อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 226 ใช้วิธีโบราณทำพิษ
ตอนที่ 226 ใช้วิธีโบราณทำพิษ
กลับเข้ามาในห้อง ศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่นๆ กำลังกระซิบคุยกัน
มู่เถาเยาหัวเราะ “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่เขยเหลย อันที่จริงไม่ต้องระแวงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ คนชั้นล่างไม่ได้ยินพวกเราที่คุยด้วยความดังปกติหรอกค่ะ”
เฉิงหรานยังคงพูดเสียงเบา “เสี่ยวเยาเยา ระวังไว้ก่อนดีกว่า เจียงจี๋น่าจะยังพอจำพวกเราได้”
แม้จะผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่เขาเปลี่ยนไปไม่มาก ก็แค่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น!
“ต่อให้จำได้ เขาก็ไม่เห็นในห้องนี้ ไม่เจอกันยี่สิบกว่าปี ไม่น่าจะจำเสียงได้แล้วหรือเปล่าคะ ต่อให้เหลยถิงจำเสียงของศิษย์พี่ใหญ่ได้ แต่เขาไม่มีวรยุทธ์ แถมในร้านอาหารก็เสียงดังปนเปกันไปหมด เขาไม่มีทางได้ยินเสียงคนชั้นบนคุยกันหรอกค่ะ”
ทุกคนคิดตาม รู้สึกว่าเสี่ยวเยาเยาพูดถูก จึงไม่พูดกระซิบกระซาบอีกต่อไป
เหลยโจว “เสี่ยวเยาเยา อาหรานบอกพี่แล้วว่าเจียงจี๋อาจวางยาตอนกินข้าวเสร็จกำลังจะแยกกัน…”
“ฉันสันนิษฐานแบบนั้นค่ะ ถ้าเขาแคร์เมียกับลูก เขาจะไม่มีทางวางยาในห้องกินข้าว”
ทุกคนพยักหน้า
ปาอิน “เสี่ยวเยาเยา ฉันลองศึกษาพิษนั่นดูแล้ว รู้สึกเหมือนจะแก้ไม่ยากนะ”
“ไม่ยาก มันไม่ใช่พิษร้ายแรง ถ้าควบคุมปริมาณเป็น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีถึงจะตาย ถอนพิษไม่ยาก เรื่องที่ยากคือการมองให้ออกว่ามันคือพิษอะไร”
“อืมๆ ผลของ ‘กลับสู่ถิ่น’ มีสรรพคุณช่วยขับพิษได้ ถ้าไม่ใช่คนเจตนาไม่ดีคงไม่มีใครเอามันไปทำพิษ เพราะพิษของมันไม่รุนแรง ต้องใช้ผลจำนวนมากกว่าจะสกัดพิษออกมาได้”
มู่เถาเยาพยักหน้า “เจียงจี๋โหดร้ายมาก ถ้าไม่มีใครสังเกตเห็น อีกครึ่งปีพิษในตัวเหลยถิงก็จะกำเริบ และก็ไม่มีทางตรวจพบว่าทำไมเขาถึงซูบผอมตายอย่างไร้สาเหตุ ไม่ได้ทำงานหนักแต่กลับเหนื่อยตาย ชวนให้สงสัยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้”
ปาอิน “ใช่ พิษของผลชนิดนี้แปลกมาก พอแสดงอาการพิษก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่กลับยังคงออกฤทธิ์อยู่ภายในร่างกายคน”
“อืม ถ้าวางยาแค่ครั้งหรือสองครั้ง ต่อให้ไม่สนใจมันก็ไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างมากก็แค่ดูร่างกายซูบผอม ถ้าใช้พวกยาที่ช่วยขับพิษหรือออกกำลังกายไปนานๆ เข้าพิษก็จะถูกขับออกทางเหงื่อจนหมดไปเอง”
เฉิงหรานกับเฉิงอันนั่วแอบนึกเสียใจที่ไม่ได้ตั้งใจเรียนเรื่องพิษ
พวกเขานึกไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่าสังคมสมัยนี้จะยังมีคนใช้พิษแบบโบราณมาทำร้ายคนอีก
เหลยโจว “เสี่ยวเยาเยา งั้นก็หมายความว่าถ้าใช้ในปริมาณที่ถูก เหลยถิงไม่ต้องกินยา อาศัยแค่การออกกำลังกายก็ขับพิษหายเองได้เหรอ”
“ค่ะ พิษแบบนี้ คนที่รู้จักจะไม่มีทางไปยุ่ง เพราะต้องลงแรงใช้เวลาเยอะพอสมควร”
“งั้นเจียงจี๋คิดจะทำอะไรกันแน่!” เฉิงหรานมีสีหน้าโมโห
“ศิษย์พี่ใหญ่ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ คนของฉันไปตามสืบที่เมืองหลวงแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ได้ใช้พิษทำร้ายคนอื่น งั้นก็คงแค่อยากล้างแค้นสำนักแพทย์แผนโบราณของพวกเรา”
เหลยโจวพยักหน้า “อาจเพราะเจียงเย่ว์มาอยู่ที่นี่และได้รู้ว่าอาหรานเป็นน้าของเหลยถิง เอาไปบอกพ่อแม่ เจียงจี๋ถึงได้ลงมือ น่าจะเป็นการทำเพื่อล้างแค้นแหละ”
เฉิงหราน “หลังจากอาจารย์ขับไล่เจียงจี๋ออกจากสำนัก พวกเราก็ไม่สนใจเขาอีก ไม่รู้ว่าเขาไปเมืองหลวง อีกทั้งยังแต่งงานมีลูกที่นั่น เซิ่งตูเป็นเมืองติดกับเย่ว์ตู ก็ไม่แปลกที่พวกเราจะไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาแล้ว ที่แท้ก็ย้ายไปเมืองหลวง ทั้งยังเปลี่ยนชื่อ”
เขาหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ในความเป็นจริงฝีมือการรักษาของเจียงจี๋ก็ไม่ได้แย่ ทนความลำบากได้ แต่รีบร้อนอยากประสบความสำเร็จมากไปหน่อย อีกทั้งยังไม่มีจิตใจเมตตาแบบที่คนเป็นหมอควรมี”
เหลยโจวพูด “นี่มันตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว ลูกโตขนาดนี้แล้ว ทำไมเจียงจี๋ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นได้ขนาดนี้”
เฉิงหรานพูดอย่างจนปัญญา “คงมองพวกเราเป็นศัตรูไปแล้ว”
มู่เถาเยาแบ่งสมาธิฟัง ฟังพวกเขาคุย ขณะเดียวกันก็ฟังเสียงข้างล่างด้วย
แต่ข้างล่างเป็นการคุยปกติทั่วไป ไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์
เวลานี้พี่ไช่นำอาหารขึ้นมาส่ง
เฉิงหรานรีบปรับอารมณ์ ยิ้มพลางพูด “ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยที่ช่วยจัดห้องให้พวกเรานะครับ”
“คุณหมอเทวดาช่วยพวกเราไว้ตั้งมาก เรื่องเล็กๆ อย่างแค่จัดเตรียมห้องให้ไม่เท่าไรหรอกค่ะ ผอ.เฉิงเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”
มู่เถาเยายิ้ม
นับตั้งแต่โบราณมา คนที่มีวาสนาได้พบเจอหมอเทวดาอย่างแท้จริงมีไม่มาก ถ้าได้เจอก็แสดงว่าชีวิตของคนคนนั้นยังไม่ถึงฆาต คนพวกนั้นอาจเป็นคนที่จิตใจดีหรือไม่ก็วันหน้าจะสร้างคุณประโยชน์ให้สังคมหรือเปล่า
เธอยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ว่ารักษาคนสร้างบุญเพื่อชดเชยบาปกรรมที่ก่อไว้เมื่อชาติก่อน ทั้งยังมีความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของสวรรค์ที่ให้เสด็จแม่กับอาจารย์ของเธอมาอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นหากเธอเจออะไรก็จะยื่นมือเข้าช่วย ไม่ว่าจะโรคร้ายแรงหรือโรคเล็กๆ หรือเรื่องอย่างอื่นก็ตาม
แต่เธอก็แค่คนเดียว ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ช่วยชีวิตคนไม่ได้มาก ดังนั้นการวิจัยโรครักษายาก คิดค้นยาชนิดใหม่ เอาชนะโจทย์ยากในประวัติศาสตร์ก็คือเป้าหมายของเธอ
แบบนี้คนที่ได้รับความคุ้มครองจากสวรรค์ก็จะมีมากขึ้นหน่อย
ปาอินได้กลิ่นหอมก็ยิ้มพลางพูด “เถ้าแก่เนี้ยคะ รสชาติอาหารจานนี้ต้นตำรับมากเลยค่ะ”
ระยะนี้ที่มาอยู่เย่ว์ตูเธอได้กินอาหารท้องถิ่นหลายอย่าง
“ตระกูลเกาของเราหมกมุ่นอยู่ในครัวกันมาหลายชั่วอายุคน ทำอาหาร…”
พี่ไช่เล่าให้ฟังสั้นๆ เกี่ยวกับการสืบทอดสูตรอาหารของตระกูลสามี
“งั้นก็พอๆ กับคุณยายของฉันเลยค่ะ”
แน่นอนว่าก็ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลจะเป็นแบบนี้ แต่อย่างน้อยก็จะมีสักคนที่สืบทอดพรสวรรค์การทำอาหาร แบบนี้ถึงจะตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้
“เหรอจ๊ะ แสดงว่าฝีมือทำอาหารของเธอก็ต้องดีมากแน่ ไว้วันไหนพวกเรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยสิ” พี่ไช่พูดด้วยความดีใจ
“ได้เลยค่ะ! แต่ฉันยังเรียนอยู่ ว่างแค่สุดสัปดาห์ค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มาเมื่อไรก็ได้ พวกเราเปิดร้านทุกวัน ทุกคนก็มากินข้าวได้ตลอดเลยนะคะ พวกเรามีห้องส่วนตัวโดยเฉพาะ ไม่ต้องกลัวโต๊ะไม่ว่างค่ะ”
ห้องที่นั่งกันอยู่ตอนนี้ก็คือห้องที่เธอเอาไว้ให้คนกันเองกับแขกใช้โดยเฉพาะ
แม้ห้องที่เธอเก็บไว้ให้คนกันเองจะไม่ใช่ห้องใหญ่ที่สุด แต่กลับสวยงามและมีกลิ่นอายโบราณมากที่สุด ดังนั้นถ้าบอกลูกค้า พวกเขาย่อมยินดีอยากเปลี่ยน
ทุกคนพยักหน้าขอบคุณน้ำใจของเถ้าแก่เนี้ย
ร้าน ‘อร่อยสุดๆ’ ไม่ถือว่าใหญ่มาก แต่โด่งดังในเย่ว์ตู ถ้าไม่จองล่วงหน้าก็แทบไม่มีที่ว่าง อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มีแบบส่งข้างนอก
พวกมู่เถาเยารับน้ำใจของเถ้าแก่เนี้ย
หลังจากเถ้าแก่เนี้ยพาคนออกไป ทุกคนก็เริ่มกินข้าว
เมื่อกินกันไปได้พอประมาณแล้ว อยู่ๆ มู่เถาเยาก็วางตะเกียบ
“มีอะไรเหรอเสี่ยวเยาเยา”
“เจียงจี๋ทะเลาะกับลูกสาว”
บนหน้าของทุกคนมีเครื่องหมายคำถาม
“กินกันไปก่อนนะคะ ฉันขอฟังก่อน เดี๋ยวค่อยเล่า”
“ได้”
ทุกคนกินข้าวต่อ พอกินอิ่มแล้วคนที่อยู่ชั้นล่างก็หยุดคุย
“เจียงจี๋บอกให้เหลยถิงกลับไปทำงานที่เมืองหลวง แต่เจียงเย่ว์คัดค้าน”
ทุกคนแปลกใจ
“เสี่ยวเยาเยา พี่ว่าเจียงเย่ว์ก็ไม่ใช่ไม่รักอาถิงหรอก ไม่งั้นทำไมเธอถึงคัดค้านล่ะ เธออยากดำเนินความสัมพันธ์กับอาถิงต่องั้นเหรอ” เฉิงหรานไม่เข้าใจ
“ฉันก็ว่าแปลกค่ะ ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้ดูเหมือนจะไม่ลงรอยกันเท่าไร ตอนนั้นที่เจียงเย่ว์จะมาเรียนที่นี่เขาก็คัดค้าน”
ทุกคนคิดแล้วก็ไม่เข้าใจ
เฉิงอันนั่ว “อาจารย์อาเล็ก แล้วแม่ของเจียงเย่ว์ล่ะครับ”
“แม่ของเจียงเย่ว์…พูดอยู่ไม่กี่ประโยคตั้งแต่ต้นจนจบ น้ำเสียงก็ดูห่างเหิน เหมือนว่าไม่ได้สนิทกับสองพ่อลูกคู่นี้เลย”
ทุกคนยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่
ตอนต่อไป