อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 432 ม้าที่อายุยืนที่สุด
ตอนที่ 432 ม้าที่อายุยืนที่สุด
กลับถึงหมู่บ้านเถาหยวนตอนพลบค่ำ พวกม้าดูเหงาหงอย แม้แต่เสี่ยวเซวี่ยก็อารมณ์ไม่ดี
มู่เถาเยาทั้งสงสารทั้งจนปัญญา
เกาหม่ามีฝูงม้าต้องดูแลนอกจากครอบครัวตัวเอง
เมื่อก่อนยังพอไหว เจอกันไม่บ่อยเลยไม่คิดถึงขนาดนี้ ตอนนี้อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งอยู่ๆ ต้องมาแยกจากกัน ไม่เพียงแต่คนจะทำใจไม่ได้ สัตว์ก็เช่นกัน
เมื่อกลับถึงคอกม้า อาหยวน อาฉี อาเหนียน อาหยาง ต่างก็มารออยู่ก่อนแล้ว
มู่เถาเยาถาม “กินข้าวกันหรือยังคะ ถ้ายังก็กลับไปกินก่อนแล้วค่อยมาใหม่”
อาหยวนยิ้มตอบ “เมื่อกี้พวกเราผลัดกันไปกินข้าวทีละสองคนแล้วครับบอส”
“โอเค เสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเหยี่ย หลิวซิง ไป๋เสวี่ย เพิ่งแยกกับเกาหม่า พวกมันเลยอารมณ์ไม่ดี ต้องเอาใจใส่มากหน่อยนะคะ”
อาหยางลูบหัวของหลิวซิง สงสารมันจับใจ “วางใจได้ครับบอส พวกเราจะดูแลพวกมันอย่างดี”
“ค่ะ อาเหนียน เกาหม่าไม่ได้ไปเมืองหลวงด้วยกัน นายดูแลไป๋เสวี่ยไปก่อน”
“ได้ครับบอส”
“ฉันกับอาจารย์สามขอกลับไปกินข้าวก่อน เย็นหน่อยค่อยมาดูพวกมัน”
คนดูแลม้าทั้งสี่คนพยักหน้าพร้อมกัน
มู่เถาเยาไล่ลูบม้าทีละตัวอีกครั้ง จากนั้นก็ไปบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้านพร้อมลู่จือฉิน
มีทั้งคนแก่และคนท้อง พวกเธอไม่ควรกลับเย็นเกินไป พวกเขาจะได้ไม่รอนาน
สองศิษย์อาจารย์ไปถึงบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาจัดวางอาหารเสร็จพอดี
หลังจากทักทายแต่ละคนเสร็จ อดีตผู้ใหญ่บ้านก็เร่งให้ทั้งสองคนไปล้างมือเตรียมกินข้าว
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้มีพี่น้องห้าคน ต่างมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตายกเว้นมู่หยวนลูกสาวคนที่สามที่แต่งไปอยู่เมืองกังตูไม่ได้กลับมา
พี่น้องคนอื่นมีลูกกันสองสามคนยกเว้นมู่จิ้ง จึงนั่งกันเต็มสองโต๊ะใหญ่อย่างครึกครื้น
มู่เถาเยาจับชีพจรให้มู่จิ้งก่อน
ดูแลได้ดีตามที่บอก
ถึงแม้จะผอมไปหน่อยเพราะแพ้ท้องมาเดือนกว่า แต่จากนี้ถ้ากระเพาะดีแล้วก็บำรุงได้ง่าย
“อาจิ้งคะ ที่บ้านหนูมีรังนกเยอะมาก เดี๋ยวให้เสี่ยวหว่านตามหนูกลับไปเอามาให้อาจิ้งกินนะคะ”
มู่จิ้งยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา เมื่อบ่ายพี่ใหญ่เย่ว์กับพี่สะใภ้อามาให้เยอะมากแล้ว”
“เย่ว์เลี่ยงคลอดลูกแล้ว พวกเราก็ไม่ค่อยได้มาอีก เก็บไว้ที่บ้านก็ไม่มีคนกิน อาจิ้งได้ใช้ประโยชน์พอดี กินไปก่อนนะ วันหน้าพวกเรามาอีกค่อยเอามาใหม่” เป่ยซียิ้มอย่างอ่อนโยน
มู่เถาเยาพยักหน้า “ที่บ้านอาจารย์ใหญ่ยังมีอีกค่ะ เดิมทีอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์รองก็ไม่ค่อยชอบกิน อาจารย์แม่รองก็น่าจะกลับมาช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน รอพี่อู๋เสียคลอดจนอยู่ไฟเสร็จค่อยกลับมาพร้อมกัน ส่วนหนูเดือนนี้ต้องฝึกซ้อมแล้ว เดือนหน้าหยุดวันชาติจะไปเยี่ยมหลานชายหลานสาว ระยะนี้จะไม่มีคนอยู่บ้าน อาจิ้งช่วยพวกเรากินหน่อยนะคะ เดี๋ยวหมดอายุต้องทิ้งเสียดายของแย่”
มู่จิ้งย่อมรู้ว่าที่มู่เถาเยาบอกหมดอายุก็แค่ข้ออ้างอยากให้ของ
รังนกของเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีระดับความแห้งสูง สิ่งเจือปนน้อย คุณภาพดีที่สุดในโลก เก็บรักษาได้อย่างน้อยสามปีขึ้นไป
รังนกที่คนตระกูลเย่ว์เอามาให้เสี่ยวเยาเยากับพวกอาจารย์กินมีแต่จะเป็นของดียิ่งกว่า สดใหม่กว่า ไม่มีทางเก็บจนหมดอายุ
เป่ยซียิ้มกว้างพูดต่อจากลูกสาว “นั่นสิ อาจิ้งไม่ต้องเกรงใจนะ พวกเรากลับไปค่อยส่งมาอีก อาจิ้งจะได้กินทุกวันหรือเว้นวันกิน กินตลอดช่วงท้องดีต่อแม่และเด็ก”
ไป๋เฮ่าอวี๋วางตะเกียบลงแล้วส่ายมือ “ก่อนหน้านี้พ่อแม่ผมก็เอารังนกมาให้เยอะเลยครับ ไหนจะของที่ทุกคนให้อีก พอให้อาจิ้งกินตลอดช่วงตั้งท้อง ไม่ต้องส่งมาแล้วครับ”
หลี่ซานซือภรรยาของอดีตผู้ใหญ่บ้านยิ้มพูด “ใช่จ้ะ หลังจากอาจิ้งตั้งท้องทางบ้านแม่สามีก็มาจากเจียงตู เอาของกินสำหรับคนท้องมาให้มากมาย อาหลั่ง เสี่ยวซี เสี่ยวเยาเยา ไม่ต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้หรอกนะ อาจิ้งไม่อดแน่นอน”
อดีตผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าต่อเนื่อง
มู่เถาเยาอมยิ้ม “ค่ะ งั้นพวกเราไม่ตื๊อแล้วค่ะ หมอไป๋คะ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อมานะคะ หรือไปหาอาจารย์ใหญ่กับอาจารย์สามก็ได้ค่ะ”
ไป๋เฮ่าอวี๋พยักหน้ารัวๆ
อดีตผู้ใหญ่บ้านเรียกให้ทุกคนกินข้าวอย่างอารมณ์ดี “เสี่ยวเยาเยา อย่ามัวแต่คุยเลย รีบกินข้าวกัน”
“ค่ะ”
กินอาหารเย็นกันอย่างครึกครื้นสนุกสนานไปหนึ่งชั่วโมงกว่า มู่เถาเยาอยากช่วยเก็บโต๊ะ แต่กลับถูกจางเฟยห้ามไว้
“เสี่ยวเยาเยากับอาจารย์ลู่ไปหาพวกเสี่ยวเหยี่ยที่ป่าเซียนโหยวมา ใช้พลังงานไปเยอะ ต้องพักผ่อนให้มากๆ”
ไม่เพียงแต่จะไม่ให้มู่เถาเยาช่วยเก็บล้าง แม้แต่เหลียงจีกับพี่หยางก็ถูกห้ามเข้าห้องครัวด้วย
เมื่อครู่ทำอาหารทั้งสองคนก็ช่วยทำ
ผู้ใหญ่บ้านมู่อี้ยิ้มพูด “งานใช้แรงพวกนี้ให้พวกผู้ชายทำดีกว่า”
พี่น้องสองคนของผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า
จางเฟยพอใจมากที่สามีเสนอตัว เธอจึงเรียกน้องสะใภ้กับทุกคนให้ไปดื่มชาในห้องรับแขก
“เสี่ยวเยาเยา อาหารของพวกม้าเอาไปให้พวกอาหยวนแล้วนะ”
“หนูกับอาจารย์สามเห็นแล้วค่ะป้าเฟย เดี๋ยวหนูจะไปดูพวกเสี่ยวเหยี่ยอีกรอบ เกาหม่าไม่ได้กลับมาด้วย พวกม้าเลยอารมณ์ไม่ดีค่ะ”
“แบบนั้นต้องทำไงดีล่ะ” อดีตผู้ใหญ่บ้านชักร้อนใจ
คนสูงวัยทนเห็นคนหรือสัตว์เสียใจไม่ได้เป็นที่สุด
“เดี๋ยวหนูจะไปอยู่เป็นเพื่อนพวกมันหน่อยค่ะ”
จางเฟยถาม “เสี่ยวเยาเยา ทำไมเกาหม่าถึงไม่กลับมาด้วยกันล่ะจ๊ะ”
“มันทิ้งฝูงม้าไม่ลงค่ะ”
“…ก็จริงนะ เกาหม่าไม่ได้กลับไปดูฝูงม้าป่านานแล้วใช่ไหม ก็ไม่รู้ว่ามีม้าหายไปบ้างหรือเปล่า…สัตว์กินเนื้อแถวนั้นก็เยอะเสียด้วย”
ภรรยาของอดีตผู้ใหญ่บ้านพูด “เสี่ยวเยาเยา พาพวกมันออกมาเลี้ยงไม่ได้เหรอ หรือไม่ก็ให้อยู่เขตป่าชั้นนอกก็ยังดี! เขตป่าชั้นนอกออกจะกว้างใหญ่ ไม่ขาดแคลนของกินของพวกมัน”
มู่เถาเยา “ย่าหลี่คะ ไว้ครั้งหน้าหนูมีเวลาจะไปดูพวกฝูงม้าหน่อยค่ะ ลองดูว่าพวกมันจะยินดีออกมาไหม ครั้งนี้เกาหม่ากลับฝูงก็น่าจะไปสื่อสารกับพวกม้าค่ะ”
เขตป่าชั้นนอกกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะมีม้ากี่ตัวก็พอให้พวกมันดำรงชีวิต ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในเขตป่าชั้นในที่พร้อมจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อหากไม่ระวังตัว
แต่พวกเขาไม่ใช่ม้า ไม่รู้ว่าม้าคิดอย่างไร
ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาคิดอาจไม่ได้ดีที่สุดสำหรับม้า
นี่ก็คล้ายกับความคิดของผู้ปกครองที่มีต่อเด็ก
ผู้ปกครองยัดเยียดสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับเด็ก แต่เด็กมีความคิดของตัวเอง ไม่มีทางเห็นด้วยกับผู้ปกครองไปเสียทุกอย่าง
เราไม่ใช่เขาจะเข้าใจความสุขของเขาได้อย่างไร
มู่หว่าน “เสี่ยวเยาเยา ม้ามีชีวิตอยู่ได้กี่ปีเหรอ เกาหม่าอายุประมาณเท่าไร มันจะดูแลฝูงม้าได้อีกนานแค่ไหน”
“โดยทั่วไปม้ามีอายุขัยประมาณสามสิบถึงสามสิบห้าปี ประมาณหนึ่งในสามของอายุขัยของคน แต่ม้าที่อายุยืนที่สุดในโลกมีอายุหกสิบสองปี เทียบเท่าอายุคนก็ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบหกปี แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในเขตป่าชั้นในไม่ว่าจะสัตว์หรือพืชจะใช้การคำนวณแบบปกติไม่ได้ เกาหม่าดูเหมือนม้าวัยฉกรรจ์ แต่ฉันก็มองไม่ออกว่ามันอายุเท่าไรกันแน่”
ทุกคนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
คุยเรื่องม้ากันสักพักมู่เถาเยาก็ถามไป๋เฮ่าอวี๋เรื่องห้องวิจัย จากนั้นก็เรียกให้มู่หว่านตามกลับไปเอารังนกที่บ้านครอบครัวหยวน
พอกลับมาอีกครั้ง เย่ว์หลั่ง เป่ยซี เหลียงจี มู่หว่าน ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยา พี่หยาง ก็ตามมู่เถาเยากับอาจารย์สามไปดูม้าทั้งสี่ตัว
“ไอ๊หยา หลิวซิงน้อยซึมขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ร่าเริงเลยสักนิด!” มู่หว่านลูบหัวลูกม้าน้อยด้วยความสงสาร
หลิวซิงไม่เหมือนม้าตัวอื่น อาจเพราะเห็นคนเยอะตั้งแต่เกิด มันจึงเชื่องกับคนมากกว่าม้าตัวอื่น
ด้วยเหตุนี้พอถูกลูบหัวก็ไม่มีทางโมโห อีกทั้งยังตอบสนอง ก็แค่เวลานี้มันอารมณ์ไม่ดี มองมู่หว่านแวบหนึ่งแล้วเดินอ้อมไปอ้อนมู่เถาเยา
มู่หว่าน “…”
ไม่ต้องการให้เธอปลอบงั้นเหรอ