อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 215 ผู้จัดการส่วนตัวมือฉมัง
ตอนที่ 215 ผู้จัดการส่วนตัวมือฉมัง
อวิ๋นสุ่ยเหยามองมู่หว่านที่อยู่ข้างๆ
มู่หว่าน “เหยาเหยามองพี่ทำไมเหรอ คนที่เสี่ยวเยาเยาไม่รู้จักพี่จะรู้จักเหรอ”
“ปิดเป็นความลับก่อน! เดี๋ยวอาเล็กพาผู้หญิงคนนั้นมากินข้าวเย็นด้วยทุกคนก็จะได้รู้จักแล้ว!”
มู่เถาเยาฉลาดขนาดนี้ แค่ดูสายตาของอวิ๋นสุ่ยเหยาก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนที่มาด้วยเป็นใคร
ตี้อู๋เปียนทำงานเร็วจริง!
ป้าสะใภ้อวิ๋นก็ประสิทธิภาพสูงมาก!
ก็แค่ไม่รู้ว่าผู้จัดการส่วนตัวมือฉมังคนนี้จะอยากปั้นเด็กใหม่หรือเปล่า หรือมาแค่เพราะเห็นแก่หน้าของราชินีภาพยนตร์หยางคุณนายเศรษฐี
“อืม พี่เหลียงจีทำกับข้าวอยู่เหรอ”
มู่หว่านพยักหน้า “ใช่แล้ว พี่เหลียงจีกำลังทำกับข้าว แต่ไม่ยอมให้พวกเราไปช่วยในครัว”
“เพราะเห็นว่าพวกเธอเพิ่งสอบเสร็จต่างหาก ไว้วันอื่นค่อยเริ่มเรียนเถอะ”
เด็กสาวทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน
ทุกคนพากันเดินเข้าบ้านแล้วไปที่ห้องครัว
“เสี่ยวเยาเยากลับมาแล้ว รอเดี๋ยวกับข้าวก็เสร็จแล้วนะ”
มู่เถาเยา “งั้นฉันเอากล่องยาไปเก็บข้างบนก่อน”
เจียงเฟิงเหมียน “ฉันจะไปจัดโต๊ะ”
อวิ๋นสุ่ยเหยา “ฉันจะโทรเรียกพวกอาเล็ก”
พอพูดจบเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
“พวกอาเล็กมาแล้วแน่เลย ฉันไปเปิดประตูเอง”
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม”
เหลียงจียิ้มพูด “พวกเธอก็ออกไปเถอะ พี่ยังต้องดูไฟ เดี๋ยวค่อยออกไปเจอแขก”
“โอเค”
มู่เถาเยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน เดินออกจากห้องครัวตามหลังอวิ๋นสุ่ยเหยา
“อาเล็ก อาซาน”
อวิ๋นสุ่ยเหยาทักทายชายหญิงที่อยู่หน้าประตูด้วยความดีใจ
พวกมู่เถาเยาสามคนก็เข้าไปทักทายแขก
น้าเล็กอวิ๋นยิ้มหน้าบาน
อวิ๋นสุ่ยเหยา “อาซานคะ นี่พี่เยาเยา พี่เสี่ยวหว่าน และก็เสี่ยวเหมียน เพื่อนๆ หนูค่ะ”
“จ้ะ สวัสดีทุกคนจ้ะ”
ฉือซานไล่ยิ้มพยักหน้าให้ทีละคน สีหน้าอ่อนโยน คนไม่รู้อาจคิดว่าเธอเป็นคุณครูหรือทำงานเป็นเสมียน
ใครจะไปคิดว่าคนที่มีลักษณะภายนอกอ่อนโยนใจดีแบบนี้จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือฉมังที่เก่งมาก
นับตั้งแต่เธอเข้าวงการจวบจนทุกวันนี้ปั้นราชินีภาพยนตร์มาแล้วสามคน และก็ดูแลแค่สามคนนี้
คนแรกผันตัวไปเป็นผู้กำกับ คนที่สองผันตัวไปเป็นนักเขียนบท คนที่สามก็คือราชินีภาพยนตร์หยาง ซึ่งพักงานออกจากวงการไปแล้ว
มู่เถาเยายิ้มพูด “เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน หลบหน่อย เชิญน้าเล็กกับอาซานเข้าไปนั่งในบ้านก่อน”
เจียงเฟิงเหมียนเกาหัวด้วยความเขินอาย “จริงด้วย พวกเรายืนขวางประตูอยู่”
มู่หว่านดึงเจียงเฟิงเหมียนให้หลบข้าง เชิญแขกทั้งสองคนเข้าบ้าน
ฉือซานมองสำรวจเด็กสาวทั้งสามคนแบบไม่ให้สังเกตเห็น
มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนไปชงชา
มู่เถาเยามองฉือซานอยู่ตลอด
ฉือซานถาม “เสี่ยวเยาเยา อาดูผิดปกติเหรอจ๊ะ”
“นิดหน่อยค่ะอาซาน”
“นิดหน่อยเหรอ”
ไม่สิ มากเลยล่ะ! ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้!
มีดาราตั้งเท่าไรที่อยากให้เธอดูแล ถึงกับต้องวิ่งมาหาเด็กสาวที่ไม่มีประสบการณ์งานแสดง หรือแม้กระทั่งไม่เคยคลุกคลีกับวงการบันเทิงเลยเหรอ
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกค่ะ”
“รักษาได้ไหม”
“ไม่ยากค่ะ หายได้ภายในสามเดือน”
สีหน้าของฉือซานเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที
มู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียนกระจ่าง ที่แท้ก็เจ็บป่วย!
อวิ๋นสุ่ยเหยาอึ้งอยู่สักพักถึงตอบสนอง
“เสี่ยวเยาเยา อาซานเป็นอะไรเหรอ เห็นแข็งแรงมาตลอด”
“ปัญหาเล็ก รักษาตัวไม่นานก็หาย แต่ถ้าทิ้งไว้ต่อจะไม่เป็นการดี”
อวิ๋นสุ่ยเหยาขมวดคิ้วพูด “จำได้ว่าตอนตรวจสุขภาพประจำปีอาซานกับอาเขยก็ไปตรวจด้วย ไม่ผิดปกติอะไรเลย! อาซานไม่สบายตรงไหนเหรอคะ”
ฉือซานลูบศีรษะอวิ๋นสุ่ยเหยาที่มีสีหน้าเป็นห่วง “อาไม่รู้สึกผิดปกติอะไรจ้ะ ถ้าไม่รู้ว่ามีปัญหา อาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองป่วยหรอกจ้ะ”
“พี่เยาเยา อาซานเป็นอะไรเหรอ”
“มีพิษสะสมในร่างกาย”
อวิ๋นสุ่ยเหยาร้องด้วยความตกใจ “อาซานถูกพิษ! ใครวางยาอาคะ”
“ไม่ใช่พิษแบบนั้น แต่เป็นพวกสารพิษตกค้างที่สะสมน่ะ”
“แต่อาซานสุขภาพแข็งแรงมาก ไม่ได้กินยา ทำไมถึงมีพิษตกค้างสะสมได้ล่ะ”
ฉือซาน “เหยาเหยา อาเคยกินยาอยู่หลายปี ยาที่ช่วยให้ตั้งครรภ์กับยานอนหลับจ้ะ”
อวิ๋นสุ่ยเหยาทำหน้าอึ้งแล้วถามต่อ “อาซานกับอาเขยบอกว่าไม่อยากมีลูกแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงกินยาช่วยให้ตั้งครรภ์ล่ะ แล้วยานอนหลับมันอะไรกัน”
“บอกกับคนนอกว่าไม่อยากมีลูกแล้ว เพราะอากับอาเขยของหนูตรวจสุขภาพไม่พบความผิดปกติ แต่ลูกก็ไม่มาสักที เปลี่ยนหลายโรงพยาบาลก็บอกว่าพวกเราแข็งแรงดี”
อวิ๋นสุ่ยเหยาหันไปมองมู่เถาเยา
“วางใจได้ค่ะ ขับสารพิษตกค้างออกหมด รักษาตัวสองสามเดือนก็หายดีค่ะ แต่หนูไม่เคยเจออาเขย ไม่รู้ว่าสุขภาพเป็นยังไง ยังไงเรื่องมีลูกก็เป็นเรื่องของสองคน”
“งั้นเดี๋ยวอาเรียกเขามาพรุ่งนี้นะ”
ฉือซานรีบโทรหาสามีให้ซื้อตั๋วเครื่องบินมาทันที
พวกเขาแต่งงานตอนอายุสามสิบ รอมาสิบกว่าปีลูกก็ยังไม่มาเกิดสักคน ถ้าไม่ใช่เพราะชิงเฉวียนบอกให้มาอาจมีเซอร์ไพรส์ เธอก็คงถอดใจไปแล้ว
ตอนนี้เห็นความหวังแล้วจะไม่รีบได้เหรอ
เหลียงจีออกจากห้องครัวมาตามทุกคนกินข้าว
อวิ๋นสุ่ยเหยาจึงแนะนำแขกให้รู้จักอีกครั้ง
ทุกคนย้ายไปที่ห้องอาหาร
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา อาสาไปตักซุปให้ทุกคน
“อาซานคะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จหนูตรวจชีพจรให้นะคะ”
เหลียงจี “อาซานป่วยเหรอ”
ภายนอกดูปกติดี มองไม่ออกเลยสักนิดว่าป่วย
ฉือซานอธิบายให้ทุกคนฟัง “อากับสวีจิงเทาอายุเท่ากัน แต่งงานกันตอนอายุสามสิบ ตอนนี้สี่สิบสามแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีลูก…ช่วงปีแรกๆ ที่แต่งงานกันก็ไม่รีบอะไร แต่พอพ้นอายุสามสิบห้าก็อยากมีลูกแล้ว แต่ทำยังไงก็ไม่ท้องสักที…”
ฉือซานถอนหายใจแล้วพูดต่อ “…ต่อมาพวกเราสองคนเริ่มไปหาหมอ แต่ก็ตรวจไม่เจอโรคอะไร…พอเห็นสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย อาก็ร้อนใจมาก เริ่มกินยาสารพัดที่เชื่อว่าช่วยให้ตั้งท้องได้ ปรากฏว่า…ก็ยังไม่ได้ผล พอเครียดมากก็นอนไม่หลับ ต่อมาหนักเข้าถึงขั้นที่ไม่กินยาก็นอนไม่หลับแล้ว…”
มู่เถาเยาพยักหน้า “โรคมีบุตรยากเกิดจากหลายปัจจัยค่ะ ถ้าตัดเรื่องปัญหาสุขภาพส่วนตัวออก ความเครียดก็ทำให้ท้องยากเหมือนกัน มีพิษตกค้างในร่างกายก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยง…”
“…สังคมของพวกเราสมัยนี้มีมลพิษรุนแรงหลายชนิด อากาศปนเปื้อน ทำให้เป็นโรคหลอดลมเรื้อรัง…เนื้อสัตว์ที่พวกเรากินก็อาจถูกฉีดสารเคมี ผลไม้ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง…”
มือของทุกคนที่ยื่นออกไปคีบกับข้าวถึงกับหดกลับในทันที วางตะเกียบลงพร้อมกัน
แต่ไม่มีผลต่อมู่เถาเยาแม้แต่น้อย เธอซดน้ำซุปหนึ่งคำแล้วพูดต่อ “คิดดูนะคะ บนโรคนี้มีโรคตั้งมากมายที่รักษาไม่หายขาดด้วยวิทยาการแพทย์สมัยนี้ แต่บางโรคกลับหายได้เองโดยไม่ใช้ยา ดังนั้นจะมีโรคที่เครื่องมือตรวจไม่พบบ้างก็ไม่แปลกอะไร เช่น ภาวะพร่องสุขภาพ หรืออาการอย่างอาซาน ก็พบได้ไม่น้อยเหมือนกัน…”
ทุกคนฟังแล้วก็เริ่มอิน แม้แต่น้าเล็กอวิ๋นก็เช่นกัน
พอได้ฟังมู่เถาเยาพูด ฉือซานก็เหมือนได้ชีวิตใหม่ รู้สึกสดชื่นขึ้นอีกครั้ง
“เสี่ยวเยาเยา หนูไม่รู้หรอกว่าการที่อาไม่ท้องสักทีสร้างความรู้สึกผิดให้ตัวเองขนาดไหน…” เธอได้ระบายออกมาบ้างแล้ว
ตอนต่อไป