อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 366 ไม่ได้โง่ไม่ทันคน
ตอนที่ 366 ไม่ได้โง่ไม่ทันคน
เวลาล่วงเลยเข้าเดือนพฤศจิกายนที่ต้องเริ่มใส่เสื้อผ้ามากชิ้น
มู่เถาเยาชอบเดือนนี้มาก
ไม่ว่าจะอยู่เมืองเย่ว์ตูหรือหมู่บ้านเถาหยวน อุณหภูมิก็ชวนให้รู้สึกสบาย ไม่หนาวและไม่ร้อน
สุดสัปดาห์นี้กลับหมู่บ้านเถาหยวน มู่เถาเยาพ่วงคนไปด้วยอีกหนึ่งคน
“ปู่ทวดถัง คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย แม่ อาจารย์ใหญ่ อาจารย์รอง…นี่คือเพื่อนร่วมโต๊ะเรียนของหนู ตี้อู่หลันฉือค่ะ”
ซย่าโหวโซ่วอึ้ง เขาถาม “เสี่ยวเยาเยา นี่เด็กของตระกูลตี้อู่เหรอ”
“ใช่ค่ะอาจารย์รอง คุณพ่อของเธอคือตี้อู่เหลียนจิงค่ะ”
“เด็กจากตระกูลตี้อู่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเสี่ยวเยาเยาเลยเหรอ คาดไม่ถึงเลยจริงๆ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปากพยักหน้า แนะนำต่อ “พี่หลันฉือคะ นี่อาจารย์ใหญ่ของฉัน อาจารย์รองซย่าโหวโซ่ว อาจารย์แม่รองถังหยวน อาจารย์สามลู่จือฉิน…”
ตี้อู่หลันฉือตะลึงอ้าปากค้าง
“เสี่ยวเยาเยา อะ…อาจารย์สอนวิชาต่อสู้ของเธอคือเจ้าสำนักซย่าโหวจริงเหรอเนี่ย”
มู่เถาเยายิ้ม “คนอยู่ตรงหน้าพี่แล้ว ยังจะหลอกได้อีกเหรอคะ”
“ตะ…แต่สำนักซย่าโหวเก็บตัวไม่ใช่เหรอ” ถึงแม้เธอจะไม่รู้จักคนของสำนักซย่าโหว แต่ก็รู้ว่าอาณาเขตของตระกูลซย่าโหวไม่ได้อยู่ทางใต้ แต่เป็นฝั่งตะวันออก
ตระกูลตี้อู่ของพวกเขาอยู่ทางเหนือ ตระกูลน่าหลันอยู่ทางตะวันตก และยังมีตระกูลนักพรตตระกูลจั่วที่ถนัดการแปลงโฉมพรางตัวอยู่ที่ทางใต้อีก
หรือว่าเธอจำผิด ตระกูลจั่วอยู่ทางตะวันออก ส่วนตระกูลซย่าโหวอยู่ทางใต้อย่างนั้นเหรอ
มู่เถาเยาไม่มีทางบอกตี้อู่หลันฉือว่าเธอหลอกล่อตระกูลซย่าโหวให้ย้ายมาเอง เธอยิ้มพูด “อาจารย์ของฉันกับพวกศิษย์พี่อยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนก็ปลีกวิเวกได้เหมือนกัน ที่นี่ยังไม่ไกลพอ ยังเป็นภูเขาไม่มากพอเหรอคะ”
ตี้อู่หลันฉือเถียงไม่ออก
มันก็ไกลมากจริงๆ!
ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นทางสะดวก ก็ไม่น่าจะมีคนนอกมาที่นี่หรือเปล่า
“ไกลมันก็ไกลอยู่หรอก ห่างไกลก็เรื่องจริง แต่ยากจน…” ตี้อู่หลันฉือครุ่นคิด เธอเองก็มากับเครื่องบินส่วนตัวเลยนะ!
ระหว่างทางมีทั้งบ้านเดี่ยว รถยนต์ โรงงานขนาดใหญ่…คำว่ายากจนมันใช้กับที่นี่ได้เหรอ!
มู่เถาเยาหลุดขำ “จะให้กาลเวลาเปลี่ยนไปแต่คนย่ำอยู่กับที่ได้ยังไงกันคะ”
“ก็จริงนะ พี่ก็แค่นึกไม่ถึงจริงๆ” ไม่ใช่แค่เธอที่นึกไม่ถึง คนในครอบครัวเธอ…ไม่สิ ควรพูดว่าตระกูลเก็บตัวตระกูลอื่นก็ไม่น่าจะนึกถึง
“นี่มันไม่สำคัญหรอกค่ะ ขอแค่สืบทอดต่อไปอย่าได้ขาดเป็นพอ”
หยวนเหยี่ยยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาพูดถูก ตราบใดที่สืบทอดต่อไปเป็นพอ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม”
ทุกคนพยักหน้า
ทุกคนคุยกันสักพักก็กินข้าวกลางวันกัน
ตกบ่าย พวกเย่ว์จือกวงกับเหลียงจีก็ดื่มน้ำชาพูดคุยเป็นเพื่อนคนสูงวัยและแขกอย่างตี้อู่หลันฉือ ส่วนมู่เถาเยาไปห้องปรุงยาด้านข้างพร้อมหยวนเหยี่ยและลู่จือฉิน
ตี้อู๋เปียนตามไป
ได้ฟังพวกเขาถกกันมากว่าครึ่งวัน ตอนนี้ไม่รีบร้อนแล้ว
ขอแค่ปรุงยาชนิดนี้ออกมาได้ ต่อให้รักษาได้ไม่ถึงต้นตอ แต่ก็น่าจะยับยั้งอาการไม่ให้เลวร้ายลงได้
ก็แค่ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า
หยวนเหยี่ยพูดอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา ตำราของเหมียวฉีมีประโยชน์เหมือนที่คาดไว้เลยนะ”
“อ่านจบกันแล้วเหรอคะ”
ลู่จือฉินพยักหน้า “อ่านจบแล้วจ้ะ ไว้พี่รองของเธอกลับเผ่าจะฝากกลับไปคืนเจียงเย่ว์ด้วย พวกเราขออนุญาตถ่ายเนื้อหาทั้งหมดเก็บไว้แล้ว กะว่าจะคัดลอกไว้หนึ่งฉบับ”
“ค่ะ พรุ่งนี้พวกเราไปเก็บสมุนไพรมาทดลองทำกัน”
หยวนเหยี่ยพูดเตือน “เสี่ยวเยาเยา ในทางทฤษฎีพอไหว แต่ในทางปฏิบัติกลับสำเร็จไม่ง่าย…”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “หนูเข้าใจค่ะอาจารย์ใหญ่”
เธออยากรีบรักษาเหมียวอวี้ให้หายก็จริง แต่มันก็รีบไม่ได้
การคิดค้นยาตัวใหม่มันไม่ง่ายขนาดนั้น
ยาที่เคยทำมาตอนก่อนหน้านี้ล้วนเป็นยาที่ทำคล่องมาตั้งแต่ชาติก่อน หรือไม่ก็เป็นยาง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเธอมีพรสวรรค์อยากทำยาอะไรก็ทำออกมาได้
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้ฉันก็อยากไปเดินแถวเขตป่าชั้นนอกด้วย”
เขาอยากหาสมุนไพรกลับมาบ้าง เธอจะได้รู้ว่าเขา ‘โชคดี’ จริงๆ
รอถึงตอนปิดเทอมหน้าหนาวเข้าเขตป่าชั้นใน ‘เจอ’ หญ้าร้อยรสกับดอกพันวันขึ้นมาก็จะได้ไม่ดูกะทันหัน
“งั้นพรุ่งนี้ฝังเข็มเสร็จคุณเรียกพวกเยี่ยอิ่งให้ไปเป็นเพื่อน เดินเหนื่อยก็พัก ไม่ไหวอย่าฝืน”
“ได้”
หยวนเหยี่ยลุกขึ้นก่อน กลับไปที่เรือนเล็กด้านข้าง
พอเห็นหายไปสองคนมู่เถาเยาจึงถามขึ้น “พี่รองกับพี่หลันฉือล่ะคะ”
ถังถังยิ้มฮิๆเมื่อกี้นั่งคุยกัน พอหลันฉือรู้ว่าพี่รองของเธอฝีมือต่อสู้ไม่ธรรมดาก็ลากเขาออกไปหาที่ประลองแล้วล่ะ”
มู่เถาเยา “…”
‘ตื๊อ’ เธอไม่พอ ยังจะ ‘ตื๊อ’ พี่รองของเธอด้วย!
นับตั้งแต่ประลองกับตี้อู่หลันฉือไปหนึ่งครั้ง เธอก็ถูกตามตื๊อทุกวัน
ซย่าโหวโซ่วยิ้มพูด “เด็กคนนี้รักการต่อสู้จริงๆ ก็แค่ไม่รู้ว่าเรียนเป็นยังไง”
“พี่หลันฉือเป็นคนหัวไว แค่ดูกระบวนท่าที่หนูใช้ก็เข้าใจ ถ้าไม่วัดกำลังภายใน อาจารย์ใหญ่ก็ใช่ว่าจะชนะเธอได้”
ซย่าโหวโซ่วชักสนใจ “พรสวรรค์ของตี้อู่เหลียนจิงสูงที่สุดในตระกูลตี้อู่ นึกไม่ถึงว่าลูกสาวของเขาจะเก่งขนาดนี้ ดูเหมือนอาจารย์จะไม่ได้เจอนายใหญ่ตระกูลตี้อู่มายี่สิบกว่าปีแล้ว อืม หมอนั่นน่าจะเกษียณแล้วหรือเปล่า”
“ตอนนี้นายใหญ่ของตระกูลตี้อู่คืออาของพี่หลันฉือค่ะ ตี้อู่เหลียนฉี”
“เอ๊ะ ทำไมถึงไม่ใช่ตี้อู่เหลียนจิงล่ะ เขาเป็นพี่นะ” ปกติพวกตระกูลใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้
“พี่หลันฉือบอกว่าพ่อดูแลเรื่องทางโลกมาตลอด”
“…มันก็พอเข้าใจได้ ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขาดีจริงๆ”
“ค่ะ”
นับตั้งแต่ตี้อู่หลันฉือตามติดเธอก็มักเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังบ่อยๆ
เป็นต้นว่าอากับป้าปฏิบัติต่อเธออย่างไร พวกน้องๆ น่ารักขนาดไหน พวกชีวิตประจำวันทั่วไปที่ให้คนนอกรู้ได้
ในฐานะที่เป็นลูกสาวสายตรงของตระกูลที่ปลีกวิเวก ตี้อู่หลันฉือย่อมรู้จักแยกแยะ รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
มู่เถาเยาชอบคนแบบนี้มาก ดูเหมือนใจกล้าถึงไหนถึงกันไม่มีเล่ห์เหลี่ยม แต่กลับฉลาดสุดๆ ไม่ได้ซื่อบื้อไม่ทันคน
ตี้อู่หลันฉือคล้ายถังถัง แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว
ตี้อู่หลันฉือไม่ต้องแบกตระกูลไว้บนบ่า ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ
ถึงแม้ถังถังก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนโต แต่เธอก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อย เอาแต่ใจได้ไม่เท่าตี้อู่หลันฉือ ทำได้แค่ปลดปล่อยในการแสดง
เป่ยซียิ้มถามลูกสาว “เสี่ยวเยาเยา บ้านของครอบครัวเราเข้าไปอาศัยได้แล้ว ลูกว่าพวกเราย้ายไปอยู่เลยดีไหม”
“คุณแม่อยากย้ายก็ย้ายได้ค่ะ”
อาจารย์แม่รองยิ้มพูด “บ้านหลังนั้นค่อนข้างไกลจากที่นี่ ถ้าย้ายไปแล้วจะกินข้าวก็ไม่สะดวก ยังไงตอนนี้ก็คนไม่เยอะ อยู่ที่นี่ไปก่อนดีไหม”
ย่าเย่ว์พยักหน้า “ก็จริง ไว้วันหน้าห้องไม่พอนอนพวกเราค่อยย้ายไป ตอนนี้พวกเอ่อร์หลันยังไม่มา ถ้าพวกเราย้ายไปที่นี่ก็ไม่ครึกครื้นเท่าไรแล้ว”
ยายหลาน “อู๋เปียน ปู่ย่าของเรากับอันเหยี่ยเมื่อไรจะมาล่ะ”
ขาดเด็กไปหนึ่งคนเหมือนขาดความครึกครื้นไปเยอะเลยทีเดียว
แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเด็กในครอบครัว
“อาจจะปลายเดือนนี้ครับ คุณย่าบอกว่ารอพี่สะใภ้ใหญ่พ้นสามเดือนไปก่อน”
“ตระกูลตี้นี่ถือว่าลูกหลานเยอะจริงๆ เลยนะ” น้ำเสียงของยายหลานเจือไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้บอกว่าอยากมีสามคนครับ”
อาจารย์แม่รองยิ้มพลางพยักหน้า “สามคนกำลังดี ไม่มากไม่น้อย”
ย่าเย่ว์ “นั่นสิ อู๋เปียน ดูเหมือนพี่สาวเราจะอายุยี่สิบห้าแล้วใช่ไหม เตรียมแต่งงานหรือยังล่ะ”
“เพิ่งผ่านวันเกิดอายุยี่สิบหกมาครับ พี่สาวผมคบกับแฟนมาสองปี แต่ไม่เคยพูดเรื่องแต่งงาน ไม่รู้ว่าคิดยังไงครับ” อย่างไรเสียคนในครอบครัวก็ไม่ได้เร่ง
“ถึงแม้อายุยี่สิบหกจะยังไม่มาก แต่ถ้าอยากมีลูกหลายคนก็ควรรีบแต่งงานจะดีกว่า”
“นั่นสิ ถึงแม้อายุสี่สิบห้าสิบก็ยังมีลูกได้ แต่ถ้ามีลูกตอนอายุน้อยร่างกายก็ฟื้นฟูเร็ว”
พวกหนุ่มสาวฟังหัวข้อตลอดกาลนี้อย่างไม่มีความสนใจเท่าไร