อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 314 เขารักพี่สาวยิ่งกว่า
ตอนที่ 314 เขารักพี่สาวยิ่งกว่า
เครื่องบินลงจอดที่หมู่บ้านเถาหยวนเวลาบ่ายสี่โมง
ถังหยวนอาจารย์แม่รองของมู่เถาเยา อาจารย์อาเล็กและภรรยา ศิษย์พี่ใหญ่กับภรรยา ปู่ย่าของตี้อู๋เปียน เจ้าถุงลมน้อย เป่ยซี อดีตผู้ใหญ่บ้านกับภรรยา ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยา มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา เป็นต้น ต่างมารอรับพวกเขาที่ลานจอดเครื่องบิน
“เสี่ยวเยาเยา!”
“ที่รัก!”
“พ่อคะ แม่คะ”
“พี่สาว”
“พี่ใหญ่”
“โฮ่งๆ…”
ชั่วขณะนั้นเสียงเรียกประดังประเด บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมาทันตา
สะดุดตาที่สุดคงเป็นเย่ว์หลั่งที่กอดเป่ยซีเหมือนคนคลั่งรัก ไม่มีควบคุมระดับเสียง และไม่แคร์สายตาคนอื่นด้วย
ถ้าไม่ติดว่ามีเด็กๆ อยู่ตรงนั้นเยอะ เย่ว์หลั่งคงจูบไปแล้ว
เจ้าถุงลมน้อยพยายามเลียนแบบ กอดต้นขาของมู่เถาเยาพูดเหมือนเย่ว์หลั่ง “พี่สาว คิดถึงจังเลย…” บลาๆๆ
อืม ก็ไม่ได้เลียนแบบคำพูดทั้งหมด เปลี่ยนจาก ‘ที่รัก’ เป็น ‘พี่สาว’
ทุกคนหัวเราะการกระทำของเจ้าถุงลมน้อย
ในที่สุดเย่ว์หลั่งก็ปล่อยเป่ยซี เปลี่ยนเป็นจูงมือ หันไปลูบหัวเจ้าถุงลมน้อยพลางยิ้มพูด “คนเก่ง อนาคตไกลนะเรา!”
เจ้าถุงลมน้อยกะพริบตาปริบๆ
เขาไม่ค่อยเข้าใจ
รู้เพียงว่าคำพูดพวกนั้นแสดงความคิดถึง ก็เลยเอามาพูดกับพี่สาวบ้าง
ใครใช้ให้เขายังเด็กคลังศัพท์น้อยล่ะ!
เสี่ยวเฮยเฮยเดินวนรอบสองเทาน้อยที่อยู่ตรงขามู่เถาเยา พร้อมทั้งเห่าอยู่เรื่อยๆ
เจ้าถุงลมน้อยปล่อยมู่เถาเยา เปลี่ยนไปเล่นกับเทาน้อยสองตัว
“เสี่ยวฮุยฮุย”
เทาน้อยสองตัวตกใจเอาแต่ร้องบรู้วไม่หยุด
เสี่ยวเฮยเฮยกลับตกใจเสียงร้องของพวกมัน
เจ้าถุงลมน้อยเงยหน้าถามมู่เถาเยาด้วยความสงสัย “พี่สาวฮะ เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยทำไมไม่ร้องโฮ่งๆ”
“เพราะพวกมันไม่ใช่หมาบ้านจ้ะ เป็นลูกหมาป่า”
“หมาป่าเหรอ หมาป่าที่อยู่ในรายการโลกของสัตว์น่ะเหรอ”
“เสี่ยวอันเหยี่ยฉลาดมากจ้ะ! แต่เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยยังเป็นเบบี๋อยู่ เหมือนอันเหยี่ยเลย ยังไม่โตจ้ะ”
“อ๋อๆ อันเหยี่ยอยากเป็นเพื่อนกับพวกมันฮะ”
มู่เถาเยาย่อตัวนั่งลง มือข้างหนึ่งอุ้มเทาน้อยขึ้นมาลูบปลอบแล้วพูดกับเจ้าถุงลมน้อยอย่างจริงจัง “อันเหยี่ยจ๊ะ เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยร่างกายอ่อนแอมาก พวกมันรับไม่ไหวแบบที่อันเหยี่ยเล่นกับเสี่ยวเฮยเฮยนะ”
เจ้าถุงลมน้อยอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “พี่สาวฮะ เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยป่วยเหรอ”
“ใช่จ้ะ ยังต้องรักษาพวกมันอีกนานกว่าจะหาย”
“แบบอาเล็กเหรอฮะ”
“จ้ะ”
ตี้อู๋เปียน “…”
“งั้นอันเหยี่ยรอพวกมันหายดีแล้วค่อยเล่นกัน”
“เด็กดี”
จางเฟยแม่ของมู่หว่านยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ กลับบ้านกันก่อนดีกว่า พวกผู้ใหญ่จะได้นั่งคุยกัน”
ผู้ใหญ่บ้านพูดต่อ “ใช่ๆๆ พวกเราเตรียมชายามบ่ายไว้แล้ว ตอนเที่ยงทุกคนอยู่บนเครื่องบินต้องไม่ได้กินเป็นกิจจลักษณะแน่ หาอะไรรองท้องก่อน เดี๋ยวอาหารเย็นก็เสร็จแล้วนะ”
“ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากค่ะ”
“เด็กคนนี้นี่ จะเกรงใจทำไมกัน”
มู่เถาเยายิ้มบาง
นับตั้งแต่เธอออกไปเรียน ดูเหมือนเธอจะต้องรบกวนคุณลุงผู้ใหญ่บ้านกับคุณป้าบ่อยๆ
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจจริงๆ เพราะชาวหมู่บ้านก็เหมือนคนในครอบครัวของเธอ
กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยช่วยเรียกทุกคนขึ้นรถ
รถคันแล้วคันเล่า ขบวนนี้ใหญ่มาก ยิ่งใหญ่ไม่เบา คนไม่รู้คงคิดว่ามีกิจกรรมอะไรกันบราวนี่ออนไลน์
เนื่องจากเรือนเล็กของพวกมู่เถาเยาไม่สะดวก ก็เลยรับไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก่อน
หมอเทวดาหยวน ซย่าโหวโซ่ว ผู้อาวุโสถัง สามคนนี้ไม่ได้ออกมารับคณะก็เพราะกำลังสอนกลุ่มฝึกพิเศษอยู่
ไม่ว่าจะเรียนเรื่องอะไรทั้งสามคนก็จะสอนด้วยกัน อีกสองคนเรียนรู้ไปด้วย
ขนาดคนอายุปูนนี้ยังอยากเรียน ถ้าพวกกลุ่มคนที่มาฝึกพิเศษไม่รู้จักทุ่มเทก็คงต้องอายแล้ว
มู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน อวิ๋นสุ่ยเหยา และพวกเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านต่างช่วยยกน้ำยกขนมมาให้
“ซือเถียน ทำไมไม่เห็นซือจิ่นเลยล่ะ”
ทุกครั้งที่เธอกลับมา ซือจิ่นแทบจะเป็นคนแรกในบรรดาเด็กๆ ที่วิ่งมาหาเธอก่อน
เด็กสาวอายุราวสิบสี่สิบห้าที่อยู่ข้างมู่หว่านยิ้มตอบ “ย่าเยาเยา เสี่ยวจิ่นเรียนอยู่ค่ะ”
“เขาก็สนใจเรียนพวกนั้นด้วยเหรอ”
“เสี่ยวจิ่นสนใจแค่ฝึกยุทธ์ ตั้งแต่ปิดเทอมมาก็แทบจะตัวติดปู่ทวดซย่าโหวตลอดยกเว้นตอนนอนค่ะ”
มู่หว่านยิ้ม “เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้ช่วงปิดเทอม มีเด็กๆ มาที่หมู่บ้านเยอะเลย”
มู่เถาเยารู้ว่าเด็กๆ เหล่านี้เป็นลูกหลานของตระกูลซย่าโหว ตระกูลถัง เธอรู้จักดีทั้งนั้น อย่างเช่น ซย่าโหวจิ่งเหยา ซย่าโหวข่ายเกอ ถังเซิ่นอวี๋ เป็นต้น
“เด็กๆ พวกนั้นก็เข้าเรียนด้วยเหรอ”
เจียงเฟิงเหมียนยิ้มตาโค้งพยักหน้า “ใช่ค่ะพี่เยาเยา พวกเขาตั้งใจกันมาก ก็ไม่รู้ว่าเข้าใจกันหรือเปล่า ขนาดข่ายเกอน้อยที่อายุสามขวบก็ยังอยากนั่งฟังกับพวกพี่ๆ ด้วย ไม่มีซนเลยค่ะ!”
อวิ๋นสุ่ยเหยา “ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไปเรียนด้วยค่ะ แต่วันนี้บ่ายพวกพี่กลับมากันเลยไม่ได้ไป เสี่ยวอันเหยี่ยก็ด้วยค่ะ”
เจ้าถุงลมน้อยพยักหน้า
เขารู้ว่าพี่สาวจะกลับมาแล้ว ก็เลยไม่มีอารมณ์ไปเรียน
เขารักพี่สาวมากกว่าการเข้าเรียน
มู่เถาเยาลูบหัวของเด็กน้อย
อวิ๋นสุ่ยเหยามองพวกผู้อาวุโสที่นั่งดื่มชาคุยกันอยู่ในห้องรับแขก จากนั้นก็กระซิบถาม “พี่เยาเยาคะ อาเล็กของฉันกับอาเย่ว์เลี่ยงลงเอยกันหรือยังคะ”
“ยังเลย แต่อีกไม่นานหรอก”
เธอรู้ว่าหลังจากอาได้ยินย่าเย่ว์พูดชื่อ ‘เยี่ยนหัง’ กับ ‘อู๋ซวง’ บนเครื่องบินแล้ว ท่าทีจะต้องเปลี่ยนไปแน่นอน
พวกเธอสามคนแน่ใจได้ว่าเยี่ยนหังจะมาเกิดเป็นลูกชายของเย่ว์เลี่ยงอีกครั้ง และก็เป็นได้แค่ลูกชายของเย่ว์เลี่ยงเท่านั้นด้วย
ส่วน ‘เย่ว์อู๋ซวง’ ไม่ขอรับประกันอะไร อย่างไรเสียตระกูลเย่ว์ก็เด็กผู้หญิงน้อยอยู่แล้ว
มีเด็กผู้หญิงโผล่มาได้รุ่นละคนก็ถือว่ามีบุญวาสนามากแล้ว
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมย่าเย่ว์ถึงพูดว่าเด็กจะชื่อ ‘เยี่ยนหัง’ ไม่พูดถึง ‘อู๋ซวง’ ที่ตี้อู๋เปียนถามเอาตอนหลัง
พอได้ฟังมู่เถาเยา อวิ๋นสุ่ยเหยาก็ยิ้มทันที “ฉันอยากได้น้องสาวกับน้องชายอย่างละคนค่ะ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องห่วง”
แม้เธอเองจะห่วงมากก็ตาม
แต่ถ้าอาแต่งงานกับน้าเล็กอวิ๋น โอกาสที่จะได้ลูกแฝดก็มีเยอะมาก
ไม่แน่อาจได้ทั้ง ‘เยี่ยนหัง’ และก็ ‘อู๋ซวง’!
“ค่ะพี่เยาเยา พี่ชายฉันดูสีหน้าดีขึ้นเยอะเลยนะคะ”
อวิ๋นสุ่ยเหยามองไปในห้องรับแขกอีกครั้ง ตี้อู๋เปียนนั่งอยู่กับพวกผู้ใหญ่
ใครใช้ให้คนแก่คนป่วยต้องอยู่ด้วยกันล่ะ!
มู่เถาเยาพยักหน้า “อีกสักระยะก็ออกกำลังกายได้แล้วล่ะ”
“จริงสิ อาจารย์สอนโยคะผู้ชายที่อาของฉันส่งมาตอนนี้พักอยู่ที่บ้านซือเถียนนะคะ”
“โอเค เดี๋ยวให้ตี้อู๋เปียนจัดสรรเวลา เสี่ยวเหยา พ่อแม่ของเธออาจพาปู่ย่าของเธอมาพักที่นี่หลายวันหน่อย”
“เอ๊ะ ปู่ย่ากับพ่อแม่ฉันก็จะมาเหรอคะ”
“อืม”
“งั้นก็เยี่ยมไปเลย!”
สาวน้อยดีใจจนปรบมือใหญ่
มู่หว่านพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ “หมู่บ้านเถาหยวนของเรายอดเยี่ยมจะตาย! ใครๆ ก็อยากมา!”
มู่ซือเถียนพยักหน้า
ลูกพี่ลูกน้องเธอที่เป็นลูกน้าชายก็มาอยู่ที่บ้านเธอแล้ว
เจียงเฟิงเหมียนยิ้มตาโค้งมน “พี่เยาเยาคะ พวกเราผัดกับข้าวเองได้แล้วนะ รสชาติใช้ได้เลยล่ะ”
มู่หว่าน “ใช่ แม่บอกว่าพอไหว”
“…พวกเธอมีความสุขก็พอ”
มู่เถาเยาเข้าใจแม่มู่หว่าน รู้ว่าคำว่า ‘พอไหว’ คือฝืนตอบ
แสดงให้เห็นว่าเด็กสาวทั้งสามคนนี้ก็ไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารเท่าไร
เจ้าถุงลมน้อยที่นั่งพิงอยู่ในอ้อมอกมู่เถาเยามองตาปริบๆ “อันเหยี่ยก็มีความสุข เสี่ยวเฮยเฮยก็มีความสุข”
เสี่ยวเฮยเฮยเห่าเสียงดังหนึ่งที
เทาน้อยสองตัวตกใจอีกรอบ ขดตัวเข้าหากัน
มู่หว่านมองลูกหมาป่าที่ท่าทางน่าสงสาร “เสี่ยวเยาเยา พวกมันดูขี้กลัวมากเลยนะ”
“อืม พวกมันโชคไม่ดีไปหน่อยตอนอยู่ในท้องแม่ ก็เลยอ่อนแอมาแต่กำเนิด อยู่แต่ในถ้ำจนโตมาเท่านี้”
เจียงเฟิงเหมียน “น่าสงสารจัง”
อวิ๋นสุ่ยเหยา “พี่เยาเยารักษาพวกมันให้หายได้หรือเปล่าคะ”
เด็กสาวอายุเท่านี้อยู่ในวัยที่จิตใจโอบอ้อมอารี ทนเห็นสัตว์ตัวน้อยทุกข์ทรมานไม่ได้
“ได้ บำรุงสักปีสองปีก็หายแล้ว”
พวกเด็กสาวพากันดีใจใหญ่