อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 252 ชอบคุยโว
ตอนที่ 252 ชอบคุยโว
“แม่คะ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงน้อย…”
ลู่หันซูลองพูดเพื่อให้แม่ปล่อยมู่เถาเยา
“เจ้าหญิงน้อย…เจ้าหญิงน้อยของฉัน…เจ้าหญิงน้อย…”
สีหน้าของแม่ลู่มีประกายเอ็นดูอ่อนโยนเหมือนแม่ที่มองลูก จากนั้นก็ปล่อยมือข้างที่กอดมู่เถาเยา เปลี่ยนเป็นท่าเหมือนอุ้มเด็กทารก แต่กลับพบว่ามืออีกข้างของตัวเองดูเหมือนจะไม่เหมือนเดิม
“มือ…มือ…” แม่ลู่ไม่เข้าใจว่าทำไมมือตัวเองถึงหายไปข้างหนึ่ง “ฉันอุ้มเจ้าหญิงน้อยไม่ได้แล้ว…โฮ…”
แม่ลู่ร้องห่มร้องไห้เสียใจ
ลู่หันซูปลอบแม่น้ำตาคลอ “แม่คะ เจ้าหญิงน้อยโตแล้ว ไม่ต้องให้อุ้มอีกแล้วค่ะ”
แม่ลู่ไม่สนใจลูกสาวเลยสักนิด เธอไม่เห็นใครในสายตาอีกนอกจากมู่เถาเยา
“เจ้าหญิงน้อย…”
ยกแขนด้วนของตัวเองให้มู่เถาเยาดูด้วยความน้อยใจ
มู่เถาเยาประคองแม่ลู่ไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ อยากถามอะไรเธอหน่อย
“คุณน้าคะ เจ้าหญิงน้อยของคุณน้าคือใครเหรอคะ”
“เจ้าหญิงน้อย…เจ้าหญิงน้อยสวยมาก…เจ้าหญิงน้อยชอบฉัน…เจ้าหญิงน้อยเห็นฉันก็จะยิ้ม…”
แม่ลู่ตกอยู่ในห้วงความคิดอันแสนหวาน สีหน้าอ่อนโยน
“คุณน้าคะ จำได้ไหมคะว่าเจ้าหญิงน้อยชื่ออะไร”
“เจ้าหญิงน้อย…ฮิๆ…เจ้าหญิงน้อยของฉัน…น่ารักมาก…”
มู่เถาเยายกแขนข้างที่ด้วนของแม่ลู่ขึ้นมาตรวจดู “คุณน้าคะ แขนด้วนได้ยังไง”
ดูจากบาดแผล เหมือนถูกสัตว์ป่ากัด
“ด้วนแล้ว…เจ้าหญิงน้อย ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว…สัตว์ป่า…หมาป่า…หมาป่ามาแล้ว…ไม่ต้องกลัว…”
แม่ของลู่หันซูเอาแต่พูดว่าไม่ต้องกลัว แต่ร่างกายกลับสั่นเทา
แขนข้างที่สมบูรณ์กอดมู่เถาเยาไว้แน่น อีกทั้งยังอยากเอาร่างกายตัวเองปกป้อง
มู่เถาเยาเกิดความคิดที่น่าตกใจ
เธอเอามือโอบบ่าแม่ลู่พลางตบปลอบเบาๆ “ไม่ต้องกลัวนะคะคุณน้า ที่นี่ไม่มีหมาป่า ไม่มีสัตว์ป่าอย่างอื่นด้วย”
“ไม่ต้องกลัว เจ้าหญิงน้อยไม่ต้องกลัว…ไม่ต้องกลัวหมาป่า…มาแล้ว…รีบหนี…”
คนอื่นๆ ที่อยู่ตรงนั้นต่างนึกเชื่อมโยงไปถึงเรื่องบางอย่างยกเว้นลู่หันซู
“แม่คะ แม่คะ พวกเราอยู่ในบ้าน ปลอดภัยมาก…” ลู่หันซูอดร้องไห้ออกมาไม่ได้
อาการของแม่เธอหนักอีกแล้ว
“ไม่ปลอดภัย ไม่ปลอดภัย รีบหนี…เจ้าหญิงน้อยรีบหนี…”
แม่ลู่ตะโกนเหมือนจะขาดใจ ดวงตาแดงก่ำ มุมปากมีเลือดไหลออกมา
สะบัดแขนข้างที่ด้วนไม่หยุด แขนข้างที่สมบูรณ์ก็จับมู่เถาเยาไว้อยากลุกหนีไป
มือข้างหนึ่งของมู่เถาเยากดเธอไว้ มืออีกข้างยื่นไปข้างหลัง
ลู่จือฉินเปิดกล่องยาของมู่เถาเยา หยิบเข็มทองออกมาหลายเล่ม ยื่นให้ลูกศิษย์ทีละเล่ม
มู่เถาเยาทยอยเอาเข็มทองปักบนศีรษะของแม่ลู่
แม่ลู่หยุดดิ้น ดวงตาที่แดงก่ำเริ่มทุเลาลง มุมปากก็ไม่มีเลือดไหลออกมาอีก
ลู่หันซูกอดแม่ไว้เพื่อให้มาพิงตัวเธอแทน จากนั้นก็เอากระดาษทิชชู่ซับเลือดที่มุมปากให้แม่แล้วถามขึ้น
“เสี่ยวมู่ แม่ฉัน…ยังพอรักษาได้ไหม”
“ความทรงจำของแม่เธอตอนนี้มีแค่ส่วนที่ท่านคิดว่าสำคัญที่สุด อย่างอื่นถูกความทรงจำส่วนนี้กลบหมดแล้ว พิษฮ่วนเซี่ยงทำให้เหตุการณ์ในตอนนั้นฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
มู่เถาเยาหยุดเล็กน้อย มองไปด้านนอกแล้วหันกลับมา “วันนี้ฉันจะฝังเข็มให้คุณน้าตอนพระอาทิตย์ตก ดูว่าจะช่วยฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้บ้างไหม ความดันทุรังภายในใจของคุณน้ารุนแรงมาก ถ้าถูกความทรงจำส่วนนั้นครอบงำ…”
ไม่ได้ฟันธงว่ารักษาได้หรือไม่ได้ แต่คนที่อยู่ตรงนั้นเรียนหมอกันหมด เข้าใจผลลัพธ์ที่จะเกิด
ลู่หันซูพูดกับลู่จือฉิน “อาจารย์ลู่…”
ลู่จือฉินส่ายหน้า ถอนหายใจเบาๆ “ฉันท่องอยู่ในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวเกือบเดือนก็ยังไม่เจอหญ้าร้อยรส”
“งั้นแม่ของหนู…ยังอยู่ได้อีกนานแค่ไหนคะ” ลู่หันซูถามเสียงสะอื้น
“ช่วงนี้ฉันกับเสี่ยวเยาเยาจะลองคิดหาทางดู จากนั้นจะไปลองหาสมุนไพรบนเขา หันซู ถ้าไม่เจอหญ้าร้อยรสในครึ่งปี เธอต้องเตรียมใจไว้บ้างนะ”
สำหรับหมอที่เห็นความเป็นความตายมาจนชิน ความตายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่เมื่อเกี่ยวพันถึงคนรอบตัว กลับเกิดความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง
ลู่หันซูสะอื้นมองแม่ตัวเอง
คนอื่นๆ ก็พลอยเสียใจไปด้วย
ไม่มียาถอนพิษ ต่อให้วิทยาการแพทย์เจริญแค่ไหนก็มีข้อจำกัด
มู่เถาเยา “หันซู ในครึ่งปีนี้พวกเราจะพยายามช่วยเธอตามหาหญ้าร้อยรสมาแก้พิษฮ่วนเซี่ยงในตัวแม่เธอนะ”
จะหาเจอไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าชีวิตถึงคราวจบสิ้นหรือยัง
“ขอบใจนะเสี่ยวมู่ ขอบคุณค่ะอาจารย์ลู่ ขอบคุณทุกคนนะ”
“ไม่เป็นไร พวกเราจะพยายามเต็มที่ หันซู พาคุณน้าไปพักผ่อนในห้องก่อนเถอะ”
มู่เถาเยาดึงเข็มออกจากศีรษะของแม่ลู่
“ได้”
ลู่หันซูอยากประคองแม่ขึ้น แต่แม่กลับไม่ขยับ เอาแต่จ้องมู่เถาเยา
มู่เถาเยาส่งเข็มทองในมือให้ปาอินที่อยู่ข้างๆ ถือไว้ จากนั้นก็อุ้มแม่ลู่ขึ้นมา
ทุกคน “…”
มู่เถาเยา “หันซู ห้องของคุณน้าอยู่ไหนเหรอ”
ลู่หันซูพาขึ้นชั้นบน
ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองคนก็ลงมาจากชั้นบน
“หันซู นั่งก่อน มาคุยเรื่องของแม่เธอหน่อย”
ลู่หันซูดวงตาแดงก่ำ “อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของแม่ พ่อไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง…ปู่ตายตั้งแต่ฉันยังเล็ก พ่อก็ตกหน้าผาตายตอนไปเก็บสมุนไพรเมื่อห้าปีก่อน ต่อมาฉัน แม่ ย่า เราสามคน…”
ลู่หันซูเล่าในสิ่งที่ได้ยินได้เห็นในช่วงสิบกว่าปีนี้เกี่ยวกับแม่ของเธอโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
มู่เถาเยา “ย่าเธอก็ไม่รู้เลยเหรอ”
ลู่หันซูส่ายหน้า “มีแค่พ่อที่รู้บ้าง แต่พ่อก็ไม่บอกแม้แต่กับปู่ย่า มีเหรอจะยอมบอกฉัน”
“งั้นเมื่อก่อนคุณน้าเคยพูด ‘เจ้าหญิงน้อย’ กับพวกเธอบ้างไหม”
“ตอนที่แม่ยังอาการไม่หนักขนาดนี้ ฉันกับย่าจะพาออกไปเดินเล่น แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ฉันเห็นคนในหมู่บ้านอุ้มเด็กทารกก็จะโผเข้าไปเรียก ‘เจ้าหญิงน้อย’ ทั้งยังอยากแย่งลูกคนอื่น…ฉันกับย่าก็เลยไม่ค่อยพาออกไปไหนแล้ว…”
“หันซู แม่เธอชื่ออะไร”
“เหมียวเหมียว”
ปาอินตกใจ “เสี่ยวเยาเยา…”
มู่เถาเยาส่ายหน้า
พอเข้าใจแล้ว แต่ถ้าไม่ถอนพิษพูดไปก็เท่านั้น
รักษาไม่ได้ ไม่สู้อย่าให้ครอบครัวลู่รู้เรื่องนั้นดีกว่า
ลู่จือฉินมองลู่หันซูด้วยความสงสาร “หันซู ฉันกับเสี่ยวเยาเยาจะพยายามรักษาคุณแม่ของเธอให้หายนะ”
รักษาหายก็จะได้ไขปริศนาการหายตัวไปของลูกศิษย์เธอได้
ฟังจากคำพูดที่ไม่ปะติดปะต่อของแม่ลู่ พวกเขาพอจะแน่ใจได้ว่าแม่ลู่ก็คือเหมียวอวี้ และก็มองออกว่า ตอนนั้นที่เหมียวอวี้อุ้มเสี่ยวเยาเยาไปไม่ได้มีจุดประสงค์หมายเอาชีวิตหรือโยนทิ้ง
ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลู่หันซูพยายามฉีกยิ้มขอบคุณมู่เถาเยากับลู่จือฉิน
มู่เถาเยา “หันซู บ้านเก่าของครอบครัวเธอก็อยู่ที่นี่ไหม”
เธอยังนึกถึงโถดอกท้อที่อาจารย์เคยให้เธออยู่
“ห่างจากที่นี่พอสมควร เสี่ยวมู่อยากไปดูโถเหรอ”
“อืม ถ้าเธอสะดวกนะ”
“สะดวกสิ เดี๋ยวกินข้าวกลางวันเสร็จฉันจะพาทุกคนไป โถนั่นหนักมาก พวกเราขนมาที่นี่ไม่ไหว”
“ถ้าอยากย้ายเดี๋ยวฉันช่วยย้าย”
ลู่หันซูส่ายหน้า “เธอย้ายไม่ไหวหรอก ผู้ชายหลายคนช่วยกันยกยังไม่ไหวเลย”
“ฉันไหว”
ลู่หันซู “…”
เธอไม่เคยรู้สึกเลยว่าเสี่ยวมู่เป็นคนที่ชอบพูดจาเกินจริง แต่ตอนนี้กลับ…