อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 270 หนุ่มคนนี้อ่อนแอมาก
ตอนที่ 270 หนุ่มคนนี้อ่อนแอมาก
บ่ายสี่โมง มู่เถาเยาย้ายโถสัมฤทธิ์ออกจากห้องเก็บของบ้านครอบครัวลู่ไปขึ้นรถ
ลุงผิงเพื่อนบ้านเป็นคนขับ ลู่หันซูไปส่งพวกเขาที่โรงแรม
หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จก็ไปที่ลานจอดเครื่องบินเดินทางกลับเมืองเย่ว์ตู
ตี้อู๋เปียนมารอที่ลานจอดเครื่องบินพร้อมคนขับรถและบอดี้การ์ด
เมื่อทุกคนมาถึงแล้วก็กลับตำหนักพระจันทร์พร้อมกัน
“ซาลาเปาน้อย ทำไมไปนานขนาดนี้ล่ะ” เขากลับจากเมืองหลวงเมื่อวาน
“ไม่เจอยาถอนพิษ จริงสิ อาจารย์สามของฉันรับลู่หันซูเป็นศิษย์แล้วนะ”
ตี้อู๋เปียนหันไปพูดกับลู่จือฉิน “ยินดีด้วยครับอาจารย์สาม”
ลู่จือฉินยิ้มบาง “ขอบใจจ้ะคุณชายตี้”
ตี้อู๋เปียนหันกลับไปคุยต่อ “ซาลาเปาน้อย พวกเราจะไปที่เผ่าเมื่อไร”
“วันอังคารแล้วกัน พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ตอนเช้าฝังเข็มให้คุณ ตอนบ่ายฉันขอจัดการกับโสมและหลิงจือ แบ่งให้พวกศิษย์พี่ จะทำยาบำรุงไปให้ปู่ย่าตายายฉันด้วย วันจันทร์เก็บของ ตอนเย็นไปกินข้าวที่บ้านศิษย์พี่หญิงห้า”
เธอคิดถึงเยี่ยจั๋วแล้ว
ตี้อู๋เปียนพยักหน้าแล้วถาม “พวกเธอขุดเจอโสมกับหลิงจือได้จากตงจี๋เหรอ”
“ขุดสมุนไพรป่าได้พอสมควร แต่โสมกับหลิงจือมีน้อยมาก อายุแค่ไม่กี่สิบปี เลยยกให้ศิษย์น้องไปแล้ว ส่วนที่เอากลับมาสองต้นนี้เป็นของเก่าเก็บในบ้านศิษย์น้อง ฉันซื้อมา”
“ถ้าเธอขาดแคลนสมุนไพร ในบ้านฉันกับบ้านตระกูลอวิ๋นมีนะ”
“ฉันไม่ได้ขาดแคลน ก็แค่ย่าลู่อยากขาย ฉันก็เลยขอซื้อ”
อันที่จริงเธอมีของดีกว่านี้ ไม่เคยขาดแคลนสมุนไพร
ป่าเซียนโหยวเป็นสวนสมุนไพรธรรมชาติที่ใหญ่ปานนั้น เธอจะขาดแคลนสมุนไพรชั้นดีได้ยังไง!
เฉิงอันนั่วพูดขึ้น “อาจารย์อาเล็กจ่ายไปหนึ่งร้อยล้าน”
สมบัติทั้งหมดที่เขามีรวมกันยังไม่ถึงสิบล้าน อาจารย์อาเล็กกลับจ่ายร้อยล้านไปในชั่วพริบตา!
คนเรา…เทียบกันไม่ได้เลย!
มู่เถาเยา “ไม่แพงหรอก”
เฉิงอันนั่ว “…”
ก็ได้ คนรวยมองเรื่องเงินไม่เหมือนคนจนอย่างพวกเขา
แต่โสมกับหลิงจือสองต้นนั้นก็มีมูลค่าถึงราคานั้นจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะคนเก่งอย่างอาจารย์อาเล็กเข้าออกป่าเซียนโหยวได้ตามสบาย เขาถึงมีโอกาสได้เห็นของดีบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นโสมกับหลิงจือพันปีของแบบนี้ เขาคงไม่มีวาสนาได้เห็นหรอก
อย่างไรเสียก็ไม่มีขายตามท้องตลาด
โสมสองสามร้อยปีที่มีไม่มาก ราคาประมูลยังอยู่ที่สิบยี่สิบล้าน
มู่เถาเยา “อันนั่ว พรุ่งนี้หลังกินข้าวเที่ยงไปที่ห้องปรุงยาของมหา’ลัยนะ ฉันจะจัดการกับสมุนไพรเอามาปรุงเป็นยา นายกับเสี่ยวอินมาดูด้วย”
“ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม”
เฉิงอันนั่วหยิบสัมภาระแล้วเดินออกไปที่รถ
รถของเขาที่เดิมทีจอดไว้บ้านตระกูลตี้ถูกบอดี้การ์ดของบ้านขับมาที่ลานจอดเครื่องบินแล้วขับมาตำหนักพระจันทร์
พอเฉิงอันนั่วขับรถออกไปแล้ว สายตาของตี้อู๋เปียนก็กลับมาที่โถขนาดใหญ่ตรงหน้า
“ซาลาเปาน้อย โถสัมฤทธิ์ใบนี้ก็ขนกลับมาจากตงจี๋เหรอ”
“อืม สมบัติตกทอดของครอบครัวศิษย์น้อง เธอให้เป็นของขวัญฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์”
“…เด็กคนนี้ไม่ขี้งกเลยนะ”
ของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้แบบนี้บทจะให้คนอื่นก็ให้ คนทั่วไปทำไม่ได้หรอก
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “ต่อไปอาจารย์สามก็จะยกให้ศิษย์น้องต่อ”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
“ตี้อู๋เปียน คุณกับพ่อบ้านจงก็กลับเถอะ พรุ่งนี้ตีห้าฉันจะไปบ้านคุณตามปกติ”
“ได้ ฉันจะให้ห้องครัวเตรียมอาหารเช้าของพวกเธอไว้”
“อืม”
“ทำความสะอาดตำหนักพระจันทร์ไว้ให้แล้ว พวกเธอก็รีบพักผ่อนนะ”
มู่เถาเยากรอกข้อมูลของตี้อู๋เปียนเข้าระบบไปด้วย เพื่อความสะดวก เขาจึงเข้าออกได้ตามสบาย ก็เหมือนกับเวลาเธอไปบ้านตระกูลตี้
“อืม ขอบใจ”
หลังจากตี้อู๋เปียนกับคนของเขาไปแล้ว มู่เถาเยา ลู่จือฉิน ปาอิน เหลียงจี ก็นั่งอยู่ในห้องรับแขกสักพักถึงแยกย้ายเข้าห้องพักผ่อน
มู่เถาเยาเพิ่งอาบน้ำแปรงฟันเสร็จกระโดดขึ้นเตียง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“พี่รอง”
“เสี่ยวเยาเยาจะกลับเผ่าเมื่อไรเหรอ”
“วันอังคารค่ะ”
“ได้ พี่จะรับคุณตาคุณยายมากินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ค่ะ”
“หลายวันนี้ไปหมู่บ้านตงจี๋ราบรื่นดีไหม”
“ไม่ได้สมุนไพรถอนพิษ แต่ก็ได้อย่างอื่นแทน อาจารย์สามของฉันรับลู่หันซูเป็นลูกศิษย์ ฉันมีศิษย์น้องแล้วนะคะ”
ในที่สุดก็ไม่ใช่คนเล็กสุดแล้ว!
“แค่เธอมีความสุขก็พอ”
“พี่รองกับน้าเล็กอวิ๋นยังยุ่งมากไหมคะ”
เย่ว์จือกวงเงียบไปชั่วขณะแล้วถึงตอบ “เสี่ยวเยาเยาชอบอาเล็กอวิ๋นมากขนาดนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ เขาดีกับอามาก”
เย่ว์จือกวงดีใจมากที่น้องสาวเป็นห่วงคนในครอบครัว
“อาเล็กอวิ๋นพอว่างก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนอาที่ตำหนักพระจันทร์ พวกเราทุกคนชอบเขา ก็แค่อา…”
“ไม่เป็นไรค่ะ สักวันน้าเล็กอวิ๋นต้องทำอาหวั่นไหวได้แน่”
นับตั้งแต่อาจารย์สามพูดว่าเยี่ยนหังอาจมาเกิดเป็นลูกของอาอีกครั้ง เธอก็มีลางบอกเหตุแบบนั้นรุนแรงขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการคิดไปเองของเธอหรือเปล่า อย่างไรเสียหลายเรื่องก็กลายเป็นจริงแล้ว ถ้าอย่างนั้นเยี่ยนหังก็ต้องมาแน่นอน
น้าเล็กอวิ๋นกับอาจะต้องเป็นคู่แท้พรหมลิขิตแน่นอน
เธอไม่รีบ สักวันต้องสำเร็จ
เย่ว์จือกวงยิ้มพลางพยักหน้าให้หน้าจอ “เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของผู้ใหญ่หรอก เธอเองก็ยุ่งมากแล้ว”
“…ค่ะ”
“หลายวันนี้คงเหนื่อยแย่ รีบพักผ่อนนะ ฝันดี”
“ฝันดีค่ะพี่รอง”
วางสายจากเย่ว์จือกวงเสร็จ มู่เถาเยาก็โทรหาเย่ว์เลี่ยงต่อทันที
จะได้ไปหาอาที่เผ่าแล้ว เธอดีใจมาก
แต่เย่ว์เลี่ยงคุยกับเธอไม่กี่นาทีก็บอกให้รีบพักผ่อน
ก็ได้ ทุกคนต่างเป็นห่วงเธอ
งั้นนอนก็ได้
มู่เถาเยาวางโทรศัพท์มือถือแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา
วันต่อมาตื่นเช้าตามปกติ ไปบ้านตระกูลตี้พร้อมลู่จือฉิน ปาอิน เหลียงจี
คนอื่นๆ ต่างมารอที่สนามหญ้าแล้วยกเว้นตี้อู๋เปียน
หลังจากฝึกเสร็จ มู่เถาเยาก็พูดชมพ่อบ้านจง
วิชาพลังฝ่ามือเหมาะกับเขาจริงๆ เพิ่งฝึกได้ไม่นานก็เริ่มเข้าสู่ทิศทางที่ดีแล้ว
“เสี่ยวเยาเยา พอลุงฝึกจนเป็นหมดแล้ว ฝีมือเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของหนูเหรอ”
“สามสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
“หา…เพิ่ง…เพิ่งจะสามสิบเปอร์เซ็นต์เหรอ แต่พลังฝ่ามือนี้ดูเหมือนสุดยอดมากแล้วนะ…”
พ่อบ้านจงพูดติดขัด
เดิมทีเขาคิดว่า อย่างน้อยก็น่าจะห้าสิบหกสิบเปอร์เซ็นต์
“แค่ใช้พลังฝ่ามือเป็นยังไม่ถึงกับสำแดงอานุภาพทั้งหมดของมันได้ วิชาตัวเบากับกำลังภายในของลุงจงยังไม่เข้าขั้น ก็เลยเป็นตัวถ่วงของพลังฝ่ามือค่ะ”
“…งั้นถ้าวิชาตัวเบากับกำลังภายในตามกันทันล่ะ จะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์”
“หกสิบค่ะ”
เมื่อชาติที่แล้ว ผู้ที่คิดค้นวิชาพลังฝ่ามือ ‘ลักฟ้าสับเปลี่ยนสุริยัน’ ก็คือเป่ยจิ้งพ่อตาของเยี่ยนหัง พ่อของฮองเฮาเป่ยหลี ชายชราคนนี้สู้ทัดเทียมกับเธอได้ ก็แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของวิชานี้แล้ว
ตอนนี้ ต่อให้พ่อบ้านจงเรียนวิชาพลังฝ่ามือ ‘ลักฟ้าสับเปลี่ยนสุริยัน’ ได้เต็มร้อย ก็เป็นได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์ของเธอ
เพราะไม่เพียงแต่เธอจะมีประสบการณ์ของเมื่อชาติที่แล้ว ยังได้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของในชาตินี้ชี้แนะ ผสมผสานสุดยอดฝีมือของทั้งสองชาติ มีเหรอที่คนทั่วไปจะเทียบได้
พวกพ่อบ้านจงต่างจินตนาการไม่ออกแล้วว่าวรยุทธของมู่เถาเยาล้ำเลิศขนาดไหน
พักกันสิบห้านาที มู่เถาเยาก็ทดสอบกำลังภายในของทุกคน
ยากำลังภายในเป็นของดี แต่ถ้าไม่ขยันฝึกก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากทดสอบไปหนึ่งรอบ มู่เถาเยาก็พอใจพอสมควร
“เทอมหน้าหลังเปิดเทอมแล้วฉันจะสอนวิชากระบองที่ใช้ได้ตลอด ทุกคนเรียนได้หมดค่ะ”
เป็นวิชากระบองที่คิดค้นมาจากการร่ายรำกระบี่ของตระกูลเย่ว์
ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ
ตี้อู๋เปียนเดินลงมาจากชั้นบนเห็นภาพนี้พอดี เขาอิจฉามาก แต่ก็จนปัญญา
เขาไม่กล้าลองทำ เพราะตอนนี้กลัวตายขึ้นมาแล้ว
“ซาลาเปาน้อย”
มู่เถาเยาหันไปมอง “ตื่นแล้วเหรอตี้อู๋เปียน”
“อืม”
“พวกเราก็ฝึกเสร็จแล้ว ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมานะ”
“ได้ ฉันจะรอ”
มู่เถาเยาไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ลู่จือฉินกลับมองตี้อู๋เปียนพลางครุ่นคิด
เสี่ยวเยาเยาของเธอมีหนุ่มมาชอบเหรอ
ถึงแม้หนุ่มคนนี้จะหล่อ แต่กลับอ่อนแอมาก!
เธอไม่ปลื้ม!