อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 435 น้ำหนักเยอะสุด
ตอนที่ 435 น้ำหนักเยอะสุด
ตอนเย็น กว่ามู่เถาเยากับเหลียงจีจะไปถึงศูนย์ยกน้ำหนักของสนามกีฬาแห่งชาติก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
ช่วงเวลาเลิกงาน ขับรถไม่สะดวกจริงๆ
โค้ชหลี่เทียนเหยียนยิ้มพูด “นักศึกษามู่เถาเยา เธอมาเร็วกว่าที่โค้ชคิดอีกนะ”
“ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้โค้ชรอนาน เลยต้องทำงานล่วงเวลาเลยค่ะ”
โค้ชหลี่ส่ายมือ วางมาดอ่อนลง “เมืองหลวงรถติดหนัก เธอมาถึงเวลานี้ได้ก็เกินความคาดหมายของโค้ชแล้ว ส่วนเรื่องทำงานล่วงเวลา โค้ชไม่ถือสาหรอก”
มีเมล็ดพันธุ์ชั้นดี เธอดีใจยังจะไม่ทัน
“พรุ่งนี้หนูจะลองนั่งรถไฟใต้ดินดูค่ะ อาจเร็วกว่าหน่อย”
“ได้ เดี๋ยวโค้ชจาง โค้ชกง โค้ชอัน ก็จะมาดูเธอด้วย”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า
เธอรู้ว่าที่พวกเขาอยากมาดูเป็นเพราะอะไร
ก็คงหนีไม่พ้นอยากรู้ว่าเธอทำได้อย่างที่พูดตอนเจอกันหรือเปล่า ยกของหนักได้ถึงสองร้อยกิโลกรัม
“เอาชุดสำหรับฝึกมาด้วยไหม ถ้ามีก็ไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวโค้ชจะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของเธอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ค่ะ งั้นหนูขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
เวลานี้เธอสวมชุดเอี๊ยมอยู่ ไม่สะดวกต่อการยกน้ำหนัก
โค้ชหลี่พามู่เถาเยาไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รออยู่ด้านนอก
มู่เถาเยาเปลี่ยนไปใส่เสื้อแขนสั้นกางเกงขาสั้น
ไม่ว่าจะใช้สายตาของผู้ชายหรือผู้หญิงมอง หุ่นของมู่เถาเยาก็สมบูรณ์แบบมาก!
ขายาวทั้งสองทั้งขาวทั้งเรียว แต่กลับเนื้อแน่น ไม่ได้ให้ความรู้สึกผอมแห้งแม้แต่น้อย
โค้ชหลี่พยักหน้าด้วยความพอใจ “เธอดูเหมือนผอมสูง นึกไม่ถึงว่าจะมีกล้าม เส้นกล้ามสวยมาก”
“หนูฝึกต่อสู้ทุกวันค่ะ”
“ฝึกต่อสู้เหรอ งั้นสภาพร่างกายกับความอดทนน่าจะไม่เลว”
โค้ชหลี่หยิบสมุดกับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งวัดทั้งชั่งมู่เถาเยา ทำทุกอย่างรวดเร็วฉับไว
โค้ชจางโค้ชยิงธนู โค้ชกงโค้ชยิงปืน โค้ชอันโค้ชกรีฑาก็มากันเวลานี้
“รูปร่างสมบูรณ์แบบ…เพียงแต่ เป็นนักกีฬา อาจยังไม่เข้าเกณฑ์พอ โดยเฉพาะแขน” โค้ชจางเฉินเย่ว์จับต้นแขนมู่เถาเยาพลางพูด
ยกน้ำหนัก ยิงธนู ยิงปืน เล่นเรือใบ ล้วนเป็นกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อที่แขนขาอย่างเพียงพอ
มู่เถาเยายิ้ม “กล้ามเนื้อไม่มากพอไม่ได้หมายความว่าไม่มีเรี่ยวแรงนะคะ”
เธอพอใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว ไม่อ้วนไม่ผอม ไม่มีไขมันส่วนเกิน กล้ามเนื้อชัดเจน แต่ไม่ได้ดูเกินจริง
“ไหน แสดงฝีมือให้พวกเราดูหน่อย”
โค้ชหลี่เทียนเหยียนพามู่เถาเยาไปตรงอุปกรณ์กีฬา อธิบายสิ่งสำคัญของการยกน้ำหนักแล้วสาธิตให้ดู
มู่เถาเยายกตามทั้งท่าสแนตช์และท่าคลีนแอนด์เจอร์คในระดับสี่สิบแปดกิโลกรัม
เหลียงจีก็สนใจ ยกตามทั้งสองท่าอยู่ด้านหลัง
พวกโค้ชรู้สึกประหลาดใจมาก
โค้ชกรีฑาโค้ชอันเฟยอวี่ยิ้มถาม “คุณผู้หญิงท่านนี้ก็สนใจเข้าร่วมแข่งขันด้วยไหม”
เหลียงจียิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันไม่เหมาะ แค่อยากลองดูว่าตัวเองยกไหวแค่ไหน อันนี้ยังถือว่าเบาๆ ฉันยกมือเดียวยังไหวค่ะ” ชี้ไปที่ระดับสี่สิบแปดกิโลกรัม
หลี่เทียนเหยียนถามอย่างอารมณ์ดี “เหลียงจีทำงานอะไรเหรอ สนใจเปลี่ยนมาเป็นนักกีฬาไหม”
“เป็นนักบินค่ะ ไม่ใช่คนเหยียนหวง” เธอจึงเป็นตัวแทนประเทศเหยียนหวงลงแข่งขันไม่ได้ เลิกคิดได้เลยค่ะ!
“อย่างนั้นเหรอ…” ดูท่าทางสถานะของเด็กสาวคนนี้จะไม่ธรรมดา มีนักบินติดตามด้วย!
โค้ชเถียนบอกพวกเขาแค่ว่า เด็กสาวคนนี้เป็นลูกศิษย์ปิดสำนักของหมอเทวดาหยวน เรียนเก่งสุดๆ
แต่พวกเขาเคยเจอพ่อแม่ของเธอแล้ว ซึ่งดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ก็ไม่แปลกที่ตอนนั้นโค้ชเถียนยังกลัวว่าพ่อแม่ของเด็กคนนี้จะไม่ยอม
อืม…ดูเหมือนจะคุ้นหน้าพ่อแม่ของเด็กคนนี้อยู่
แม้แต่เหลียงจี ก็ยังให้ความรู้สึกคุ้นหน้า…
มู่เถาเยาเห็นโค้ชหลี่ไม่ขยับจึงหันไปเรียก “โค้ชหลี่คะ”
“หืม? มา ยกอันนี้ที่ห้าสิบสามกิโล” ช่างเถอะ เลิกคิดดีกว่า นักกีฬามีชาติกำเนิดยังไงมันไม่สำคัญ
หลี่เทียนเหยียนเบนความสนใจจากเหลียงจีกลับมาที่มู่เถาเยา
ต่อมาเป็นการยกที่น้ำหนักห้าสิบแปดกิโลกรัม หกสิบสามกิโลกรัม หกสิบเก้ากิโลกรัม เจ็ดสิบห้ากิโลกรัม…ไปจนสุดน้ำหนักของรุ่นผู้หญิงแล้ว แต่ใบหน้าของมู่เถาเยาก็ยังไม่แดง ไม่มีอาการหอบ เหงื่อไม่ไหลสักหยด!
หลี่เทียนเหยียนดีใจยิ้มหน้าบาน มองมู่เถาเยาด้วยสายตาอ่อนโยนทะนุถนอมประหนึ่งเป็นของล้ำค่า
เด็กคนนี้ไม่ได้คุยโวหลอกพวกเขา!
โค้ชคนอื่นๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น
มู่เถาเยามองพวกโค้ชแล้วยิ้มพูด “เย็นวันพรุ่งนี้หนูจะไปศูนย์ฝึกยิงธนู จากนั้นก็ไปศูนย์ฝึกยิงปืน สนามกรีฑา ฝึกขี่ม้า วันเสาร์วันอาทิตย์ไปเล่นเรือใบที่ทะเลค่ะ”
ในบรรดากีฬาพวกนี้ เธอน่าจะอ่อนเรือใบที่สุด ต้องใช้เวลาฝึกนานหน่อย กอปรกับเมืองหลวงไม่ติดทะเล มีแค่ทะเลสาบที่ใหญ่หน่อย
ถ้าเอาแบบมืออาชีพต้องไปทะเลทางตะวันออก
วันนี้โค้ชหร่วนหางจึงไม่ได้มาด้วย เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวง
พวกโค้ชพากันพยักหน้า
เอาตามลำดับนี้ก่อน รอพวกเขาดูให้ครบทุกรายการค่อยมานั่งหารือเรื่องเวลาฝึกของแต่ละรายการกับวิธีการฝึกที่ตอบโจทย์
พอเห็นพวกโค้ชไม่ว่าอะไร มู่เถาเยาจึงขอให้โค้ชหลี่พาไปตรงที่ยกน้ำหนักของผู้ชาย
เธอไม่ไล่ยกทีละอันแล้ว ตรงเข้าไปตรงแท่นยกน้ำหนักสูงสุดของทั้งสองท่า ทั้งยังยกเดินวนรอบทุกคนอย่างสบายๆ
โค้ชหลี่ดีใจจนหุบปากไม่ลง ยังจะเหลือมาดโค้ชในตอนนั้นอีกเหรอ
ตอนนี้เหลือแค่ไม่แปลงร่างเป็นหมาส่ายหางดุ๊กดิ๊กวิ่งรอบมู่เถาเยา
โค้ชคนอื่นๆ ก็ดีใจแทบบ้าไม่ต่างกัน
สาวน้อยไม่ได้คุยโวจริงๆ อาจยังถ่อมตัวด้วยซ้ำ!
ดังนั้นกีฬาที่เหลือของพวกเขาก็น่าจะเป็นกีฬาที่ถนัดของเธอ!
ตอนนี้พวกโค้ชกำลังคำนวณอยู่ในใจว่าเด็กสาวคนนี้จะคว้าเหรียญทองให้ประเทศได้เท่าไร!
มู่เถาเยาเก็บของเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอกับเหลียงจีก็บอกลาพวกโค้ช
“เสี่ยวเยาเยา วันนี้ใช้เรี่ยวแรงไปเยอะ หิวหรือเปล่า โค้ชจะพาไปกินมื้อดึก!” โค้ชกรีฑาอันเฟยอวี่รีบเดินเข้ามาถาม
โค้ชยิงปืนกงปินก็พูดขึ้น “ไปด้วยกัน ไปด้วยกัน” กระชับความสัมพันธ์จะขาดเหล่ากงอย่างเขาได้ยังไง!
โค้ชจางโค้ชฝึกยิงธนูก็อยากร่วมด้วย แต่เธอเป็นผู้หญิง ใส่ใจกว่าผู้ชายจึงพูดขึ้น “พรุ่งนี้เสี่ยวเยาเยามีเรียน อยู่ดึกไม่ได้ ไม่สู้พวกเราไปกินโจ๊กแถวสนามกีฬาสักหน่อยแล้วกัน”
โค้ชหลี่พยักหน้า “ใช่ พวกเราสนิทกับเจ้าของร้าน ให้เขาทำให้พวกเราก่อนได้ เสี่ยวเยาเยาว่าไง”
“ได้ค่ะ”
อันที่จริงเหลียงจีเอาอาหารมาด้วยอยู่บนรถ
แต่พวกโค้ชดูอารมณ์ดี เธอไม่อยากทำเสียบรรยากาศ
โค้ชอันยิ้มพูด “พวกเราอาจทำเหล่าเถียนอกแตกตายได้”
โค้ชกงเลิกคิ้ว “ก็ไม่ต้องบอกเขาสิ”
มู่เถาเยายิ้ม “ตอนนี้โค้ชเถียนอาจไม่ว่างโมโหค่ะ ม้าของหนูมาอยู่ที่ศูนย์ฝึกแล้วค่ะ”
โค้ชจาง “แสดงว่าม้าของเธอต้องเป็นม้าที่ดีมากแน่” มีม้าดีอยู่ตรงหน้า เหล่าเถียนถึงจะไม่คิดเรื่องอื่น
ทุกคนต่างเป็นโค้ช มีเหรอจะไม่รู้จักกันดี
มู่เถาเยายิ้มตาโค้งพลางพยักหน้า “ม้าที่หนูใช้ลงแข่งเป็นลูกของราชาม้าป่าจากป่าเซียนโหยวผสมกับม้าอัคคัลทีคพันธุ์แท้จากประเทศเลี้ยงม้าค่ะ บนโลกนี้ไม่มีม้าตัวไหนเทียบชั้นมันได้นอกจากพ่อของมันที่เป็นราชาม้าป่าค่ะ”
ตอนนี้หลิวซิงยังเด็ก ยังเทียบไม่ได้ แต่อีกหน่อยก็พูดยากแล้ว อย่างไรเสียก็พ่อแม่เดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนเสี่ยวเซวี่ยตั้งท้องหลิวซิงก็แข็งแรงกว่าตอนตั้งท้องเสี่ยวเหยี่ย
ตอนนี้พวกโค้ชหมดข้อสงสัยในคำพูดของมู่เถาเยาแล้ว
โค้ชหลี่พูดอย่างอารมณ์ดี “เอาเป็นว่าต่อให้เหล่าเถียนรู้ว่าพวกเรานัดเสี่ยวเยาเยากินมื้อดึกก็ไม่มีทางอิจฉาแน่นอน”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
ทุกคนช่วยโค้ชหลี่เก็บของเสร็จก็พากันเดินไปร้านโจ๊ก