อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 297 ธงรบรูปราชาหมาป่าสีขาว
ตอนที่ 297 ธงรบรูปราชาหมาป่าสีขาว
ทั้งห้าคนดูเยี่ยนหงกับชวนไป๋เสร็จก็พากันออกมา
เขาเทพจันทราใหญ่มาก ทำได้เพียงรอมีเวลามากกว่านี้ค่อยมาใหม่
ตอนเย็นมีกินเลี้ยงรวม จะปล่อยให้ผู้ใหญ่กับแขกรอไม่ได้
เมื่อรถกลับไปถึงตรงป้อมทหาร ทหารทั้งหน่วยก็เข้าแถวเรียงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พากันมองคนที่ลงจากรถท่ามกลางธงรูปราชาหมาป่าสีขาวปลิวไสว
สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสงสัย เหลือบมองทุกคน
พูดให้ถูกก็คือมองมู่เถาเยา
เย่ว์หลั่งกระแอม แนะนำลูกสาวสุดที่รักของตัวเองให้ทหารช่างสงสัยเหล่านี้รู้จัก ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือสีหน้าก็ล้วนแสดงออกถึงความโอ้อวดและภาคภูมิใจ
ถึงแม้ทหารทุกนายจะไม่รู้ว่าครอบครัวหัวหน้าเผ่ามีลูกสาวคนนี้ด้วย แต่ก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไร
ทำไมหัวหน้าเผ่าน้อยที่ไม่เคยเห็นเลยตลอดสิบแปดปีถึงมาขึ้นเขาเทพจันทรา นี่เป็นเรื่องของครอบครัวหัวหน้าเผ่า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
แค่พวกเขารู้ว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีคนรับช่วงต่อแค่นี้ก็พอแล้ว
หัวหน้าหน่วยเข้าไปทำความเคารพแบบทหารต่อครอบครัวเย่ว์ จากนั้นก็ถามเรื่องลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีรุ้งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
พวกเขาเห็นกันหมดทุกคน
ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์แบบนี้มาก่อน ไม่แม้แต่จะเคยได้ยิน
หัวหน้าเผ่าน้อยที่ไม่คุ้นหน้ามายังเขตหวงห้ามเป็นครั้งแรกก็เกิดปรากฏการณ์วงแหวนสีรุ้งไม่แปลกที่พวกเขาจะคิดเยอะ
นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี เย่ว์หลั่งไม่คิดจะปิดบัง
ถ้าไม่ติดว่ายังไม่คลี่คลายเรื่องที่ลูกสาวหายตัวไป พวกเขาก็อยากประกาศให้โลกรู้นานแล้ว
สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดเพราะแก้วตาดวงใจของพวกเขา เดิมทีก็ควรบอกให้ทุกคนรับรู้ถึงที่มา เพื่อที่ผู้คนจะได้มีความมั่นใจในตัวหัวหน้าเผ่าน้อยและให้ความรักและปกป้อง
ลูกสาวสุดที่รักไม่เหมือนกับพวกเขา ทุกคนเห็นเธอแปลกตาเพราะหายตัวไปสิบแปดปี พวกเขาจึงอยากสร้างอิทธิพลให้เธอ ค่อยๆ ให้เธอกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหมาป่าพระจันทร์
มู่เถาเยากลับไม่ได้คิดมากขนาดนั้น แค่คุยกับบรรดาทหารสั้นๆ จากนั้นเย่ว์เลี่ยงกับหลานชายทั้งสองคนก็พูดอะไรอีกเล็กน้อยแล้วพากันขึ้นรถกลับ
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่อ คิดเห็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีความเห็นค่ะ”
ต้องมีความคิดเห็นอะไรด้วยเหรอ
มู่เถาเยาทำหน้างง
“เอ่อ…ไว้วันหน้าลูกว่างพ่อจะพาไปค่ายทหารนะ”
ไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้น ลูกสาวสุดที่รักของเขาก็น่าจะรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านที่น่าภาคภูมิใจ…หรือเปล่า
“หนูอยากดูการผลิตอาวุธมากกว่าค่ะ”
เธอสนใจพวกอาวุธทำลายล้างระยะไกลมาก
เธอคิดค้นอาวุธชีวภาพได้ แต่กลับไม่มีไอเดียพวกอาวุธระยะไกล อย่างไรเสียในสองชาตินี้เธอก็ไม่ได้คลุกคลีด้านนี้
เมื่อก่อนเธอเป็นเพียงเด็กสาวชาวบ้าน ไม่มีทางได้แตะต้องอย่างสิ้นเชิง
เย่ว์จือเหิงแย่งพูด “เสี่ยวเยาเยา ไว้วันไหนพี่จะพาไปดูการทำปืนก่อน ค่อยๆ เริ่มจากปืนไปนะ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนพร้อมพยักหน้า
เย่ว์หลั่งมองค้อนใส่ลูกชายคนโต
ควรเป็นเขาที่พาลูกสาวไปสิ!
กล้าแย่งเขาเลยเหรอ!
คันเนื้อคันตัวอยากโดนใช่ไหม!
เย่ว์จือเหิง “…”
เย่ว์จือกวงขับรถ ไม่ขอยุ่งสงครามสายตาระหว่างพ่อกับพี่ชายคนโต แต่เขาอยากคุยกับน้องสาวจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราต้องเอาเต็นท์เข้าป่าพิษหมาป่าด้วยไหม”
“ป่าพิษหมาป่ามีสมุนไพรเยอะมาก เราจะไม่เก็บอย่างอื่นนอกจากพวกสมุนไพรที่ตามหากับสมุนไพรหายาก ใช้เข่งสามใบ เอาเต็นท์เข้าไปด้วยดีกว่าค่ะ พี่รองหนึ่งหลัง ฉันกับอาจารย์สามหนึ่งหลัง”
“ได้ ในป่าพิษหมาป่าก็มีของกินได้อยู่เยอะ ผลนมหมาป่าเยอะมาก ถึงขั้นที่น้ำกินไม่ต้องเอาไปเยอะก็ได้ ในนั้นมีเถาวัลย์น้ำเยอะมาก ถ้ากระหายก็ฟันออกมาท่อนหนึ่งใช้ดื่มกิน หวานชุ่มคอ พวกเราพกพวกเนื้อแห้งที่กินแล้วอยู่ท้องไปเยอะหน่อย”
“ค่ะ”
เธอยังมียาบำรุงอีก
เย่ว์หลั่งพูดเตือน “ต้องเอายาไปเผื่อด้วยนะ”
“ค่ะ”
เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวเยาเยา พิษในป่าพิษหมาป่าไม่ได้เยอะมากมายอะไร อยากให้คนที่วรยุทธ์สูงหน่อยตามไปสักสองสามคนไหม มีพวกเธออยู่หมาป่าไม่มีทางทำอะไรพวกเขา”
อันตรายภายในป่าพิษหมาป่าหลักๆ มาจากฝูงหมาป่า เพราะเป็นอาณาเขตของพวกมัน
แม้แต่เสือที่ได้รับฉายาว่าเป็นราชาเจ้าป่าเมื่อเจอหมาป่าก็ยังต้องถอย
“อาคะ ไม่ต้องให้คนติดไปด้วยหรอกค่ะ พวกเราเข้าป่าครั้งนี้จุดประสงค์หลักก็เพื่อหาสมุนไพรไม่กี่ชนิด ต่อให้เอาคนเข้าไปเยอะก็กระจายกันตามหาไม่ได้”
ตามหาสมุนไพรโบราณของวิเศษพวกนั้นต้องอาศัยดวงล้วนๆ ดวงของหมอกับคนไข้ เอาคนไปเยอะก็ไม่มีประโยชน์ ไม่อย่างนั้นเธอคงขอให้พวกศิษย์พี่จากสำนักแพทย์โบราณกับสำนักซย่าโหวมาช่วยแล้ว
อยู่ในป่าพิษหมาป่า ศิษย์พี่วรยุทธ์สูงคนหนึ่งคุ้มกันศิษย์พี่แพทย์โบราณคนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
อย่างไรเสียอันตรายในป่าพิษหมาป่าก็ไม่เหมือนกับป่าเซียนโหยว
ป่าพิษหมาป่ามีอันตรายมากในสายตาของคนนอก แต่สำหรับคนตระกูลเย่ว์แล้ว อันที่จริงอันตรายไม่สูงนัก เพราะหมาป่าจะคุ้มกันนาย ไม่มีทางเปิดโอกาสให้สัตว์อื่นทำร้ายนาย ดังนั้นพวกเขาแค่ป้องกันสิ่งมีพิษอื่นๆ ก็พอแล้ว
“ก็ได้ พวกเธอระวังตัวกันให้ดีก็พอ”
เย่ว์จือกวง “วางใจได้ครับอา ผมจะปกป้องน้องกับอาจารย์สามให้ดี”
“อืม”
อากวงเป็นหลานชายของเธอ และก็เป็นลูกศิษย์ด้วย เธอย่อมรู้ความสามารถของเขา
ชั่วโมงครึ่งต่อมาก็กลับถึงตำหนักพระจันทร์
ทุกคนพากันเข้ามาล้อม
ปู่เย่ว์กับย่าเย่ว์มองหลานสาวด้วยความดีใจ “เสี่ยวเยาเยา เมื่อกี้พวกเราเห็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีรุ้งด้วยนะ”
“ทุกคนเห็นกันหมดเลยเหรอคะ”
ย่าเย่ว์ยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่จ้ะ อู๋เปียนเห็นก่อนแล้วบอกพวกเรา มันปรากฏอยู่ห้าหกนาทีย่าเดาว่าคนส่วนใหญ่ในเผ่าก็คงเห็นกันหมด”
คนอื่นอาจคิดว่ามันเป็นเหมือนภาพลวงตา เพราะปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการหักเหและการสะท้อนกลับของแสงเป็นภาพเสมือนจริงที่เกิดจากการหักเหของแสงที่สะท้อนจากวัตถุบนโลกผ่านชั้นบรรยากาศ
ในความเป็นจริงมีเพียงคนตระกูลเย่ว์เท่านั้นที่รู้เหตุผล
และก็เห็นเป็นครั้งแรก
ปู่เย่ว์ย่าเย่ว์มีสีหน้าดีใจ ตื่นเต้นดีใจแบบที่ยากจะปิดบัง และก็ไม่อยากปิดบัง
เมื่อครู่ตอนเห็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์สีรุ้งพวกเขาก็คิดเยอะมาก ตอนนี้ปล่อยวางเรื่องที่หลานสาวคนเล็กหายไปตั้งแต่ตอนเด็กได้แล้ว
มีสูญเสียย่อมมีได้รับ แต่ละคนต่างมีวาสนาของตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนดไว้
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียนที่ยืนอยู่ข้างผู้สูงวัย จากนั้นก็มองธงราชาหมาป่าที่อยู่หน้าตำหนักพระจันทร์
ทุกคนก็มองตามสายตาของเธอ
ธงสีดำโบกสะบัดภายใต้แสงแดดแรงกล้า ราชาหมาป่าตัวเมียสีขาวที่อยู่บนธงดูองอาจน่ายำเกรง ให้ความรู้สึกที่ยากจะหาคู่ต่อสู้มาต่อกรได้
เนื่องจากหัวหน้าเผ่าคนแรกเป็นผู้หญิง สัญลักษณ์ที่อยู่บนธงจึงเป็นราชาหมาป่าตัวเมีย
มู่เถาเยามองธงสัญลักษณ์ที่เป็นรูปหมาป่าแสนองอาจ ราวกับเธอได้เห็นผู้หญิงที่ชาญฉลาดกับหมาป่าสีขาวหนึ่งตัวข้างกาย นำกองทัพที่ราษฎรร่วมแรงร่วมใจกันไปทำศึก ชนะสงครามที่แสนน่ากลัวครั้งแล้วครั้งเล่า…
ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าสงครามครั้งสุดท้ายในชาติที่แล้วเป็นสงครามใหญ่ที่สุดที่เธอเข้าร่วม เธอเผลอหลุดเข้าไปในกับดักของศัตรู ถูกล้อมไว้อยู่สักพัก
ในขณะที่เธอกำลังเข้าตาจนอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีหมาป่าสีขาวนัยน์ตาสีน้ำเงินฝ่าเข้ามา…
ตอนแรกเธอคิดว่าทหารข้าศึกต้อนฝูงหมาป่าเข้ามาทำสงครามกับเธอ แต่กลับไม่คิดว่ามีหมาป่าแค่ตัวเดียว อีกทั้งหมาป่าตัวนี้แค่เดินวนรอบตัวเธอหนึ่งรอบ ส่งเสียงคำรามหนึ่งทีแล้วหันตัววิ่งออก
ร่างกายของเธอเร็วกว่าความคิด ตามหมาป่าไปทันที หลุดพ้นจากวงล้อมของศัตรู
เย่ว์เลี่ยงเห็นมู่เถาเยาเหม่อมองธงหมาป่าขาวที่โบกสะบัดจึงจับมือเธอ “เป็นอะไรไปเสี่ยวเยาเยา”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก แก้มแดงเหมือนเด็กทารกยกขึ้นมีรอยยิ้มแสนหวาน “หนูชอบธงนี้ค่ะ”
คนตระกูลเย่ว์ต่างดีใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เถาเยาชอบสิ่งหนึ่งอย่างแท้จริง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แค่บอกชอบแต่จะมีหรือไม่มีก็ได้