อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 381 คิดมากไปเอง
ตอนที่ 381 คิดมากไปเอง
ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนี้ ถ้ามู่เถาเยาไม่ไปปรุงยากับลู่จือฉินที่ห้องด้านข้างก็จะอยู่ดื่มชาพูดคุยกับคนในครอบครัว
กินๆ นอนๆ ไปสวัสดีปีใหม่ชาวหมู่บ้าน ได้พักผ่อนอย่างแท้จริงสองสามวันแบบที่หาได้ยาก
วันที่หกหลังขึ้นปีใหม่ มู่เถาเยากับคนตระกูลเย่ว์ก็เตรียมกลับเผ่า
“อาจารย์ใหญ่ อาจารย์รอง อาจารย์แม่รอง จะไม่ไปเผ่าหมาป่าพระจันทร์กับพวกเราจริงๆ เหรอคะ”
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางส่ายหน้า “ครั้งหน้าแล้วกัน วันหน้าพวกเรายังมีเวลาอีกเยอะ อีกสองวันพวกศิษย์พี่ของเธอที่อยู่เมืองอื่นก็จะมาสวัสดีปีใหม่อาจารย์แล้ว”
ซย่าโหวโซ่วพยักหน้ากึ่งยิ้ม “นั่นสิ ไว้วันหลังพวกเราค่อยไปนะ”
อาจารย์แม่รองตบหลังมือของมู่เถาเยาเบาๆ แล้วยิ้มอย่างใจดี “เสี่ยวเยาเยา ไว้รอหนูเปิดเทอมงานไม่ค่อยยุ่งแล้วพวกเราจะไปค้างที่เมืองเย่ว์ตูสักพัก ไปดูเยี่ยจั๋วหน่อย”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ดีเลยค่ะ”
“รีบไปที่ลานจอดเครื่องบินเถอะจ้ะ รีบกลับบ้านนะ”
“ค่ะ ใกล้เปลี่ยนฤดูแล้วรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ระวังไม่สบาย”
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางพยักหน้า “กลับบ้านให้สบายใจเถอะ อาจารย์อยู่นี่ทั้งคน”
“ค่ะ”
พวกมู่เถาเยาไม่ได้ให้พวกหยวนเหยี่ยไปส่ง ให้ผู้ใหญ่บ้านกับพวกชาวบ้านขับรถไปส่งที่ลานจอดเครื่องบิน
ก่อนขึ้นเครื่องบินมู่เถาเยาก็รับสายจากฉือซานที่โทรมาส่งข่าวดี บอกว่าตัวเองตั้งท้องสำเร็จแล้ว
มู่เถาเยาดีใจมาก จากนั้นก็กำชับเรื่องที่คนท้องสูงวัยต้องระวัง ถ้ามีอะไรก็ให้ไปที่โรงพยาบาลผิงคังสาขาเจียงตูหาผู้อำนวยการหวังศิษย์พี่รองของเธอได้
ไม่กี่นาทีต่อมามู่เถาเยาก็วางสาย
ทุกคนพากันขึ้นเครื่องบิน
ขับไม่ช้าไม่เร็ว ช่วงบ่ายก็กลับถึงเผ่า
ทั้งครอบครัวจิบชายามบ่ายกันอย่างสุนทรีย์ก่อนแล้วถึงขึ้นชั้นบนไปเก็บสัมภาระ
วันต่อมาเป็นวันที่เจ็ด พักผ่อนที่ตำหนักพระจันทร์หนึ่งวัน
วันที่แปดมู่เถาเยาพบปะบรรดาญาติๆ สายใน
สืบทอดกันมานานแสนนาน ญาติสายในมีจำนวนเยอะมาก
ต่อให้เธอความจำดีขนาดไหนก็ต้องมีมึนบ้างล่ะ แถมนี่ยังเพิ่งจำแค่ผู้อาวุโส!
จำนวนคนเยอะมากจริงๆ รุ่นเด็กกว่ายังขึ้นมาให้เธอเห็นหน้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ญาติสายในคนที่อายุเยอะที่สุดมีอายุหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าปี ชื่อเย่ว์อวี๋ เป็นรุ่นปู่ของอดีตหัวหน้าเผ่าเย่ว์หมิง
ชายชราจับมือของมู่เถาเยาไว้ไม่ยอมปล่อย ดวงตาที่ขุ่นมัวไปตามวัยมีรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าพอใจเป็นอย่างมาก
ถึงแม้หัวหน้าเผ่าน้อยจะเติบโตมาในหมู่บ้านกลางเขา แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวอะไรเลยสักนิด กิริยาท่าทางการวางตัวก็ดีไม่มีใครสามารถจับผิดอะไรได้
สมกับเป็นคนตระกูลเย่ว์ของพวกเขา!
คนในเผ่าสามัคคี คนตระกูลเย่ว์ยิ่งมั่นคง
อีกทั้งไม่ได้อยู่ด้วยกันยิ่งเกิดเรื่องสกปรกได้ยาก
หลังจากกินเลี้ยงเสร็จดวงตาของมู่เถาเยาก็แทบเหมือนมีขดยากันยุงอยู่ในนั้น
เย่ว์หลั่งสงสารลูกสาว “ลูกพ่อ ปกติไม่มีอะไรมากหรอก พวกญาติๆ ไม่ค่อยมาตำหนักพระจันทร์กัน เมื่อก่อนปีๆ นึงเจออยู่ไม่กี่คน ครั้งนี้ที่มากันเพราะอยากมาทำความรู้จัก เผื่อวันหน้าบังเอิญเจอกันจะได้ทักทายถูก”
“ค่ะ ปู่ทวดยังสุขภาพดีอยู่เลยนะคะ”
มีเจ็บป่วยบ้างแต่ไม่หนัก
ตราบใดที่ไม่เจอภัยพิบัติหรือโรคร้ายแรง อยู่อีกสิบปีได้สบาย
พอพ้นช่วงฉลองตรุษจีนเธอจะไปเก็บสมุนไพรสดใหม่เอามาทำยาบำรุงให้ปู่ทวด ช่วยต่ออายุให้ยืนยาวขึ้น
ปู่เย่ว์พูดด้วยความภูมิใจเล็กๆ “คนในเผ่าเราเรียนวิทยายุทธ์ตั้งแต่เด็ก สุขภาพดีกันอยู่แล้ว อีกทั้งแต่ละครอบครัวก็ไม่ได้ยากจน ไม่ต้องเหมือนประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศอื่นที่ต้องเอาสุขภาพไปแลกเงิน คนแก่อายุร้อยปีขึ้นไปถึงมีเยอะมาก”
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “บรรพบุรุษทำไว้ดีมากค่ะ”
นับตั้งแต่โบราณกาลมา ชาวหมาป่าพระจันทร์กล้าหาญชาญชัย เรื่องรบไม่เป็นรองใคร เมื่อก่อนมีภาพลักษณ์เป็นคนป่าเถื่อนใสซื่อในสายตาชาวโลก ถึงได้เคยมีคนทะเยอทะยานกล้าหวังจะมาฮุบเผ่า
ปรากฏว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์พัฒนาอย่างเงียบๆ จึงมีชื่อเสียงนับตั้งแต่สงครามครั้งนั้นเป็นต้นมา เริ่มออกสู่สายตาของแต่ละประเทศ
แบบนี้เหมือนคำพูดที่ว่า ‘รวยเงียบ’
ย่าเย่ว์ยิ้มกว้างมองหลานสาว “เสี่ยวเยาเยาเป็นเด็กที่สวรรค์โปรด อีกหน่อยต้องทำได้ดีกว่านี้แน่จ้ะ”
ดวงตาของอวิ๋นไป๋มีรอยยิ้ม “เผ่าหมาป่าพระจันทร์ในตอนนี้ดีมากแล้ว ถ้าดีกว่านี้จะเป็นยังไง ผมจินตนาการไม่ออกเลยครับ…”
เย่ว์เลี่ยงยิ้มบาง “ก็คงประมาณว่า ไม่มีคนแบบเหมียวฉีแหละมั้ง”
“แต่ความอิจฉาริษยาเป็นสิ่งที่คุมได้ยาก ฆ่าคนทำร้ายตัวเองได้ไม่น้อย” อย่างเช่นเหมียวฉี
ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่ ตราบใดที่สร้างผลลัพธ์รุนแรงก็ไม่สมควรให้อภัย ต้องให้รับโทษตามกฎหมาย
เป่ยซีมองเย่ว์หลั่ง
“ที่รักจ๋า อย่ามองผมแบบนี้สิ ผมกลัวนะ”
ทุกคน “…”
เป่ยซีมองบนใส่เขาอย่างไม่ไว้หน้า
เย่ว์จือเหิงยิ้มมุมปาก ถามอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา ช่วงสองสามวันนี้ไม่มีเรื่องต้องทำแล้วใช่ไหม”
“ไม่มีค่ะ พี่ใหญ่มีธุระเหรอคะ”
“ในเมื่อน้องว่าง งั้นพี่ใหญ่พาน้องกับอาจารย์สามไปเที่ยวในเผ่าหน่อยดีไหม เที่ยวเสร็จพาไปยิงปืน”
“ได้ค่ะ อยากไปดูที่พี่ใหญ่ออกแบบไว้ด้วย”
เย่ว์หลั่งรีบถามขึ้น “ลูกพ่อ ลูกสนใจพวกวิศวกรรมเครื่องกลเหรอ”
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “อันที่จริงก็ไม่ถึงกับสนใจนะคะ ก็แค่ไม่เข้าใจเลยอยากทำความเข้าใจ หนูอ่านหนังสือมาบ้าง แต่ก็ยังมีจุดที่ไม่เข้าใจค่ะ”
และก็เพราะเธอมีเรื่องต้องทำมากมายก็เลยพักไว้ก่อน ไม่ได้ไปขอคำชี้แนะจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ
อะไรที่พักไว้ก่อนได้ก็ไม่ถือว่าสนใจมากนัก
ย่าเย่ว์พูดด้วยความเอ็นดู “เสี่ยวเยาเยาเรียนเยอะขนาดนี้ไม่เหนื่อยเหรอจ๊ะ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่เหนื่อยค่ะ ก็แค่คิดว่าเวลาไม่ค่อยพอใช้”
อวิ๋นไป๋ยิ้ม สายตาชื่นชมแบบที่ปิดบังไม่มิด “ไม่เคยเจอเด็กคนไหนขยันและชอบเรียนรู้เท่าเสี่ยวเยาเยามาก่อนเลยนะ!”
“ตี้อู๋เปียนก็ชอบเรียนรู้เหมือนกันค่ะ”
“ของอู๋เปียนเป็นเพราะมีข้อจำกัดเรื่องสุขภาพ ทำได้เพียงนั่งเรียนนั่งอ่านหนังสือ บอกว่าเขารู้ทุกอย่าง อันที่จริงก็แค่รู้แต่ในตำรา เสี่ยวเยาเยาไม่เหมือนกัน ความคิดหลากหลาย ร่างกายก็แข็งแรง เด็กอายุสิบแปดงานยุ่งได้ถึงขั้นไม่มีเวลา…” น้ำเสียงออกแนวชื่นชมสาวน้อยคนนี้มากเหลือเกิน
“น้าเล็กคะ ตี้อู๋เปียนไม่ได้รู้แค่ในตำรานะคะ สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผลมีหลักการจับต้องได้ อีกทั้งในด้านคอมพิวเตอร์…เขามีข้อมูลสารพัดจากทั่วโลก…” บลาๆๆ
คนตระกูลเย่ว์มองมู่เถาเยาด้วยความตะลึง
เย่ว์หลั่งรู้สึกหัวใจจะแตกสลาย มีเลือดซึมออกมาซิบๆ
ลูกสาวสุดที่รักของเขายังเด็กขนาดนี้ทำไมถึงได้…อดด่าเด็กหนุ่มคนนั้นที่ถึงขั้นทำให้ลูกสาวของเขาออกตัวแก้ต่างให้ฉอดๆ ไม่ได้
มู่เถาเยาพูดจบก็รู้สึกว่าสายตาที่ทุกคนมองมาดูแปลกไป จึงถามด้วยความสงสัย “มีอะไรเหรอคะ”
เป่ยซีกุมขมับ “เสี่ยวเยาเยารู้จักอู๋เปียนดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ “หนูคุยกับเขาบ่อยก็ควรรู้จักดีไม่ใช่เหรอคะ”
เย่ว์จือกวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวเยาเยา ปกติคุยกับเขาทุกเรื่องเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ ตี้อู๋เปียนรอบรู้หลายเรื่อง หนูได้ความรู้จากเขาเยอะเลยค่ะ”
คนตระกูลเย่ว์ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแล้ว
เสี่ยวเยาเยาเหมือนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่อีกมุมก็เหมือนจะไม่ประสีประสา
อวิ๋นไป๋อยากหัวเราะ แต่ก็ไม่กล้า
เย่ว์หลั่งรู้สึกอัดอั้นตันใจ เขากังวลว่าวันไหนจะถูกแย่งลูกสาวไป…
เย่ว์จือเหิง “เสี่ยวเยาเยา ต่อไปถ้ามีคำถามอะไรพี่ใหญ่จะหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญให้นะ”
ทุกคนในตระกูลเย่ว์ไม่ได้อคติกับตี้อู๋เปียน แต่เขาสุขภาพไม่ดี ไม่เหมาะกับแก้วตาดวงใจของพวกเขา
เย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินแอบหัวเราะในใจ
พวกเธอรู้จักลูกสาว/ลูกศิษย์ของตัวเองดีว่าสิ่งที่พูดมาก็ตามนั้น แต่คนตระกูลเย่ว์คิดมากไปจนทำตัวเองตกใจ
แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวพันกับคนที่ตัวเองแคร์ก็ย่อมคิดมากเป็นธรรมดา