อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 377 หลินเจี่ยของหายาก
ตอนที่ 377 หลินเจี่ยของหายาก
ไม่นานงูจงอางที่รูปร่างค่อนข้างใหญ่ก็เลื้อยผ่านตรงที่เมื่อครู่พวกเขานั่งคล้ายกำลังหนีอะไรมา
สักพักสัตว์ตัวสีดำก็ไล่ตามหลังมันมาอย่างไม่ลดละ
ลู่จือฉินหัวเราะ “มิน่างูจงอางถึงต้องหนี ที่แท้ก็เจอฮันนีแบดเจอร์ที่ชอบกินงู”
ตี้อู๋เปียน “ฮันนีแบดเจอร์เป็นสัตว์ที่ไม่เกรงกลัวอะไรที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีสภาพร่างกายที่ต้านพิษมาแต่กำเนิด ไม่ว่าพิษชนิดไหนก็ทำอะไรมันไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าศัตรูที่ทัดเทียมมันคืออะไร”
มู่เถาเยามองฮันนีแบดเจอร์ที่ไกลออกไป ดวงตาลุกวาว “อยากจับมันไปวิจัยจัง”
ตี้อู๋เปียน “…”
ลู่จือฉินหัวเราะ “เสี่ยวเยาเยา ไว้ค่อยว่ากันเถอะ เป้าหมายของพวกเราในครั้งนี้คือหญ้าร้อยรส ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็รีบกลับกัน กลัวจะเกิดเหตุอะไร”
มู่เถาเยาพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟัง
เธอก็แค่พูดเฉยๆ ไม่มีทางทำอย่างอื่นในเวลาแบบนี้
“พวกเราขึ้นหน้าอีกหน่อย หาที่นั่งกินอาหารกลางวันกัน”
“ค่ะ”
ลู่จือฉินเหาะนำไปก่อน ลงสู่พื้นในอีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา
แต่พอลงไปก็เหาะกลับขึ้นมาอีกครั้งในทันที
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราน่าจะเข้ามาในอาณาเขตงูพิษเข้าแล้วล่ะ”
ไม่เพียงแต่บนพื้นจะมีงูสารพัดหลายลาย แม้แต่บนต้นไม้ก็เลื้อยพันอยู่ไม่น้อย
พวกเธอลงสู่พื้นเร็ว งูยังไม่ทันรู้สึกตัว
เมื่อเหาะขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอว่องไว ใช้กำลังภายในสลัดงูที่จะเข้ามาพัน เวลานี้อาจถูกงูรัดไปแล้ว
มู่เถาเยามองงูที่ยั้วเยี้ยอยู่ด้านล่าง เธอพยักหน้า “ตรงนี้น่าจะเป็นอาณาเขตของงูจริงๆ ทางใต้มีหนองจระเข้ ตะวันออกมีเสือสิงโต ตะวันตกมีฝูงหมาใน…ไม่รู้ว่าไกลกว่านี้จะมีอะไรอีก”
ตี้อู๋เปียนถามด้วยความรู้สึกขนลุกหน่อยๆ “พวกเรายังจะไปข้างหน้าอีกเหรอ”
มู่เถาเยามองลู่จือฉิน “อาจารย์เอาไงดีคะ”
“อาจารย์ว่ากลับกันเถอะ”
ถ้าไม่มี ‘ตัวถ่วง’ อย่างตี้อู๋เปียน พวกเธอคงเข้าไปได้อีกหน่อย
ทั้งสามคนเดินทางกลับ ระหว่างทางได้แวะกินอาหารใต้ต้นไม้รองท้องหน่อย
ตี้อู๋เปียนกินเนื้อตากแห้งพลางแสร้งมองไปทางหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ถาม “ซาลาเปาน้อย อาจารย์สามครับ นั่นอะไรเหรอครับ ดูตะปุ่มตะป่ำ น่าเกลียดมากเลย!”
มู่เถาเยากับลู่จือฉินมองตามนิ้วของตี้อู๋เปียนแล้วตะโกนพร้อมกัน “หลินเจี่ย!”
ตี้อู๋เปียนถามอย่างจริงจัง “หลินเจี่ยคืออะไรเหรอครับ”
ลู่จือฉินอธิบาย “หลินเจี่ยเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาพวกกระดูกเส้นเอ็น หายากมากเลยนะ ไม่ว่าจะกระดูกที่เสื่อมไปตามวัยหรือกระดูกหักจากการบาดเจ็บ หรือเส้นเอ็นอักเสบ มันเป็นตัวยาอย่างดีเลยล่ะ”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนพลางพยักหน้า “ตี้อู๋เปียน ตอนนี้ฉันชักเชื่อแล้วล่ะว่าคุณดวงดี ฉันเพิ่งเคยเห็นหลินเจี่ยของจริงครั้งแรกเลยนะ”
แน่นอนว่าเมื่อชาติที่แล้วก็เคยเห็น
ตี้อู๋เปียนพูดด้วยความภูมิใจหน่อยๆ “ใช่ไหมล่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันดวงดี ต่อไปถ้าขาดแคลนสมุนไพรหายากก็พาฉันเข้ามาด้วย ฉันช่วยหาเจอได้แน่นอน”
มู่เถาเยาเลิกคิ้วเล็กน้อย
ชมหน่อยเดียวเอาใหญ่เลยนะ!
ลู่จือฉินหยิบมีดพกที่คมกริบออกมายิ้มพูดกับทั้งสองคน “อาจารย์จะไปตัดเถาวัลย์มันออกมา เสี่ยวเยาเยาจำจุดนี้ให้ดี อีกไม่กี่ปีให้หลังมันจะโตขึ้นมาได้อีก ของหายากเลยนะ!”
อย่าว่าแต่ลูกศิษย์เลย แม้แต่เธอก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชาตินี้
เมื่อชาติก่อนโชคดีได้มาสองต้น สุดท้ายเอาไปรักษาเยี่ยนหังกับเป่ยจิ้งปู่ของฮองเฮาเป่ยหลี รวมถึงพวกทหารของกองทัพ
“ค่ะ ระวังหน่อยนะคะอาจารย์”
“อืม”
ตี้อู๋เปียนเห็นมู่เถาเยามีความสุขเขาก็อารมณ์ดีไปด้วย “ซาลาเปาน้อย ฉันก็จะจำไว้ด้วย”
“งั้นก็ช่วยกันจำ”
“อืม ซาลาเปาน้อย เขตป่าชั้นในมีของดีเยอะจริงๆ โสมพันปีกับหลิงจือเป็นของธรรมดาไปเลย”
“นั่นสิ ไม่มีใครกล้าเข้ามาเก็บสมุนไพร ทุกที่เลยมีแต่สมุนไพร”
ก็แค่ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่เก็บจากรอบนอกได้ พวกเขาจึงเลือกเก็บแค่เฉพาะสมุนไพรที่รอบนอกไม่มี
“ทำไมเธอไม่เก็บออกไปขายล่ะ อย่างโสมพันปี มันเป็นของล้ำค่าที่ประเมินราคาไม่ได้สำหรับคนภายนอกเลยนะ ขายต้นนึงก็เพียงพอให้คนธรรมดามีกินมีใช้ตลอดชาติแล้ว”
อย่างสองย่าหลานครอบครัวลู่ ขายโสมไปหนึ่งราก หลิงจืออีกหนึ่งดอก กลายเป็นเศรษฐีร้อยล้านทันที
สมุนไพรในป่าเซียนโหยวอายุเยอะ คุณภาพดี ขายไม่กี่ต้นก็กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วพริบตา!
“พวกเรามีเงินพอใช้ ถ้าถึงคราวจำเป็นค่อยมาเก็บไปขาย”
“อืม”
ลู่จือฉินตัดเถาวัลย์หลินเจี่ยกลับมา มู่เถาเยาช่วยหั่นเป็นท่อนๆ จากนั้นก็เอาเชือกมัดรวมไว้แล้วใส่ในเข่ง
“เอาล่ะ พวกเรารีบกินหน่อย กลัวเดี๋ยวจะมีตัวอะไรโผล่มาอีก”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้า กินอาหารกลางวันที่เลยเวลามาแล้วต่อ
กินอิ่มท้อง พักผ่อนสักครู่ก็ได้ยินเสียงสวบๆ
ทั้งสามคนก็สงสัยว่าตัวอะไรเดินผ่าน แต่หนีดีกว่า
เมื่อเหาะไปถึงรอยต่อระหว่างเขตป่าชั้นในกับเขตป่าชั้นนอก ฟ้าก็มืดลงนานแล้ว
“เสี่ยวเยาเยา พวกเราลงไปพักหน่อย อู๋เปียนจะได้พักบ้าง ใกล้แข็งตายแล้ว”
“ค่ะ”
พอลงสู่พื้นมู่เถาเยาก็ปล่อยกำลังภายในให้ความอบอุ่นแก่ตี้อู๋เปียน
ลู่จือฉินใช้ไฟฉายบนศีรษะให้ความสว่าง มองริมฝีปากของเขาที่เปลี่ยนจากสีม่วงคล้ำเป็นชมพู จึงบอกให้มู่เถาเยาหยุด
“ตี้อู๋เปียนทนหนาวไม่ไหวจริงๆ”
ตี้อู๋เปียนที่รู้สึกดีขึ้นทำสีหน้าไม่ถูก “ลองให้คนธรรมดามาเหาะท่ามกลางฤดูหนาวสักครึ่งชั่วโมงดูไหม ไม่แข็งตายก็ดวงแข็งมากแล้ว!”
มู่เถาเยา “…”
ลู่จือฉินหัวเราะ “เสี่ยวเยาเยา เธอก็ตั้งความหวังกับเขาสูงเกินไป”
ทั้งสามคนพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ครึ่งชั่วโมงก็เหาะกลับต่อ
กว่าจะถึงหมู่บ้านเถาหยวนก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว
คนบ้านครอบครัวหยวนกำลังเตรียมกลับห้องนอน พอเห็นพวกมู่เถาเยากลับมาดึกขนาดนี้ก็นึกถึงความเป็นไปได้นั้น
หยวนเหยี่ยถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ “เสี่ยวเยาเยา เจอหญ้าร้อยรสแล้วเหรอ”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งพลางพยักหน้า เอาหญ้าร้อยรสที่ถูกห่อไว้ในเข่งออกมาให้หยวนเหยี่ยดู
“เอ๊ะ มีดอกด้วย กลิ่นหอมมาก!”
ปู่ทวดถังดวงตาเป็นประกายจ้องต้นพืชที่อยู่ในมือหยวนเหยี่ย “ใช่ นี่แหละหญ้าร้อยรส!”
อาจารย์แม่รองดึงมู่เถาเยามาสำรวจ “เสี่ยวเยาเยา ทั้งสามคนไม่บาดเจ็บใช่ไหม”
มู่เถาเยา ลู่จือฉิน และตี้อู๋เปียนส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่เลยค่ะ”
ทุกคนต่างโล่งอก
ลู่จือฉินยิ้มมุมปาก “ฉันขอกลับไปบอกเสี่ยวซูก่อนนะคะ ทางนั้นจะได้พักผ่อนกันให้ดี พรุ่งนี้จะได้เริ่มถอนพิษ”
ทุกคนยิ้มพลางพยักหน้า
พอลู่จือฉินออกไปแล้วมู่เถาเยาก็พูดกับตี้อู๋เปียน “คุณกลับห้องไปอาบน้ำอุ่นพักผ่อนเถอะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย”
ทุกคนมองตี้อู๋เปียน เขาดูซูบซีดไปหน่อยจริงๆ
ย่าตี้ยิ้มพูด “อาจเพราะไปนอนในป่าครั้งแรก อู๋เปียนเลยกลัวจนนอนไม่หลับหรือเปล่า”
ตี้อู๋เปียน “…”
คุณย่าที่รัก อย่าเอาคำว่า ‘กลัว’ มาใช้กับผู้ชายได้ไหมครับ
เจ้าถุงลมน้อยตบอกตัวเองพลางพูด “อาเล็กไม่ต้องกลัวฮะ อันเหยี่ยนอนเป็นเพื่อนได้”
ทุกคนกลั้นขำ
ตี้อู๋เปียนดีดหน้าผากหลานชายอย่างไม่สบอารมณ์
ซย่าโหวโซ่ว “เสี่ยวเยาเยา อู๋เปียน อยากกินมื้อดึกหน่อยไหม”
ทั้งสองคนส่ายหน้า
พวกเขาไม่รู้สึกหิว
หยวนเหยี่ยยื่นหญ้าร้อยรสให้มู่เถาเยา “งั้นทุกคนไปพักผ่อน มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
ทุกคนพยักหน้า
พากันขึ้นชั้นบนกลับห้องตัวเอง