อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 269 สองร้อยล้านไม่มากไปจริงๆ
ตอนที่ 269 สองร้อยล้านไม่มากไปจริงๆ
ลู่หันซูกับพ่อบ้านจงไปเก็บผักในแปลง
เหลียงจีกับย่าลู่ไปห้องครัวเริ่มเตรียมอาหารกลางวัน
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน ปาอิน และเฉิงอันนั่วไปเก็บสัมภาระของตัวเองก่อน เพราะเดี๋ยวพอแม่ลู่ตื่นแล้วยังต้องสังเกตอาการอีกสองชั่วโมง จึงใช้เวลาตอนนี้เก็บสัมภาระตัวเองให้เสร็จก่อน
พวกเขามีสัมภาระน้อย ใช้เวลาเก็บไม่นาน
มู่เถาเยากับลู่จือฉินถอดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ปลอกผ้าห่ม เอาไปใส่เครื่องซักผ้าซักก่อน จากนั้นถึงทำความสะอาดห้อง
ปาอินกับเฉิงอันนั่วช่วยเก็บสัมภาระให้เหลียงจีกับพ่อบ้านจง และทำความสะอาดห้องให้ด้วยเช่นกัน
พวกเขาเก็บกวาดห้องจนมีสภาพเดิมเสร็จก่อนอาหารเที่ยง
ตอนที่ถือสัมภาระลงมา มู่เถาเยาแวะดูแม่ลู่ที่ห้องก่อนลงไปชั้นล่าง
สองศิษย์อาจารย์และปาอินเอาสัมภาระวางไว้บนโซฟาแล้วเข้าครัวไปช่วยยกกับข้าว
มู่เถาเยาบอกให้ย่าลู่กับลู่หันซูไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ลู่ เพราะใกล้จะตื่นแล้ว
คนที่ไม่มีความทรงจำจะเกิดความรู้สึกพึ่งพิงคนที่เห็นเป็นคนแรก
พออาหารขึ้นโต๊ะเสร็จเรียบร้อย สองย่าหลานก็ประคองแม่ลู่ลงมาจากชั้นบน
แม่ลู่มองทุกคนด้วยสายตาที่ใสซื่อเหมือนเด็กทารก ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มที่บริสุทธิ์และงดงาม
ลู่หันซูประคองแม่ลู่เดินเข้าไปหาลู่จือฉิน “แม่คะ นี่อาจารย์ของหนูค่ะ”
แม่ลู่เหมือนเด็กที่เพิ่งหัดพูด “แม่ อาจารย์”
ลู่หันซูยิ้มดวงตาโค้งมน “ใช่ค่ะ แม่เก่งมาก นี่ก็คืออาจารย์ของหนู”
“เก่ง”
“ค่ะ นี่ศิษย์พี่ของหนู”
“ศิษย์พี่”
“คุณน้า”
มู่เถาเยาจับข้อมือแม่ลู่มาตรวจชีพจร
แม่ลู่มองมู่เถาเยาตาแป๋วด้วยความสงสัย
หลังจากจับชีพจรที่ข้อมือทั้งสองข้างแล้ว มู่เถาเยาก็ยิ้มบาง “ดีมากค่ะ”
แม่ลู่พูดคำว่าดีตาม
“อืม คุณน้าดีมาก”
“ศิษย์พี่…”
“ไม่เป็นไร เธอก็ลองดูนะ”
“ค่ะ”
ลู่หันซูลองจับชีพจร จากนั้นก็ยิ้ม
เธอจับชีพจรให้แม่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ย่อมรู้ว่าแบบเดิมเป็นอย่างไร
ตอนนี้ชีพจรแข็งแรงขึ้นมาก
พิษสองชนิดในร่างกายดูเหมือนจะสงบลงแล้ว ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันเลยสักนิด
“ศิษย์พี่…”
“ทำได้เพียงคุมไว้หนึ่งเดือน”
ลู่หันซูพยักหน้า
เดือนเดียวก็คุ้มแล้ว
ย่าลู่ยิ้มอย่างอ่อนโยนใจดี “บ่ายโมงแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
ทุกคนนั่งล้อมวงที่โต๊ะกลม
ลู่หันซูสอนแม่ลู่กินข้าวอย่างใจเย็น
สอนไม่กี่ครั้ง แม่ลู่ที่มีความจำของกล้ามเนื้อก็กินข้าวได้เองแล้ว
สองย่าหลานดีใจมาก
ทุกคนก็พลอยดีใจตามไปด้วย
อาหารมื้อนี้กินกันจนถึงบ่ายสามโมงเพราะแม่ลู่
ทุกคนช่วยกันเก็บถ้วยชาม ทำความสะอาดห้องครัวเสร็จก็เตรียมลากลับแล้ว
“ย่าลู่คะ เห็นศิษย์น้องบอกว่าย่าลู่อยากขายหลิงจือพันปีเหรอคะ”
“จ้ะ ขายได้เงินก็จะให้เสี่ยวซูเอาไปใช้ที่เย่ว์ตู”
ย่าลู่เชื่อว่าหลานสาวตัวเองไม่มีทางใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ดังนั้นเงินที่ขายหลิงจือได้น่าจะพอใช้จนเรียนจบและซื้อบ้านมือสองหลังเล็กๆ ได้
ถ้าเธออยากไปใช้ชีวิตกับหลานสาวที่เมืองเย่ว์ตู แบบนั้นก็ต้องซื้อบ้าน ไม่มีทางไปขออาศัยบ้านอาจารย์ได้
“ย่าลู่รู้ว่าหนูก็เป็นศิษย์ของสำนักแพทย์โบราณ สำนักของเรารับซื้อพวกสมุนไพรกันมาตลอด ถ้าย่าลู่อยากขาย หนูจะคิดราคาตามท้องตลาดให้ค่ะ”
“เดิมทีย่าอยากให้โสมพันปีเป็นของขวัญที่ฝากตัวเป็นศิษย์ แต่อาจารย์ไม่รับ นี่…”
“คุณน้าคะ ฉันรับโถสัมฤทธิ์ที่มูลค่ามากกว่าโสมกับหลิงจือไว้แล้ว จะว่าไปอาจารย์อย่างฉันดูเหมือนจะเอาเปรียบลูกศิษย์ด้วยซ้ำค่ะ”
ย่าลู่สายมือ “ปู่เสี่ยวซูยกโถสัมฤทธิ์ให้หลานสาวแล้ว เสี่ยวซูมีสิทธิ์จะยกให้ใครก็ได้ แล้วนี่ก็ยกให้อาจารย์ด้วย คุณค่าของอาจารย์มีมากกว่าโถสัมฤทธิ์ อีกทั้ง…พวกเราต่างก็เป็นหญิงหม้าย เก็บของล้ำค่าไว้ไม่ได้หรอก ถ้าเป็นไปได้ ย่าก็อยากขายโสมไปพร้อมกันเลย”
ของพวกนี้เก็บไว้บ้านอาจนำภัยมาให้ได้
ไม่ใช่ว่าเธอมองคนในแง่ร้ายมากเกินไป แต่ของมีค่าจะทำให้คนอื่นเกิดความโลภได้
ลู่หันซู “ย่าคะ เก็บโสมเอาไว้ให้ย่ากับแม่กิน อีกไม่กี่ปีหนูก็เลี้ยงครอบครัวได้แล้วค่ะ”
“ย่ากับแม่เราแข็งแรงดี ไม่ต้องบำรุงอะไรมาก ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์กับศิษย์พี่เรา รวมถึงทุกคน ก็ทิ้งสมุนไพรไว้ให้ตั้งเยอะ เพียงพอให้ย่ากับแม่เรากินไปทั้งชีวิตแล้ว”
ใช้แค่นิดหน่อยเวลาต้มน้ำแกง ไม่ได้กินแทนข้าว
ลู่หันซูไม่รู้จะพูดอย่างไร
ไม่ได้เจ็บป่วย พวกเธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้โสมพันปีมาต้มกินบำรุงยามปกติ มันจะเสียของเปล่าๆ
สมุนไพรที่พวกเธอขุดมาได้ในช่วงหลายวันนี้ก็ดีๆ ทั้งนั้น เพียงพอไว้กินยามปกติแล้ว
อีกอย่าง คนสุขภาพแข็งแรงก็ไม่เหมาะที่จะบำรุงเป็นพิเศษ
“ย่าลู่คะ หนูขอรับซื้อโสมกับหลิงจือไว้หมดเลยนะคะ จะให้ราคาตามคุณภาพค่ะ ไม่มีทางต่ำกว่าราคาตลาดแน่นอน”
“จ้ะ ย่าจะไปเอาออกมา” ให้ราคาเท่าไรไม่ใช่ปัญหา
เฉิงอันนั่ว “ผมไปช่วยนะครับ” หลิงจือพันปีไม่ใช่เล็กๆ
“ขอบใจนะเสี่ยวเฉิง”
“ไม่เป็นไรครับ”
ย่าลู่พาเฉิงอันนั่วขึ้นชั้นบน ช่วยกันย้ายหลิงจือกับโสมลงมาจากห้องตัวเอง
ทุกคนเข้าไปเชยชมสมุนไพรของหายาก
ลู่จือฉินมองหลิงจือสีน้ำตาลเข้มเป็นมันวาวพลางพูด “คุณน้าคะ หลิงจือดอกนี้ถูกตากในที่ร่มจนแห้งใช่ไหมคะ” ไม่ได้ถูกตากแดดแรงมาแน่นอน
“ใช่จ้ะ พ่อของเสี่ยวซูเขาจัดการเอง”
“จัดการได้สะอาดมากค่ะ เก็บรักษาดีมากด้วย คุณภาพดีมาก”
เธอเพิ่งเคยเห็นหลิงจือที่ดีขนาดนี้เป็นครั้งแรก
เมื่อก่อนเธอท่องอยู่ในเขตป่าชั้นในของป่าเซียนโหยวไม่เคยเห็นหลิงจือมาก่อน
ย่าลู่ยิ้มพลางเปิดกล่องไม้บรรจุโสม
มู่เถาเยาพยักหน้า “โสมรากนี้ดีกว่าหลิงจืออีก”
เหลียงจี “สมัยนี้ยังมีโสมกับหลิงจือพันปีอีกเหรอ”
ไม่ได้เคลือบแคลงใจ แต่อยากรู้จริงๆ
เคยเห็นสมุนไพรบำรุงมาเยอะ แต่แบบที่อายุพันปีพบเห็นไม่บ่อยจริงๆ
ลู่จือฉินยิ้มพูด “ที่อื่นไม่กล้าฟันธง แต่ป่าเซียนโหยวมีแน่ๆ ที่นั่นอย่าว่าแต่พืชอายุพันปีเลย ต่อให้อายุหมื่นปีก็ยังมี ไหนจะพืชโบราณ พืชดึกดำบรรพ์ พืชที่ไม่ทราบชนิด”
มู่เถาเยาพยักหน้า “โสมเป็นหนึ่งในพืชที่เก่าแก่และมีค่ามากที่สุด ความสามารถในการเกิดใหม่ของมันแข็งแกร่งมาก มันอาจเติบโตอยู่ได้นานตั้งแต่ร้อยปีไปจนถึงหลายพันปีภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงยังมีฉายาว่าราชาแห่งร้อยสมุนไพร ในป่าเซียนโหยว โสมหลายหมื่นปีก็น่าจะมี”
เธอมีโสมป่าหลายรากที่ประเมินอายุไม่ได้
ย่าลู่ก็ยิ้ม “ใช่จ้ะ โลกนี้กว้างใหญ่ มีทุกอย่าง ก็แค่ส่วนใหญ่พวกเราไม่ได้มีดวงจะเจอมัน สองรากนี้ย่าไม่รู้ว่าพ่อเสี่ยวซูไปขุดกลับมาจากไหน เขาชอบไปนู่นมานี่หลายที่นอกเหนือจากภูเขาด้านหลังบ้านพวกเรา”
ถึงได้ไปเจอแม่เสี่ยวซูแล้วเก็บกลับมายังไงล่ะ
ลูกชายเป็นคนเงียบๆ แต่ไหนแต่ไรไม่มีทางเป็นฝ่ายเปิดปากอธิบายก่อน เธอเองก็ไม่ชอบถาม
“ย่าลู่คะ สองรากนี้…หนูให้สองร้อยล้าน พอได้ไหมคะ”
อย่าว่าแต่สองย่าหลานเลย แม้แต่เฉิงอันนั่วกับพวกปาอินก็ยังช็อก
ย่าลู่รีบส่ายมือ “มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ร้อยล้านก็ได้แล้ว”
เพียงพอให้พวกเธอสามคนกินใช้ไปทั้งชีวิต รวมถึงซื้อบ้านตั้งตัวให้หลานสาวแล้ว
พวกเธอไม่โลภมาก
หากดูกันตามราคาตลาดก็คงประมาณร้อยล้าน
“ถ้าตามราคาตลาดประมูล แค่โสมก็ร้อยกว่าล้านแล้ว สองร้อยล้านไม่มากไปจริงๆ ค่ะ”
“ศิษย์พี่ เมื่อกี้ตกลงกันแล้วว่าเอาตามราคาตลาด มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น”
“นี่เป็นของที่ประเมินราคาไม่ได้ ราคาตลาดไม่สมเหตุสมผลด้วยซ้ำ”
ย่าลู่ส่ายมือไม่หยุด
“เดิมทีก็ควรลดให้จากราคาตลาดด้วยซ้ำ ยังจะยึดตามราคาประมูลได้ยังไง ถ้าพวกเราเอาออกไปขายเองก็ใช่ว่าจะได้ราคานี้ ต่อให้ประมูล ก็ยังต้องหักค่าธรรมเนียมอีก ไม่ได้ ไม่ได้”
“งั้นหนูเหลือไว้ให้ย่าลู่กับคุณน้าหนึ่งรากเผื่อไว้ยามจำเป็นนะคะ”
ลู่หันซูหวั่นไหวแล้ว
ลู่จือฉินก็คิดว่าโอเค
สุดท้ายย่าลู่ก็พยักหน้า
เก็บไว้หนึ่งรากเผื่อครอบครัวต้องใช้ รับจากมู่เถาเยาหนึ่งร้อยล้านหยวน
ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจ