อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 342 ตัดสินตามกฎหมาย
ตอนที่ 342 ตัดสินตามกฎหมาย
วันอาทิตย์
มู่เถาเยาตอบรับคำชวนของเหลยถิง ไปกินอาหารกลางวันที่ร้าน ‘อร่อยสุดๆ’
วินาทีที่เห็นเจียงเย่ว์เธอก็ผงะไปชั่วขณะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเจียงเย่ว์นับแต่ปิดเทอมหน้าร้อน
หลังจากเธอยกเรื่องของเจียงจี๋ให้ตี้อู๋โยวพี่ชายคนรองของตี้อู๋เปียนไปจัดการ เธอก็ไม่ค่อยได้สนใจอีก ไม่รู้ว่าในช่วงเวลาสองเดือนกว่านี้เจียงเย่ว์ผอมจนเหมือนไม้เสียบลูกชิ้น
เดิมทีก็ไม่ใช่คนอ้วน ตอนนี้ผอมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว
คนไม่รู้คงคิดว่าเธอเป็นโรคอะไร
แสดงให้เห็นว่ามีแรงกดดันภายในใจมากขนาดไหน
เหลยถิงรินชาให้มู่เถาเยาเสร็จก็พูดขึ้น “อาจารย์อาเล็กครับ ผมอยากขอให้ช่วยตรวจดูเสี่ยวเย่ว์หน่อยครับ”
เขาไม่กล้าให้น้าช่วย กลัวครอบครัวรู้ว่าเสี่ยวเย่ว์มีสภาพนี้แล้วจะไม่ชอบ
มู่เถาเยาตั้งใจดูเจียงเย่ว์อยู่สักพักแล้วพูดกับเหลยถิง “เจียงเย่ว์เป็นโรคทางใจ ใช้ยาก็ไม่ได้ผลหรอก เว้นเสียแต่เธอจะเดินออกมาเอง”
พอเจียงเย่ว์ได้ฟังมู่เถาเยา ดวงตาที่ปูดโปนเพราะผ่ายผอมก็ยิ่งเบิกกว้างมากกว่าเดิม หัวใจเต้นเร็ว
เหลยถิงขมวดคิ้ว
เขารู้ว่าเจียงเย่ว์มีเรื่องในใจ แต่เธอไม่ยอมบอก เขาจะเค้นถามก็ไม่ดี
“อาจารย์อาเล็ก…”
มู่เถาเยาส่ายหน้า
ใครก็ช่วยครอบครัวเจียงไม่ได้
และเธอก็ไม่มีทางยอมให้ใครช่วย เพราะเจียงจี๋สมควรรับกรรม ต้องรับโทษตามกฎหมาย
เจียงเย่ว์กระวนกระวายใจมาก
เธอรู้สึกว่ามู่เถาเยาต้องรู้อะไรบ้างแน่ แต่ก็รู้มาจากเหลยถิงว่ามู่เถาเยาไม่ได้ไปเมืองหลวงเท่าไร…
เหลยถิง “เสี่ยวเย่ว์ บ้านคุณ…”
“ไม่เป็นไร” เจียงเย่ว์รีบขัดจังหวะ
เหลยถิงจนปัญญาเหลือเกิน
เธอเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ
มู่เถาเยาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “กินข้าวก่อนเถอะ”
“…ครับ ผมสั่งอาหารที่อาจารย์อาเล็กชอบกินไว้ นั่งกันไปก่อนนะครับ ผมจะไปเร่งให้”
“อืม”
มู่เถาเยามองเหลยถิงเดินออกจากห้องแล้วหยิบชาดอกเก๊กฮวยผสมเก๋ากี้ขึ้นมาจิบ “เจียงเย่ว์ ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า”
ดูสภาพก็รู้ว่าทุกข์ทรมาน
แต่ก็ปกติ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงยากที่จะต้องไปแจ้งตำรวจจับพ่อตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นโทษหนักด้วย
“มะ…ไม่ต้อง ขอบคุณค่ะ…อาจารย์อาเล็ก” เจียงเย่ว์สั่นเล็กน้อย
“อืม”
มู่เถาเยายิ้ม หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาตี้อู๋โยว
ไม่นานก็มีอีเมลเข้าหนึ่งฉบับ
กดเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
ต่อมาก็รู้สึกเสียดายแทนเจียงเย่ว์
เธอไม่ชอบก็ส่วนไม่ชอบ แต่ไม่ปฏิเสธว่าเด็กสาวคนนี้เป็นคนมีพรสวรรค์มาก
“เจียงเย่ว์ พ่อแม่เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอผอมขนาดนี้”
เจียงเย่ว์ส่ายหน้า
“เธอกลับบ้านสักหน่อยเถอะ อยากถามหรืออยากพูดอะไรก็รีบเข้า” ใกล้ตามหาเหยื่อในช่วงหลายปีนี้ครบแล้ว ทางนั้นกำลังจะรวบ
“อะ…อาจารย์อาเล็ก…คือ…อาถิง…” เจียงเย่ว์หน้าซีด ปากสั่นไม่กล้าพูดออกมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเธอวางยาเหลยถิง เรื่องคงไม่แดงขึ้นมาเร็วขนาดนี้ เธอเรียนหมอ ย่อมรู้ว่ายาชนิดใหม่ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้างตั้งแต่วิจัยไปจนถึงวางจำหน่ายตามท้องตลาด พ่อเธอโทษหนักเลยนะ”
เจียงเย่ว์เอามือปิดหน้าร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน
“เหมียวฉีแม่ของเธอ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว…ขอร้องอย่าพูดอีกเลย…ฮือออ…”
“ฉันไม่พูดก็ได้ แต่หนีไปก็ไม่ได้แก้ปัญหา เธอกลับบ้านไปเถอะ”
“ฉัน….ฉันไม่กล้าถาม…ฉันกลัว…”
“เธอเองก็รู้ดีแก่ใจว่าพ่อเธอถอยไม่ได้แล้ว”
เจียงเย่ว์ฟุบหน้าร้องไห้บนโต๊ะแบบไร้เสียง
เหลยถิงกลับมา สีหน้างุนงงบราวนี่ออนไลน์
“อาจารย์อาเล็ก เสี่ยวเย่ว์เป็นอะไรครับ”
“เหลยถิง พาเธอไปสนามบินเถอะ อีกสี่ชั่วโมงมีเที่ยวบิน”
“อาจารย์อาเล็ก?”
“เพื่อตัวเจียงเย่ว์เอง ไปเถอะ ฉันจะช่วยลาหยุดให้” ส่วนนานเท่าไรก็ไม่แน่ใจ
ถ้าเจียงเย่ว์เป็นฝ่ายเปิดเผยเองจะรู้สึกผิด แต่ถ้าไม่ทำก็เท่ากับช่วยปกปิด มีความผิด
ให้โอกาสแล้ว ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะเลือกอย่างไร
เหลยถิงไม่สงสัยในคำพูดของมู่เถาเยา “เสี่ยวเย่ว์ ผมจะกลับบ้านเป็นเพื่อนคุณ”
“ส่งฉันขึ้นเครื่องบินแล้วคุณก็กลับได้”
เจียงเย่ว์ไม่อยากให้เหลยถิงรู้เรื่องครอบครัวของเธอ ถึงแม้จะต้องรู้ในไม่ช้าหรือเร็วก็ตาม
เหลยถิงประคองเจียงเย่ว์ออกไป
มู่เถาเยาถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้รู้สึกสงสาร ก็แค่ปลง
ไม่รู้ว่าเจียงจี๋กับเหมียวฉีจะนึกเสียใจหรือเปล่าที่คลอดเจียงเย่ว์ออกมา
พวกเขาทำลายชีวิตลูกตัวเอง
“เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ”
“พี่ไช่ ทำไมขึ้นมาเสิร์ฟเองอีกแล้วล่ะคะ”
“พี่เห็นญาติเธอประคองเด็กสาวลงไป เลยเป็นห่วงเธอ…” พี่ไช่วางกับข้าวลง
เธอรีบจนไม่ได้ใช้ถาดยกขึ้นมา หยิบทั้งจานมาเลย
“ไม่มีอะไรค่ะ ครอบครัวแฟนของเหลยถิงเกิดเรื่องนิดหน่อย ตอนนี้เขาจะไปสนามบินส่งแฟนกลับเมืองหลวงค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ ตกใจหมดเลย งั้นตอนนี้เธอจะกินข้าวคนเดียวเหรอ”
“ค่ะ เสี่ยวเซวียนอยู่ไหมคะ ถ้าอยู่เรียกขึ้นมากินเป็นเพื่อนฉันหน่อยค่ะ อาหารที่เหลือก็ไม่ต้องทำแล้วนะคะ กินไม่หมดสิ้นเปลืองเปล่าๆ”
พี่ไช่กับสามีเป็นเชฟทั้งคู่ ทิ้งครัวไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงชวนมากินด้วยกันแล้ว
“จ้ะ พี่จะเรียกเสี่ยวเซวียนให้มากินด้วยนะ” พี่ไช่ออกจากห้องลงไปชั้นล่าง
ไม่นานเด็กผู้ชายวัยห้าหกขวบก็ถือชามข้าวของตัวเองวิ่งขึ้นมา
พี่ไช่ยกถาดเดินตามหลัง
“พี่สาว”
มู่เถาเยาลูบศีรษะของเด็กน้อย “เสี่ยวเซวียนตัวสูงแล้วนะ”
เกาเซวียนพยักหน้า “เสี่ยวเซวียนกินเก่ง!”
“จ้ะ กินเยอะๆ โตไวๆ”
มู่เถาเยาอุ้มเขาขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างๆ
“พี่ไช่คะ พวกเราจะค่อยๆ กิน พี่ไปช่วยเถ้าแก่เกาเถอะค่ะ”
“จ้ะ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ”
“ค่ะ”
หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่มองส่งพี่ไช่ออกไปแล้วถึงเริ่มกิน
หนึ่งชั่วโมงกว่าต่อมามือข้างหนึ่งของมู่เถาเยาก็หิ้วกล่องยาใบน้อย มืออีกข้างจูงเกาเซวียนเดินออกจากห้อง
อาศัยทีเผลอสแกนจ่ายเงิน
เธอมากินข้าวที่นี่บ่อย รู้ว่ากับข้าวแต่ละอย่างราคาเท่าไร
ไปส่งเด็กน้อยที่ห้องครัว บอกลาสองสามีภรรยาแล้วออกจากร้านอาหารแห่งนี้
ตอนเย็นยังมีนัดอีก ตอนนี้เธอต้องไปห้างสรรพสินค้าซื้อของฝากที่ราคาไม่แพงแต่เหมาะสมติดไม้ติดมือไปหน่อย
เมื่อซื้อใกล้เสร็จแล้วอาจารย์อาเล็กก็โทรมา บอกว่าทางโรงพยาบาลขอให้ไปช่วยหน่อย จึงไปตามนัดไม่ได้แล้ว
“อาจารย์อาเล็กไปทำธุระเถอะค่ะ หนูจะบอกครอบครัวฝานให้”
“…”
“หนูกลับเองได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“…”
“ค่ะ”
หลังวางสาย มู่เถาเยายิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกรถไปยังเขตที่พักแห่งหนึ่ง
อันที่จริงที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่สาวของศิษย์พี่ใหญ่
เมื่อไปถึงตรงทางเข้ามู่เถาเยาก็โทรหาฝานซิง
ฝานซิงกับแม่ รวมถึงซังชั่วออกมารับด้วยกัน
“หมอมู่ อธิการบดีเจียงล่ะครับ” ทุกคนอดมองไปรอบๆ ไม่ได้
“อาจารย์อาเล็กเพิ่งโทรมาบอกว่าทางโรงพยาบาลขอให้ไปช่วย ก็เลยมาไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยค่ะ”
แม่ฝานซิง “ควรเป็นพวกเราที่ขอโทษต่างหาก อธิการบดีเจียงงานยุ่งขนาดนั้น…เอ๊ะ หมอมู่ ทำไมซื้อของมาด้วยล่ะคะ!”
คนอื่นๆ ถึงได้สังเกตเห็นว่ามู่เถาเยาถือของที่เหมือนของฝากมาด้วย
มู่เถาเยายิ้มพูด “ตามมารยาทน่ะค่ะ”
ฝานซิงจนปัญญา ช่วยหิ้วตะกร้าผลไม้กับของอื่นๆ ในมือมู่เถาเยา “หมอมู่คะ พวกเราเป็นหนี้บุญคุณหมอมู่กับอธิการบดีเจียง ทำไมต้องเกรงใจพวกเราด้วย”
แม่ฝานซิง “นั่นสิ ครั้งหน้ามาบ้านเราห้ามเอาของมาอีกนะคะ”
มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะ”
ซังชั่วอดหัวเราะไม่ได้
เสี่ยวเยาเยาไปบ้านเขาก็เหมือนกัน ทุกครั้งรับปากไว้เสียดิบดี แต่ครั้งต่อไปก็ยังจะถือของมาเหมือนเดิม
รับปากแต่ไม่ทำ!