ้สามของฉันร้อนใจน่าดู”
“…ซาลาเปาน้อย ศิษย์หลานของเธอเพิ่งยี่สิบห้าเองนะ…”
“ก็ใช่น่ะสิ มีปัญหาตรงไหน ยี่สิบห้าหาแฟนแต่งงานไม่ได้เหรอ”
“…เปล่า ฉันแค่คิดว่าเขาอายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น…”
“คุณอย่าเดาความคิดของผู้ใหญ่เลยจะดีกว่า”
“…ก็ได้ ฉันจะดูๆ ให้ ซาลาเปาน้อย คำเรียกนี้มันออกจะยุ่งเหยิงไปหน่อย…”
“ไม่เป็นไร อยากเรียกอะไรก็เรียก อีกอย่าง เสี่ยวอันเหยี่ยยังไม่ได้คำนับขอเป็นลูกศิษย์เลยนะ”
“อืม”
“พี่สาวๆๆ…”
“ทำไมเหรออันเหยี่ย”
เด็กน้อยดวงตาเป็นประกายมองมู่เถาเยา “อันเหยี่ยมีอาจารย์แล้ว ต่อไปก็จะเก่งเหมือนพี่สาว!”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนขยี้ผมของเด็กน้อย “มันแน่อยู่แล้ว อันเหยี่ยของพวกเราต้องเป็นเด็กที่เก่งที่สุดแน่นอน”
ตี้อู๋เปียน “…”
ซาลาเปาน้อยเอาใจเด็กเก่งมาก!
เขาก็อยากถูกเธอเอาใจแบบนี้บ้าง!
พอนึกถึงตรงนี้ หางตาของตี้อู๋เปียนก็เริ่มแดง ไฝแดงตรงหว่างคิ้วยิ่งเด่นชัด
พวกมู่เถาเยาพาม้ากับสุนัขไปเดินเล่นหนึ่งชั่วโมงก็กลับเข้าบ้าน
เสี่ยวเหยี่ยเศร้า กัดชายเสื้อของเธอไม่ยอมให้ไป
“เสี่ยวเหยี่ยเด็กดี ฉันพักอยู่ข้างๆ นี่เอง”
ทันใดนั้นตี้อู๋เปียนก็พูดขึ้น “เสี่ยวเหยี่ย ซาลาเปาน้อยเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ปล่อยเธอไปพักผ่อนเถอะนะ”
ม้าทั้งสามตัวหันมองตี้อู๋เปียนพร้อมกัน
ทำไมพวกมันถึงเข้าใจภาษามนุษย์ผู้นี้
ตี้อู๋เปียนดึงชายเสื้อของมู่เถาเยาออกจากปากของเสี่ยวเหยี่ย
“ซาลาเปาน้อย เธอเข้าไปก่อน ฉันขอคุยกับพวกมันหน่อย”
มู่เถาเยาอึ้งไปชั่วขณะ “…คุณแน่ใจเหรอว่าพวกมันอยากคุยกับคุณ”
“ต้องอยากอยู่แล้ว!”
“ก็ได้”
มู่เถาเยาลูบม้าทั้งสามเรียงตัว “อย่ารังแกตี้อู๋เปียนนะ เขาสุขภาพไม่ดี แถมป้องกันตัวไม่ได้ สู้แรงม้าไม่ไหวหรอก”
ตี้อู๋เปียน “…” แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่พอซาลาเปาน้อยพูดออกมาเขากลับรู้สึกขายหน้า!
“เอาล่ะ ฉันกับอันเหยี่ยจะเข้าไปก่อน เดี๋ยวคุณออกมาอย่าลืมปิดประตูให้ดีด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
“อืม”
หลังจากตี้อู๋เปียนเห็นมู่เถาเยาจูงเจ้าถุงลมน้อยออกไปแล้วก็หันกลับมา
ม้าทั้งสามตัวยังมองเขาอยู่
“ราชาม้าป่า ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมไปทางตะวันออกกับตะวันตกไม่ได้ แล้วถ้าเดินไปทางเหนือไกลหน่อยจะมีอะไร”
ราชาม้าป่ายังคงจ้องตี้อู๋เปียน
ต่อให้สติปัญญาสูงขนาดไหน มันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงสื่อสารกับพวกมันได้
คนคนนี้พูดภาษามนุษย์ ทำไมมันถึงฟังเข้าใจ แต่เสี่ยวเยาเยากลับไม่เหมือนกัน งงหนักมาก…
“เกาหม่า ฉันสื่อสารกับสัตว์และพืชได้ตั้งแต่เด็กแล้ว”
คำพูดนี้เขาเข้าไปกระซิบข้างหูราชาม้าป่า
คนที่ฝึกวิทยายุทธจะหูไว เขาต้องระวังหน่อย
“เกาหม่า เล่าให้ฟังหน่อยสิ สถานที่ที่ฝูงม้าของพวกแกไปบ่อยกับไม่กล้าไป ซาลาเปาน้อยชอบไปเขตป่าชั้นใน ฉันอยากให้เธอเลี่ยงอันตรายทั้งหมดได้”
ตอนนี้ความสนใจของเสี่ยวฉยงฮวาอยู่ที่หมอลู่เป็นหลัก ดูไม่ทั่วถึงทั้งป่าเซียนโหยว
ราชาม้าป่า “แกเป็นตัวอะไร ทำไมเข้าใจภาษาของม้าอย่างพวกเราด้วย”
“…ฉันเป็นคน ส่วนที่ว่าทำไม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเพราะเมื่อชาติก่อนฉันกอบกู้โลกไว้ สวรรค์เลยเอ็นดูเป็นพิเศษหรือเปล่า หรือไม่ก็ฉันไปทำลายดินแดนไหนไว้ สวรรค์ก็เลยลงโทษ” ไม่อย่างนั้นทำไมถึงสุขภาพไม่ดี
“แกเป็นอะไรกับเธอ”
ตี้อู๋เปียนเหลือบมองม้าอัคคัลทีคที่อยู่ด้านข้าง
ราชาม้าป่าเดินเข้าไป เอาร่างสูงใหญ่ของตัวเองบังแม่ม้ามิด
ตี้อู๋เปียน “…”
ม้าเฮงซวยตัวนี้หมายความว่าไง
หรือมันคิดว่าเขาจะมาแย่งเมียมัน
ประสาทไปกันใหญ่แล้ว!