อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 374 ราชาสัตว์ป่าขึ้นครองบัลลังก์
ตอนที่ 374 ราชาสัตว์ป่าขึ้นครองบัลลังก์
เข้าสู่ปีใหม่
มู่เถาเยากับลู่จือฉินสะพายเข่ง พกอาหารสำหรับสามวันและเสื้อผ้าตัวหนาของตี้อู๋เปียน
ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูหนาว ตกกลางคืนในป่าจะยิ่งหนาวเย็น พวกเธอมีกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ต้านทานความหนาวเย็นได้ แต่ตี้อู๋เปียนต้องพึ่งเสื้อผ้าเท่านั้น
“ซาลาเปาน้อย ร่างกายของฉันดีแล้ว แบกเสื้อผ้าเองได้” ตี้อู๋เปียนมองเข่งที่มู่เถาเยาสะพายอยู่ด้วยความเกรงใจ ในนั้นเป็นเสื้อผ้าของเขา เสื้อขนเป็ดตัวใหญ่สุด
เนื่องจากบนตัวใส่อยู่หลายชั้น หากไม่เอาไซส์ใหญ่สุดก็จะใส่ทับไม่ได้
อันที่จริงตี้อู๋เปียนอยากพูดว่า กลับมาในวันเดียวกันเลยก็ได้ ไม่ต้องเอาของพวกนี้ไปด้วย
แต่ไม่ได้พูดแบบนี้ออกไป
เขาบอกไม่ได้ว่าตัวเองมี ‘นิมิต’ และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพาสองคนนี้มุ่งตรงไปหาหญ้าร้อยรส
“คุณสวมเสื้อผ้าเยอะ เทอะทะ ถือลำบาก”
เดี๋ยวพวกเธอสองคนต้องคล้องแขนตี้อู๋เปียนคนละข้าง จะให้เขาถือไว้ไม่ได้
ตี้อู๋เปียนมองสภาพตัวเอง หมดคำจะพูด
ปู่ตี้กำชับ “อู๋เปียน เข้าเขตป่าชั้นในแล้วต้องเชื่อฟังอาจารย์ลู่กับเสี่ยวเยาเยานะ ห้ามทำอะไรโดยพลการ”
“วางใจได้ครับปู่ ผมแยกแยะเป็น”
“อืม” เมื่อก่อนหลานชายคนเล็กหัวดื้อ แต่ก็ไม่เคยประมาทในเรื่องใหญ่ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชีวิต
ย่าลู่พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง “อาจารย์ลู่ เสี่ยวเยาเยา คุณชายตี้ เอาความปลอดภัยของตัวเองไว้ก่อนนะคะ”
พวกมู่เถาเยาพยักหน้า
ลู่หันซูอยากพูดบางอย่างแต่ก็ชะงัก จากนั้นก็ภาวนาอยู่ในใจ
รอพวกผู้ใหญ่กำชับเสร็จตี้อู๋เปียนก็มองมู่เถาเยา “ซาลาเปาน้อย เคยไปทางตะวันออก ใต้ และตะวันตกแล้ว ครั้งนี้พวกเราไปทางเหนือกันไหม”
หญ้าร้อยรสอยู่ทางเหนือ เลยอาณาเขตของงูเถาวัลย์ไปก็ถึงแล้ว
แต่ดอกพันวันไม่ได้อยู่ทางเหนือ ไม่อย่างนั้นก็เก็บมาพร้อมกันได้
มู่เถาเยาพยักหน้า “อืม ครั้งนี้ไปทางเหนือ”
“งั้นพวกเราไปหาต่อจากโซนของงูเถาวัลย์ไหม”
“ไม่ ครั้งแรกที่ฉันไปโซนของงูเถาวัลย์มีเกาหม่าพาไป ไม่เหมือนเส้นทางที่ไปจากตรงนี้ ต่อมาไปตัดเถาวัลย์ตี้หวังกับพวกศิษย์พี่ก็ใช้กำลังภายในเหาะไป ไม่ได้ไล่หาสมุนไพรไปตามทาง ดังนั้นพวกเราควรเริ่มหาตั้งแต่ด้านหน้า”
“งั้นเอาแบบนี้ พวกเราคำนวณจากเวลาที่มีสองวันครึ่ง วันนี้เดินหาไปจนถึงโซนของงูเถาวัลย์ ตกเย็นก็นอนที่นั่น ยังไงก็เป็น ‘เพื่อนเก่า’ กันแล้ว ปลอดภัยกว่าไปนอนที่อื่น”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองหน้ากันแล้วพยักหน้า “อันที่จริงฉันกับอาจารย์สามก็คิดแบบนั้น”
“ตกลง แล้วพอถึงตอนเย็นพวกเราค่อยมาหารือเส้นทางวันที่สองกัน”
“ได้ ไปเถอะ”
ทั้งสามคนลาทุกคนแล้วเหาะขึ้นหลังคา ตรงไปยังป่าเซียนโหยว
กะระยะทาง คำนวณเส้นทางเดินเท้า เมื่อพอประมาณแล้วก็ลงสู่พื้น
เป็นครั้งแรกที่ตี้อู๋เปียนสัมผัสกับเครื่องบินมนุษย์ พอลงจอดเขาก็รู้สึกไม่ดีเท่าไร
สิ่งที่แข็งยะเยือกไม่ใช่แค่ร่างกาย แม้แต่สมองก็ไม่ทำงานด้วย
มู่เถาเยาปล่อยกำลังภายในให้ร่างกายเขาอบอุ่น เขาถึงดีขึ้น
“ซาลาเปาน้อย…” น้ำเสียงน่าสงสารเล็กน้อย
“หนาวนิดหน่อย ร่างกายคุณไม่ชินก็ปกติ”
ตี้อู๋เปียน “…”
นี่เรียกนิดหน่อยเหรอ มันหนาวจนชาไปหมดทั้งตัวแล้วนะ!
เมื่อกี้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในร่างแล้วด้วยซ้ำ!
ลู่จือฉินยิ้มพูด “อู๋เปียนไม่เคยเย็นตัวแข็งมาก่อน พวกเรามองข้ามไป ควรเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขา”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ไว้ตอนกลับให้เขาใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดด้วยแล้วกันค่ะ”
ตี้อู๋เปียนกระอักกระอ่วนนิดหน่อย
ใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดที่อยู่ในเข่ง เขาได้กลายเป็นหมีแน่!
“ตอนนี้ลงพื้นแล้ว เดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆ ก็ไม่หนาวเท่าไรแล้ว”
“อืม ตี้อู๋เปียน คุณอยู่ระหว่างฉันกับอาจารย์สาม คอยดูสองฝั่งไว้”
“ได้” วันนี้เขาเป็นคนน่าสงสารที่มีจอมยุทธ์หญิงปกป้อง
ลู่จือฉิน “พวกเราไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
สองศิษย์อาจารย์หนีบตี้อู๋เปียนไว้ตรงกลาง มองหาสมุนไพรพลางระวังแมลงพิษ สัตว์ร้าย หญ้าหรือดอกไม้ประหลาด สายตาสอดส่อง หูก็คอยฟังเสียง
ระหว่างทางตี้อู๋เปียนใช้ภาษาลับสื่อสารกับพวกสัตว์และพืชโดยรอบ ล่อพวกแมลงพิษกับสัตว์ร้ายด้วยสัตว์กับพืชที่พวกมันชอบให้ออกไปไกลๆ
ระหว่างทางจึงราบรื่นดีมาก
เมื่อถึงเวลาอาหารก็หาพื้นที่ปลอดภัยและสะอาดนั่งลงกินข้าวกลางวันกัน
มู่เถาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาจารย์สามคะ ทางนี้ดูประหลาดไปหน่อย”
“อาจารย์ก็รู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนเข้ามาต้องเจอ ‘เจ้าถิ่นขวาง’ เยอะแยะ ครั้งนี้ทำไมไม่เจออะไรเลย อีกทั้งได้ยินเสียงตั้งเยอะแยะ แต่กลับยิ่งเดินเสียงนั้นก็ยิ่งไกลออกไป…”
“นั่นสิคะ น่าแปลกจริงๆ”
สองศิษย์อาจารย์คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ
ตี้อู๋เปียนแอบหัวเราะ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ “เพราะผมดวงดีไงครับ ทำให้พวกเราประหยัดเวลาที่ต้องสู้รบ”
แน่นอนว่ามู่เถาเยากับลู่จือฉินไม่มีทางคิดจริง
ดวงจะดีแค่ไหนก็ไม่มีทางดีได้ถึงขั้นนี้
แต่ตี้อู๋เปียนสายตาดีเป็นเรื่องจริง
ตอนที่พวกเธอได้กลิ่นแต่ยังหาตำแหน่งของสมุนไพรไม่เจอ เขากลับเห็นก่อนแล้ว
“ตี้อู๋เปียน คุณได้กลิ่นของสมุนไพรเหรอ”
“บางต้นก็ได้กลิ่น บางต้นก็ไม่”
ลู่จือฉินยิ้มพูด “อู๋เปียนไม่ใช่แค่ตาดี ยังรู้จักพวกสมุนไพรดีแยกแยะได้ด้วย” อย่างไรเสียสมุนไพรบางชนิดก็หน้าตาคล้ายกันมาก
“ผมอ่านหนังสือมาเยอะครับ โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีนี้ หนังสือที่อ่านเยอะสุดคือพวกตำราแพทย์ พอเจอก็เลยแยกออกครับ”
“ก็มีแค่อู๋เปียนที่ความจำดีแบบนี้”
“ซาลาเปาน้อยก็ทำได้ครับ”
มู่เถาเยามองลู่จือฉิน “ฉันอาจต้องพยายามมากกว่าคุณ”
ตี้อู๋เปียนถามต่อ “งั้นเวลาเธอเรียนรู้สึกกินแรงไหม”
“พอไหว การเรียนไม่ได้อาศัยการจำอย่างเดียว”
“ก็จริงนะ”
ทั้งสามคนพูดคุยกันขณะกินอาหารกลางวัน พักผ่อนอีกครึ่งชั่วโมงก็เดินต่อ
ยังคงไม่เห็น ‘สิ่งกีดขวาง’ เดินไปถึงโซนของงูเถาวัลย์ได้อย่างราบรื่น
สองศิษย์อาจารย์แอบงงนิดหน่อย
มู่เถาเยาตบหัวโตๆ ของงูเถาวัลย์เบาๆ ถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวหวัง วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมป่าเงียบสงบแบบนี้ ราชาสัตว์ป่าขึ้นครองบัลลังก์ทุกคนเลยไปร่วมยินดีหรือยังไง”
ตี้อู๋เปียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ซาลาเปาน้อยน่ารักเกินไปแล้ว ราชาสัตว์ป่าขึ้นครองบัลลังก์!
ลู่จือฉินก็กลั้นขำไม่อยู่เหมือนกัน
ชาตินี้ลูกศิษย์ของเธอไม่มีความสุขุมคร่ำครึแบบชาติก่อน มักมีนิสัยเด็กๆ โผล่ให้เห็นเสมอ
“ไม่งั้นทำวันนี้มันถึงดูผิดปกติล่ะคะ” มู่เถาเยาไม่คิดว่ามันตลก
นับตั้งแต่พวกเธอมาอยู่โลกนี้ เธอก็เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ แม้แต่เรื่องที่ดูไม่สมเหตุสมผล
ลู่จือฉินยิ้มพูด “อาจารย์ก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”
มู่เถาเยามองตี้อู๋เปียน
“บางที อาจจะ ก็คง…แบบนั้น…แหละมั้ง” ตี้อู๋เปียนพยายามกลั้นหัวเราะแล้วตอบไป