อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 434 ต้องฝึกขี่ม้าให้ดี
ตอนที่ 434 ต้องฝึกขี่ม้าให้ดี
เช้าตรู่วันจันทร์ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จคุณนายอวิ๋นเหอก็ให้คนขับรถไปส่งมู่หว่านเข้าเรียนที่สถาบันศิลปะการแสดงเหยียนหวงก่อน
“พี่เหลียงจีคะ พี่กับพี่หยางเอาสัมภาระของฉันกลับคอนโดก่อน ตอนเที่ยงก็ไม่ต้องทำอาหารเผื่อด้วย ฉันกับตี้อู๋เปียนจะกินกับโค้ชเถียนที่ศูนย์ฝึกค่ะ เสร็จแล้วฉันจะตรงไปมหาวิทยาลัยเลย เลิกเรียนตอนเย็นพี่เอาข้าวมาให้ฉันที่มหาวิทยาลัย ฉันกินเสร็จจะไปฝึกยกน้ำหนักค่ะ”
เหลียงจีกับพี่หยางพยักหน้าพร้อมกัน
ตี้อู๋เปียนปฏิเสธจางหมิงเจ๋อที่จะขับรถให้พวกเขา เพราะเขาอยากขับรถไปส่งมู่เถาเยาที่ศูนย์ฝึกขี่ม้าด้วยตัวเอง
มู่เถาเยากลับอึ้งไปชั่วขณะ เธอถาม “ตี้อู๋เปียน คุณมีใบขับขี่เหรอ”
“อืม หมิงเจ๋อสอนฉันขับรถ” ถึงแม้ใบขับขี่จะไม่ได้ได้มาจากการสอบ แต่เขาไม่ใช่ฆาตกรบนท้องถนนแน่นอน
“อันที่จริงจะขับรถเป็นหรือเปล่าก็ไม่ส่งผลอะไรกับคุณมาก” อย่างไรเสียเขาออกไปไหนก็จะต้องมีบอดี้การ์ดสามสี่คนไปด้วย ยกเว้นตอนอยู่หมู่บ้านเถาหยวน
“ฉันอยากขับรถเป็น”
ผู้ชายขับรถไม่เป็นไม่ใช่ผู้ชาย
มู่เถาเยาไม่เถียงอะไร
ตี้อู๋เปียนเปิดประตูรถ “ขึ้นรถสิ รับรองส่งถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”
มู่เถาเยาไม่ได้เป็นกังวล
เธอขับรถแทรกเตอร์ตั้งแต่สิบขวบ อายุสิบห้าก็ขับรถยนต์คันเล็กแล้ว ก็แค่ไม่เคยขับออกนอกหมู่บ้านเถาหยวน
ตี้อู๋เปียนก็เป็นคนฉลาด เรื่องขับรถไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องกังวล
ต่อให้มีปัญหาเธอก็พร้อมจะกระโดดลง
หลังจากร่ำลาคนตระกูลตี้เสร็จทั้งสองคนก็ออกจากวังตระกูลตี้
เนื่องจากสถาบันศิลปะการแสดงเหยียนหวงค่อนข้างไกล ทุกคนจึงตื่นเช้ากว่าปกติหน่อย ตอนนี้จึงยังไม่ถึงช่วงเวลาเร่งด่วนที่คนเข้างาน ตลอดทางรถไม่ติด
ประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็ไปถึงศูนย์ฝึกขี่ม้า
โค้ชเถียนมารอที่ลานจอดรถก่อนแล้ว
พอเห็นรถที่ไม่รู้จักมาจอด เขาก็เดินเข้าไปหาทันที
“เสี่ยวเยาเยา เอ่อ…คุณชายเล็กก็มาด้วยเหรอครับ”
เนื่องจากตระกูลเซี่ยเกี่ยวข้องกับตี้อู๋เสีย เขาจึงรู้จักคนตระกูลตี้นานแล้ว แต่ก็แค่รู้จัก ไม่ถือว่าสนิทสนม
“โค้ชเถียน ผมกับซาลาเปาน้อยมาดูพวกเสี่ยวเหยี่ยครับ”
มู่เถาเยายิ้มพูด “โค้ชเถียนคะ ม้าสิงโตหยกตัวนั้นเป็นของตี้อู๋เปียนค่ะ พวกมันเป็นยังไงบ้างคะ”
พอพูดถึงม้า โค้ชเถียนก็สงสารจับใจ “อารมณ์ไม่ดีเท่าไร ราชาม้าป่าก็ใจร้ายจริง ทิ้งลูกม้าของตัวเองได้…”
หลิวซิงน้อยออกจะน่ารักออกจะสวย! เขาชอบมากตั้งแต่แวบแรกที่เห็น! มันเป็นพ่อม้าใจร้ายทิ้งเมียกับลูกตัวเองได้ลงคอ!
มู่เถาเยามองโค้ชเถียนที่ท่าทางเหมือนจะร้องห่มร้องไห้ เธอพูดด้วยความรู้สึกขำ “เกาหม่ายังมีฝูงม้าต้องดูแล เดิมทีมันก็เป็นราชาม้า มีม้าเป็นราษฎรของมัน และก็เพราะเสี่ยวเซวี่ยกับเสี่ยวเหยี่ยต้องไปอยู่กับมันพร้อมหน้าพร้อมตา ต่อมาถึงได้มีหลิวซิงน้อย มันไม่ได้กลับไปดูฝูงม้านานแล้วค่ะ”
“เอ่อ…จะว่าไปก็จริง จะทิ้งครอบครัวใหญ่เพราะมีครอบครัวของตัวเองแล้วไม่ได้…”
ใช่ว่าโค้ชเถียนจะไม่เข้าใจ ก็แค่สงสาร
“ค่ะ พวกเราไปดูพวกมันหน่อย”
“ได้ครับ”
โค้ชเถียนขับรถนำเที่ยวของศูนย์ฝึกพามู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไปคอกม้า
พอไปถึงคอกม้าหรูหราที่ทำไว้ให้ม้าทั้งสี่ตัวโดยเฉพาะ มู่เถาเยาก็แทบวิ่งลงจากรถทันที
โค้ชเถียนไม่ทันได้ดูแลตี้อู๋เปียน เขาต้องวิ่งตามไปติดๆ
ตี้อู๋เปียน “…”
เขารู้สึกว่าสัตว์ได้รับความสนใจมากกว่าเขาเสียอีก!
หรือช่วงนี้หน้าตาของเขาขี้เหร่ลง
ตี้อู๋เปียนลูบแขนตัวเองที่เริ่มมีกล้ามเนื้อขึ้นมาแล้ว เขาแอบสงสัย
เขามีกล้ามแล้ว กล้ามท้องก็มี ควรดูดีกว่าเมื่อก่อนถึงจะถูกสิ!
คนบางคนครุ่นคิดระหว่างเดินไปคอกม้า
พอไป๋เสวี่ยเห็นเขาก็วิ่งออกจากคอกม้ามาหา
ตี้อู๋เปียนลูบหัวของมัน สื่อสารกับมันอย่างใจเย็น
ม้าตัวอื่นๆ ที่เหลือต่างมองเขา ทั้งยังร้องฮี้เข้าร่วมอยู่เรื่อยๆ เหมือนกำลังคุยกัน
หลิวซิงน้อยไม่เคยเจอตี้อู๋เปียน มันจึงมองสิ่งมีชีวิตสองเท้าที่สื่อสารกับพวกมันได้ผู้นี้ด้วยความสงสัย
ตี้อู๋เปียนไล่ลูบทีละตัวพร้อมทั้งพูดปลอบ บอกพวกม้าเหล่านี้ว่า ขอแค่อยู่ที่นี่เดือนกว่าก็จะได้กลับไปเจอเกาหม่าแล้ว
พวกม้าดีใจขึ้นมาทันที
มู่เถาเยา โค้ชเถียน และพวกอาหยวนแปลกใจมาก
“ตี้อู๋เปียน ฉันก็พูดกับพวกมันแบบนี้ ทำไมพวกมันไม่เห็นดีใจเลย แต่พอคุณพูด พวกมันดีใจขึ้นมาทันที”
ตี้อู๋เปียนมองสาวน้อยที่ทำตาโตด้วยความตะลึง เขาพูดติดตลก “อาจเพราะ…พวกมันเข้าใจแค่คำพูดของฉันมั้ง”
มู่เถาเยากับพวกโค้ชเถียนย่อมไม่เชื่อ
แต่พวกม้าอารมณ์ดีขึ้นก็พอแล้ว
“โค้ชเถียนคะ ฉันจะพาพวกมันไปวิ่งสักรอบค่อยกลับมานะคะ”
“ได้เลย ไปเถอะ”
อาหยวนไปหยิบอานม้าสำหรับเสี่ยวเหยี่ยมาทันที
“ซาลาเปาน้อย ฉันขี่ไป๋เสวี่ยวิ่งไปกับเธอ”
“คุณตามฉันไม่ได้ ฉันขี่เร็ว”
ตี้อู๋เปียน “…”
“ฉันขี่พาพวกมันวิ่งรอบนึงก็กลับมาแล้ว คุณอยู่คุยกับโค้ชเถียนไปดีกว่า”
“…ก็ได้”
ตี้อู๋เปียนแอบตัดสินใจแล้วว่าต้องฝึกขี่ม้าให้ดี!
มู่เถาเยาใส่อานม้าให้เสี่ยวเหยี่ยด้วยตัวเอง
เสี่ยวเหยี่ยไม่ชิน อยากสะบัดออก
มู่เถาเยาจนปัญญา แต่จะไม่ใส่ก็ไม่ได้
เข้าร่วมการแข่งขันต้องใส่อานม้า
ตี้อู๋เปียนเดินเข้าไปตบหัวของเสี่ยวเหยี่ยเบาๆ แล้วพูดกับมัน “เสี่ยวเหยี่ย ซาลาเปาน้อยจะพานายลงแข่งขัน ต้องใส่อานม้า ขอแค่นายตั้งใจฝึกซ้อมกับซาลาเปาน้อยเป็นพอ ใส่อานม้าแค่เวลาสั้นๆ…ซาลาเปาน้อยดีกับนายขนาดนี้ นายก็ควรให้ความร่วมมือกับเธอหรือเปล่า…”
บลาๆๆ
เสี่ยวเหยี่ยอารมณ์ไม่ดีอีกรอบ
มันไม่ชอบอานม้า อึดอัดจะตาย!
แต่คนคนนี้พูดถูก เจ้านายดีกับมัน มันจะไม่ช่วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้
ครั้นแล้วมันจึงให้มู่เถาเยาใส่อานม้าอย่างไม่ยินดีสักเท่าไร
มู่เถาเยา โค้ชเถียน พวกอาหยวนต่างมองตี้อู๋เปียนอย่างทึ่งๆ
“ตี้อู๋เปียน พวกมันเข้าใจที่คุณพูดจริงเหรอ”
ตี้อู๋เปียนยิ้มถาม “เธอเชื่อไหมล่ะ”
คราวนี้มู่เถาเยาไม่ส่ายหน้าแต่ก็ไม่ได้พยักหน้า
โลกนี้กว้างใหญ่ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ความสามารถในการยอมรับความจริงของเธอสูงมาก
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เสด็จแม่ อาจารย์ น้องชาย ไม่ยิ่งประหลาดกว่าเหรอ
ต่อให้ตี้อู๋เปียนสื่อสารกับสัตว์ได้ เธอก็ไม่มีทางรู้สึกประหลาดใจ
มู่เถาเยาสังเกตสีหน้าของตี้อู๋เปียนอยู่หลายวินาที มองไม่ออกว่าเขาล้อเล่นหรือพูดจริง
แต่มันก็ไม่สำคัญ
เธอปลดกระเป๋าเป้ออกจากบ่าแล้วหยิบถุงมือออกมาใส่ ฝากกระเป๋าไว้ที่ตี้อู๋เปียนก่อน
“ฉันพาพวกมันไปวิ่งหนึ่งรอบ เดี๋ยวกลับมา”
มู่เถาเยาไม่ได้เปลี่ยนไปใส่ชุดขี่ม้า ไม่ได้สวมหมวก เพราะของพวกนั้นอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของเธอ ไม่ได้เอามาด้วย
การขี่ครั้งนี้แค่อยากลองอานม้า จงใจให้เสี่ยวเหยี่ยคุ้นเคยความรู้สึกเวลาใส่อานม้าวิ่ง
ตี้อู๋เปียน “ไปเถอะ ระวังหน่อย”
“อืม โค้ชเถียนพาตี้อู๋เปียนไปนั่งก่อนนะคะ อาหยวน ไปเอาเถาวัลย์ตี้หวังมาหน่อย เดี๋ยวให้พวกมันกิน”
ทุกคนพยักหน้า
มู่เถาเยาเหยียบที่วางเท้ากระโดดขึ้นม้า จากนั้นก็ตีเสี่ยวเหยี่ยหนึ่งที มันออกวิ่งทันที
ไป๋เสวี่ยตามไปเป็นตัวแรก
ลูกม้าน้อยหลิวซิงเป็นตัวที่สอง
เสี่ยวเซวี่ยตามไปสุดท้าย ป้องกันหลิวซิงน้อยวิ่งช้าหรือทำตัวเกเรแอบแตกแถวไปเล่นที่อื่น