อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 318 แค่อยากเดตด้วย
ตอนที่ 318 แค่อยากเดตด้วย
หลังอาหารเย็น เหล่าหญิงชราก็พากันออกไปเดินเล่น
เหล่าชายชรานั่งตากลมอยู่ที่ชานเรือน
มู่เถาเยาหยิบต้นดอกจื่อตันออกมาให้อาจารย์รองซย่าโหวโซ่ว
“ต้นใหญ่ขนาดนี้เลย! เสี่ยวเยาเยา อาจารย์จะย่อยมันได้หมดหรือเปล่า”
“ตอนเย็นหนูจะคุ้มกันให้ค่ะ ถ้าย่อยได้ไม่หมดหนูจะช่วยอีกแรงค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ไม่งั้นหนูกินอีกต้นไหม อาจารย์รองอายุปูนนี้แล้ว กินไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
ซย่าโหวโซ่วลูบดอกจื่อตัน เสียดายไม่กล้าเก็บไว้กินเอง
“อาจารย์รองคะ ปีหน้ากับปีหน้าๆ ก็ยังมีอีกค่ะ เป็นทุ่งเลยค่ะ!”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “ตอนนี้กำลังภายในของเย่ว์เลี่ยง จือฉิน อากวง สูงกว่านายหมดแล้ว นายกินมันจะได้มีวรยุทธ์เป็นอันดับที่สอง”
อันดับหนึ่งคือเสี่ยวเยาเยา
“ฉันไม่ได้จะแข่งอันดับเสียหน่อย” พวกเด็กๆ เก่งกว่าเขา เขาก็ดีใจ
ปู่เย่ว์หัวเราะเบาๆ “อาโซ่ว เสี่ยวเยาเยาแสดงความกตัญญู กินเข้าไปเถอะ”
เขาเข้าใจความรู้สึกของคนแก่ที่เวลาเห็นของดีอะไรก็อยากให้ลูกหลานตัวเอง แต่อาจารย์ของหลานสาวคนเล็กสำคัญต่อหลานสาวของเขามาก
ยิ่งพวกอาจารย์ดีขึ้นทุกวัน เธอถึงจะยิ่งมีความสุข
ตาเป่ยพูด “เสี่ยวเยาเยากตัญญู คุณไม่กินลูกศิษย์จะเสียใจเอานะ”
“ได้ งั้นกินแล้วนะ”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “อาจารย์รองคะ เดี๋ยวสามทุ่มพวกเราขึ้นไปดาดฟ้าค่อยกินค่ะ”
ผู้เฒ่าอวิ๋นอี้ถามด้วยความไม่เข้าใจ “เสี่ยวเยาเยา ทำไมดอกจื่อตันต้องกินตอนเย็นด้วยล่ะ”
เมื่อคืนกลุ่มคนที่กินยาจื่อตันก็กินตอนสามทุ่ม
“ปู่อวิ๋นคะ ต้นจื่อตันจะเจริญเติบโตตอนกลางคืน กลางวันมันจะอยู่ในสภาพแกล้งตาย ดังนั้นกินตอนเย็นจะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดค่ะ”
ปู่ตี้อึ้ง “ต้นไม้แกล้งตายได้ด้วยเหรอ มหัศจรรย์จริงๆ!”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ดอกจื่อตันเป็นสมุนไพรที่มีไหวพริบ สาเหตุที่พวกสัตว์ไม่กินมันเพราะมีกลิ่นฉุน”
อันที่จริงรสชาติตอนกินสดๆ ก็พอไหว แค่พวกสัตว์ไม่เคยลองกิน
หยวนเหยี่ย “พืชชนิดนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อสัตว์เท่าไรนัก กอปรกับกลิ่นไม่ได้ชวนดม เลยไม่มีสัตว์ตัวไหนเข้าใกล้พวกมัน ก็โชคดีที่เป็นแบบนั้น มิฉะนั้นพวกเราคงไม่มีดวงได้เห็นมันแล้ว”
ทุกคนต่างพยักหน้า
ซย่าโหวโซ่ว “เสี่ยวเยาเยาไปเล่นก่อนเถอะ สามทุ่มพวกเราค่อยขึ้นข้างบน”
“ค่ะ”
เธอว่าจะพาพวกเทาน้อยกับเสี่ยวเฮยเฮยไปเดินเล่นพอดี
พวกเทาน้อยไม่ค่อยกลัวเสี่ยวเฮยเฮยแล้ว เธอจึงเอาบ้านของพวกมันไปอยู่ด้วยกัน
ตอนนี้เจ้าถุงลมน้อยกับพวกเด็กเล็กกำลังเล่นกับพวกมันอยู่
พอเห็นมู่เถาเยาเข้าไปก็พากันรุมล้อม
อืม พวกเขาชอบพี่สาวหรืออาสาวหรือย่าหรืออาจารย์ย่ามากกว่าสัตว์เล็กๆ!
มู่เถาเยาชักลำดับคำเรียกของตัวเองไม่ถูกแล้ว
คำที่พวกเด็กๆ ใช้เรียกเธอแตกต่างกันออกไป ก็เหมือนที่เธอเรียกพวกผู้ใหญ่จนสับสนไปหมด
ย่าตี้เป็นเพื่อนของอาจารย์ใหญ่ เดิมทีเธอควรเรียกคุณน้าหรือไม่ก็คุณอาถึงจะถูก แต่ทุกคนต่างให้เธอเรียกว่าย่า
แต่มันก็แค่คำเรียกแทนตัว เธอไม่มีทางคิดมาก
“ฉันจะพาเสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยออกไปหน่อย ทุกคนจะไปด้วยกันไหม”
พวกเด็กๆ ตอบเป็นเสียงเดียวกัน “ไป!”
ครั้นแล้วมู่เถาเยาก็พาหมาป่าสองตัว หมาบ้านหนึ่งตัว และพวกเด็กๆ ออกจากบ้านไป
ปรากฏว่าพวกเด็กสาวอย่างมู่หว่านที่คุยกันอยู่อีกด้านหนึ่งก็ตามออกไปด้วย
ตี้อู๋เปียนลังเลจะตามไปดีหรือเปล่า
“ซาลาเปาน้อย…”
มู่เถาเยากวักมือไล่ “คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
เยี่ยอิ่ง เฉิงซิ่น และพวกอวิ๋นสุ่ยเหยาต่างกลั้นขำ
มีคนอายแล้วงานนี้!
อุตส่าห์มั่นอกมั่นใจว่าสาวก็มีใจอยู่บ้าง!
หุหุ สาวไม่ได้คิดไปทางนั้นเลยสักนิด!
พวกมู่เถาเยาก็ไม่ได้อยู่ข้างนอกนาน เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยยังไม่ค่อยแข็งแรง ไปไกลมากไม่ได้
อืม และก็เพราะพวกมันเอาแต่ขลุกอยู่ในรังหมาป่าถึงได้ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ
อันที่จริงสัตว์ก็เหมือนกับมนุษย์ ต้องออกกำลังกายด้วย
เจ้าถุงลมน้อยลูบลูกหมาป่าทั้งสองตัวพลางพูด “พี่สาวฮะ เสี่ยวฮุยฮุยกับเสี่ยวเสี่ยวฮุยเหนื่อยแล้ว”
“อืม เดี๋ยวเย็นหน่อยค่อยป้อนอาหารพวกมันแล้วให้พักผ่อน” ลูกหมาป่าสองตัวนี้กินน้อยแต่กินหลายมื้อ
ซย่าโหวข่ายเกอ “นอนเยอะๆ โตเร็วๆ นะ” เขาจำที่อาจารย์ย่าพูดได้
มู่เถาเยาลูบศีรษะเด็กที่อายุน้อยที่สุดทั้งสองคน “ใช่จ้ะ เสี่ยวอันเหยี่ยกับเสี่ยวข่ายเกอก็เหมือนกันนะ กินเยอะๆ นอนเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
ซย่าโหวจิ่งเหยากำมือแน่น พูดกับมู่เถาเยาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “โตแล้วเก่ง! แบบอาจารย์ย่า!”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “จิ่งเหยาของพวกเราพอโตแล้วต้องเก่งกว่าอาจารย์ย่าแน่นอน”
มู่ซือจิ่นกับถังเซิ่นอวี๋ก็มองมู่เถาเยาอย่างมีความหวัง
“ตอนนี้พวกเธอสองคนเป็นเด็กที่เก่งที่สุด โตขึ้นก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เก่งที่สุด”
พวกเด็กๆ ต่างดีใจ
พวกสาวๆ อย่างมู่หว่านหัวเราะคิกคัก
ใช้คำว่า ‘ที่สุด’ ได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ
‘ที่สุด’ ไม่ได้มีแค่หนึ่งเดียวเหรอ
เด็กๆ นี่หลอกง่ายจริง!
“เอาล่ะ นี่ก็เย็นแล้ว ซือเถียน ซือจิ่น พวกเธอรีบกลับบ้านเถอะ”
มู่ซือเถียนจูงมือมู่ซือจิ่นร่ำลาทุกคนแล้วเดินออกไป
“เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เสี่ยวเหยา พวกเธอก็กลับด้วย พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” พวกเด็กสาวพักอยู่ด้วยกัน
“โอเค”
หมู่บ้านเถาหยวนปลอดภัยมาก ต่อให้เด็กเดินคนเดียวก็ไม่ต้องเป็นห่วง มู่เถาเยาจึงไม่ได้ให้ใครเดินไปส่ง
หลังจากพวกเด็กสาวไปแล้วเธอก็จูงเด็กอายุน้อยที่สุดเดินเข้าห้องรับแขก
บรรดาหญิงชรากลับมากันแล้ว เพราะยังมีเด็กๆ ในครอบครัวตัวเองที่ต้องดูแล
คนอื่นๆ ที่ไม่ได้พักที่นี่ก็ทยอยกลับกัน
เรือนหลังนี้จึงว่างขึ้นถนัดตา
มีแค่มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนที่ยังอยู่ในห้องรับแขก
“ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้เช้าว่างไหม”
“มีอะไรเหรอ”
“ฉันอยากให้เธอดูฉันฝึกโยคะ”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ
มีอะไรน่าดู
“ไม่งั้นเธอก็มาฝึกด้วยเป็นไง ยังไงเวลาก็ไม่ชนกัน”
“ฉันฝึกยุทธ์ก็พอแล้ว”
“…พวกผู้หญิงชอบโยคะกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ล่ะ”
“…”
“พรุ่งนี้คุณลองฝึกไปก่อน พอเข้าที่เข้าทางแล้วฉันจะให้ศิษย์หลานเริ่มสอนกำลังภายในให้”
“…อืม งั้นพรุ่งนี้ตอนกลางวันเธอทำอะไรเหรอ”
“ช่วงเช้าไปหาพวกเกาหม่า เก็บสมุนไพรกลับมาทำยาบำรุงให้สองเทาน้อย ช่วงบ่ายเรียกคนดูแลของแต่ละบริษัทมา”
“ยุ่งขนาดนั้นเลย…”
“ตี้อู๋เปียน คุณมีอะไรอยากให้ฉันช่วยหรือเปล่า”
“…เปล่า เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าจะดูงานแข่งขันกีฬา”
“วันมะรืนเป็นวันสุดสัปดาห์ พวกอาจารย์ไม่มีสอน ไว้ถึงตอนนั้นจะดูกับอาจารย์”
“…ได้ งั้นอีกสองวันทำอะไร”
มู่เถาเยาอดหันไปมองคนข้างๆ ไม่ได้ “ตี้อู๋เปียน ถ้าคุณมีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องเกรงใจ”
“…”
เปล่า เขาไม่มีจริงๆ ก็แค่อยากนัดเดตอ้ะ!
“ฉันไม่มีเรื่องอะไร”
“เอ่อ ถ้าคุณเบื่อก็ไปอ่านหนังสือในห้องหนังสือได้ เอาหนังสือกลับมาด้วยไม่ใช่เหรอ
“อืม”
“จะสามทุ่มแล้ว ฉันต้องไปคุ้มกันให้อาจารย์รอง คุณรีบพักผ่อนเถอะ”
“ได้”
ตี้อู๋เปียนมองมู่เถาเยาเดินขึ้นชั้นบน มุมปากตกลงอย่างอดไม่ได้
ถ้าซาลาเปาน้อยโตกว่านี้สักสองสามปีคงดี
ตอนนี้ยังเด็กเกินไป แถมหน้าตายังเด็กกว่าอายุจริง เหมือนเด็กม.ต้น เขาอยากขอเดตด้วยเลยไม่กล้าพูดออกไป
ซาลาเปาน้อยดูเด็กเกินไป!
ถ้าเขาเริ่มรุก ไม่ต้องคนอื่นรู้สึกหรอก ขนาดเขายังจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าเลย!
—————————–