อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 249 ฉันจะพาอาจารย์โบยบิน
ตอนที่ 249 ฉันจะพาอาจารย์โบยบิน
สัปดาห์แห่งการสอบปลายภาค
อันที่จริงมู่เถาเยาเริ่มสอบตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้ว
เธอยังสอบอีกหลายวิชานอกจากสาขาที่เรียน เพราะต้องการใช้เวลาหนึ่งภาคการศึกษาเก็บหน่วยกิต..ของปีสี่ให้ครบ
เธอเข้าเรียนตอนเดือนมีนาคม น้อยกว่าคนอื่นหนึ่งเทอม
พอเปิดเทอมเดือนกันยายน เธอก็น่าจะเข้าสู่การเป็นนักศึกษาปริญญาโทแล้ว
แม้เธอจะสอบเร็ว แต่สัปดาห์นี้ก็ยังต้องไล่สอบทีละวิชาตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ระยะเวลาจึงถูกลากยาว
ดังนั้นสัปดาห์ก่อนที่เธอสอบนอกตารางก็เป็นการสอบแบบที่ว่ามีเพียงคนเดียวกับอาจารย์คุมสอบหนึ่งคน
พอเป็นแบบนี้ คนอื่นสอบหนึ่งสัปดาห์ แต่เธอสอบสามสัปดาห์กว่าจะเสร็จ
คนพิเศษถึงมีการรับรองแบบพิเศษ
ทุกวันหลังจากสอบเสร็จกินข้าวเสร็จ มู่เถาเยาก็จะพาเฉิงอันนั่วกับปาอินไปทำยาบำรุงความงามที่ห้องปรุงยา แต่ละวันยุ่งจนแทบไม่ได้พัก
อย่าว่าแต่เหลียงจีมารับทุกวันตอนดึกจะรู้สึกปวดใจ แม้แต่อาจารย์อาเล็กก็ยังเกลี้ยกล่อมบอกไม่ต้องรีบ ทำยาออกมานิดหน่อยก่อนก็ได้ รอปิดเทอมมีเวลาเยอะค่อยทำอีก
แต่มู่เถาเยาคิดว่าปิดเทอมอาจยุ่งกว่านี้ ดังนั้นทำได้ก็ทำไปก่อน
บ้านตระกูลตี้มีผู้หญิงสามคน อย่างน้อยก็ต้องทำยาออกมาให้พอกินสองเดือนตลอดการปิดเทอมหน้าร้อน
วันสุดท้าย เย็นวันศุกร์ มู่เถาเยามองพวกขวดกระเบื้องตรงหน้า ยิ้มบาง “เสร็จแล้ว”
“ตำรับยาของอาจารย์อาเล็กสุดยอดจริงๆ ครับ!”
“อยู่แล้ว กินขวดเดียวก็รู้สึกถึงผลลัพธ์อย่างเห็นได้ชัด”
ปาอินพูด “เสี่ยวเยาเยา ฉันก็กินได้ไหม”
ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากให้ตัวเองสวยยิ่งขึ้น
“สูตรนี้สำหรับขาวใสกับชะลอวัย เหมาะกับผู้หญิงอายุยี่สิบห้าขึ้นไป เธอเพิ่งสิบแปด ผิวก็ขาว ไม่ต้องกินอันนี้ ไว้วันไหนว่างๆ ฉันค่อยทำยาที่เหมาะกับเด็กสาวให้พวกเธอ”
คล้ายแบบที่พวกเจ้าถุงลมน้อยกิน ก็แค่สรรพคุณต่างกัน
“โอเค”
“เสี่ยวอิน พรุ่งนี้เธอเก็บของนะ อันนั่วจะช่วยเธอย้ายไปตำหนักพระจันทร์ วันมะรืนพวกเราไปทางตะวันออก”
“อาจารย์สามกลับมาแล้วเหรอ”
“กลับมาตั้งแต่วันนี้บ่ายแล้ว”
“โอเค”
เฉิงอันนั่ว “อาจารย์อาเล็ก ผมไปด้วยได้ไหมครับ”
“ได้ ออกเดินทางวันอาทิตย์หลังกินข้าวเช้า เอาเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวไปด้วย แบบที่เหมาะแก่การไปข้างนอก”
ทั้งสองคนพยักหน้า
“เสี่ยวเฉิง หลังกลับจากทางตะวันออกพวกเราก็กลับเผ่าเลย ไปด้วยกันไหม”
เฉิงอันนั่วพยักหน้า “พ่อผมก็ไปที่เผ่าก่อนเป็นที่แรกเหมือนกัน เดี๋ยวคืนนี้ถามอีกที ถ้าปิดเทอมหน้าร้อนพวกเขาไปต้องให้ผมไปไหนเป็นเพื่อนงั้นผมก็ไปกับพวกอาจารย์อาเล็กด้วยครับ”
เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นที่ที่เขาอยากไปอยู่แล้ว
ที่นั่นไม่เพียงแต่จะเป็นสวรรค์แห่งการท่องเที่ยว โลกในอุดมคติ ที่สำคัญที่สุดคือมีสมุนไพรเต็มไปหมด ยาชื่อดังในตลาดหลายตัวก็มาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์
เขาอยากไปแลกเปลี่ยนความรู้กับมหาวิทยาลัยแพทย์สกุลปา อยากเที่ยวชมโรงพยาบาลสกุลปา และอื่นๆ
มู่เถาเยาเก็บขวดทั้งหกแล้วพูดกับทั้งสองคน “นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
“อืม”
ทั้งสามคนออกจากห้องปรุงยา รถของเหลียงจีจอดรออยู่ที่ลานจอดรถ
“อาจารย์สาม!”
มู่เถาเยาเซอร์ไพรส์มาก
นึกไม่ถึงว่าอาจารย์สามก็มารับเธอพร้อมเหลียงจีด้วย
เฉิงอันนั่วกับปาอินทักทาย
“อันนั่วไปส่งปาอินกลับหอนะ”
“ครับ งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ”
“อืม”
หลังจากร่ำลากันแล้วพวกมู่เถาเยาก็ขึ้นรถ
“อาจารย์สามเพิ่งกลับมาตอนบ่ายทำไมไม่อยู่บ้านพักผ่อนล่ะคะ” มู่เถาเยาคล้องแขนลู่จือฉินพลางพูดเหมือนออดอ้อน
“ระยะทางไม่ได้ไกลเสียหน่อย ไม่เหนื่อย”
“ก็ได้ ขายบ้านแล้วหรือยังคะ”
“ขายราคาถูกกว่าท้องตลาดไปตั้งแต่วันแรกแล้ว” รีบร้อนอยากขายก็แบบนี้
จากนั้นก็จัดการเรื่องขั้นตอนต่างๆ
“ค่ะ ยังไงพวกเราก็ไม่ได้ร้อนเงิน อาจารย์สาม พวกเราค่อยดูว่าในเซิ่งซื่อฉางอันกับเรือนอุ่นรักมีประกาศขายบ้านไหม”
“เรื่องบ้านรีบไม่ได้หรอก”
“ค่ะ ถ้ามีก็ซื้อ ไม่มีก็อยู่ตำหนักพระจันทร์”
ทางด้านเรือนอุ่นรักเป็นทรัพย์สินของอาจารย์ใหญ่ ถ้าอาจารย์สามไปอยู่เวลาไม่มีคนอยู่ก็จะดูไม่เหมาะสมเท่าไร
ลู่จือฉินตบแขนลูกศิษย์เบาๆ ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา ต่อไปอาจารย์สามก็จะลุยไปกับเธอแล้วนะ”
เจอพี่ชายแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องร่อนเร่ไปที่ไหนอีก อย่างมากก็แค่ไปเก็บสมุนไพรตามป่าต่างๆ
“เอาสิคะ หนูจะพาอาจารย์โบยบิน”
เหลียงจี “…”
เสี่ยวเยาเยาพูดกลับกันแล้วหรือเปล่า ควรเป็นอาจารย์ที่พาโบยบินไม่ใช่เหรอ
แล้วก็ ทำไมเสี่ยวเยาเยาถึงได้ดูสนิทกับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานได้ขนาดนี้ล่ะ
ถึงแม้จะฝากตัวเป็นลูกศิษย์แล้ว แต่ยังไงซะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกัน เดิมทีเสี่ยวเยาเยาก็ไม่ใช่คนชอบตีซี้กับใคร
เหลียงจีพกความสงสัยไว้มากมาย แต่ก็เหมือนกับทุกคน ไม่ถามออกมา
ข้อแรกเป็นเพราะเชื่อใจ ข้อสองเชื่อใจ ข้อสามก็ยังคงเชื่อใจ
ไม่ว่าเสี่ยวเยาเยาจะกำลังทำอะไร พวกเขาก็มอบความเชื่อใจให้เต็มร้อย
พอถึงตำหนักพระจันทร์ทั้งสามคนก็แยกย้ายกลับห้องตัวเองอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
มู่เถาเยาจัดการตัวเองจนสะอาดเสร็จก็เหาะจากระเบียงไปที่ห้องลู่จือฉิน
ลู่จือฉินหัวเราะ
ชาตินี้เสี่ยวเยาเยาเหมือนเด็กสาวทั่วไปกับเขาสักที
เป็นเรื่องดี!
“เสี่ยวเยาเยา มาหาอาจารย์ดึกดื่นอยากพูดอะไรเหรอ”
มู่เถาเยาปีนขึ้นเตียง ดวงตากลมโตกะพริบบลิ้งๆ “หนูจะนอนกับอาจารย์”
ตอนนั้นพอเสด็จแม่จากไปแล้ว อาจารย์ก็พาเธอสองพี่น้องเข้านอนตลอด
ตอนนั้นเธอเป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบ กล่อมเด็กขวบเดียวเป็นที่ไหนกัน ลู่จือฉินเป็นคนเลี้ยงเธอกับน้องชายมาทั้งนั้น
อย่างไรเสียคุณยายก็อยู่กับพวกเธอในตำหนักไปตลอดไม่ได้ ลู่จือฉินเป็นอาจารย์ของเธอ พักอยู่ในตำหนักได้
ลู่จือฉินยิ้มพูด “จ้ะ เธอมานอนเป็นเพื่อนอาจารย์นะ”
มู่เถาเยานอนซบอาจารย์ตัวเองด้วยความพอใจ พูดด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “อาจารย์ ซื้อโถดอกท้อของบ้านลู่หันซูกลับมาดีไหมคะ”
“ชาตินี้มันเป็นของของบ้านคนอื่น”
“อาจารย์ ไม่งั้นอาจารย์รับลู่หันซูเป็นลูกศิษย์ด้วยดีไหมคะ เธออายุน้อยกว่าหนู อายุจริงไม่ถึงสิบเจ็ด แถมยังมีพรสวรรค์ เรียกได้ว่าเป็นเด็กสาวมากพรสวรรค์”
ในการแข่งขันทักษะทางการแพทย์ระดับนานาชาติ ลู่หันซูอายุน้อยสุด เฉียดแตะสิบแปด ถึงได้มีโอกาสไปเข้าร่วมการแข่งขันได้
“เด็กคนนั้นเก่งจริง เมื่อก่อนอาจารย์มีเรื่องต้องทำเยอะ ตอนนี้มีเวลาแล้ว เพียงแต่ลู่หันซูไม่วางใจเรื่องครอบครัว มาทางนี้ไม่ได้ อาจารย์ก็ไม่มีทางอยู่ทางตะวันออกเพื่อสอนเธอไปได้ตลอด”
ถ้าเสี่ยวเยาเยากับเย่ว์เลี่ยงไม่ได้มาที่นี่ เธอก็ยินดีไปอยู่ทางตะวันออกระยะยาว
“พวกเราไปครั้งนี้ลองดูว่าจะรักษาแม่ของเธอได้ไหม แม่ของลู่หันซูยังสาว ช่วยดูแลย่าได้ แบบนี้ลู่หันซูก็ออกมาได้แล้ว”
“อืม”
“แต่น่าแปลก คนธรรมดาทำไมถึงโดนพิษฮ่วนเซี่ยงได้”
“นั่นสิ มันน่าแปลกจริงๆ หากว่ากันตามเหตุผล ทางตะวันออกก็ไม่มีสภาพแวดล้อมอะไรที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ได้…หรือว่าในหุบเขาลึกของที่นั่นยังมีตรงไหนที่อาจารย์ยังไม่เคยไปอีก”
“ลู่หันซูบอกว่าพ่อเก็บแม่กลับมา ก็ไม่รู้ว่าไปเก็บได้ตรงไหน ตอนเก็บกลับมาโดนพิษมาก่อนแล้วหรือเปล่า”
“เป็นไปได้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา พวกเราสนแค่เรื่องรักษาก็พอ”
“ค่ะ”
รักษาได้ย่อมดีที่สุด กลัวก็แค่ไม่มียา
ถึงแม้หญ้าร้อยรสจะไม่ใช่สมุนไพรวิเศษอะไร แต่กลับหาไม่ง่าย