อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 59 เย่ว์เลี่ยงตัวจริง
ตอนที่ 59 เย่ว์เลี่ยงตัวจริง
สองพี่น้องนิ่งเงียบไปหลังจากคิดว่าน้องสาวยังไม่เต็มใจกลับบ้าน
แต่ก่อนที่จะเศร้าไปมากกว่านี้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่หายไปนานจากห้องนอน
ตั้งแต่แม่ของพวกเขาป่วย เธอก็นั่งอยู่แต่ในห้องและมองไปที่เปลวันแล้ววันเล่าโดยไม่ร้องไห้หรือส่งเสียงดัง
เป็นเรื่องที่ดีที่สามารถร้องไห้ได้ในตอนนี้
สองพี่น้องรีบลุกขึ้นวิ่งกลับไปที่ห้อง เย่ว์เลี่ยงกอดปลอบโยนเป่ยซีที่กำลังร้องไห้เสียใจ ในมือกำเส้นผมสีขาวของตัวเองเอาไว้
“พี่สะใภ้ เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์จะไม่รังเกียจแม่ของตัวเองอย่างแน่นอน”
“ฉันน่าเกลียดมาก ฉันจะทำให้เธอกลัว”
“ลูกสาวจะคิดว่าแม่น่าเกลียดได้ยังไง อิ๋งเอ๋อร์ตัวน้อยของเราเป็นเด็กดีและกตัญญูที่สุดในโลก เธอจะไม่รังเกียจแม่ตัวเองแน่นอน นอกจากนี้ พี่สะใภ้ของฉันก็ไม่ขี้เหร่เลย เมื่อก่อนพี่ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งเผ่า จะน่าเกลียดได้ยังไงกัน!”
ในความเป็นจริง เป่ยซีไม่เพียงไม่ขี้เหร่เท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้หญิงสะสวยที่มีใบหน้างดงามอีกด้วย แต่อารมณ์ของเธอแย่มากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เลยทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาผ้าขี้ริ้วที่ไร้ชีวิตชีวา
เย่ว์จือกวงลูบผมยาวสีขาวราวกับหิมะของเป่ยซี แล้วนั่งลงยองๆ ต่อหน้าเธอ “แม่ครับ ผมเจอน้องสาวของเราแล้วจริงๆ หลายปีมานี้น้องสาวสบายดี และหมอเทวดาหยวนก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนหลานสาวแท้ๆ คนหนึ่ง”
เย่ว์เลี่ยง “หมอเทวดาหยวนงั้นเหรอ หยวนเหยี่ยหมอผู้โด่งดังคนนั้นน่ะเหรอ? ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่เผ่านี้? ฉันเหมือนจะเคยเห็นเขาที่บ้านของลุงปาถิง”
“ใช่ครับ หมอเทวดาหยวนสนิทกับปู่ปาถิง ทั้งสองคนเคยแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์กัน หมอเทวดาหยวนเก็บน้องสาวมาเลี้ยง เธอจึงเป็นศิษย์คนสุดท้ายในสำนักของเขา หลายปีมานี้ก็สบายดีมาก ไม่เคยได้รับความลำบากเลย”
เป่ยซีคว้ามือลูกชายแล้วรีบถามว่า “อากวง แล้วทำไมลูกไม่พาน้องสาวกลับบ้านล่ะ”
“แม่ครับ แม่ฟังผมนะ ตอนนี้น้องสาวเราเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ในเมืองเย่ว์ตู
“เย่ว์ตู ดังนั้นเธอจึงกลับมาด้วยไม่ได้” เรื่องที่น้องสาวไม่คิดที่จะกลับมา อย่าเพิ่งพูดถึงดีกว่า
“ถ้าอย่างนั้นแม่จะไปเย่ว์ตู ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ อากวง น้องสาวลูกอาศัยอยู่ในหอพักโรงเรียนหรือเปล่า ไปซื้อบ้านอีกหลังข้างโรงเรียนเธอกันเถอะ…”
“แม่ครับ ไม่ต้องห่วง อย่าเพิ่งใจร้อนไป แม่คิดว่าตอนนี้ตัวเองยังดูไม่ดีไม่ใช่เหรอ ผมมีไอเดียแล้ว และน้องสาวก็เห็นด้วยแล้วด้วย”
“รีบพูดเร็วเข้า” เป่ยซีหายใจถี่
“เราไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานกันก่อน ที่นั่นเป็นที่ที่น้องสาวเติบโตมา สภาพแวดล้อมและผู้คนที่นั่นดีมาก อาจารย์สองคนของน้องสาวและอาจารย์แม่ก็เกษียณอยู่ที่นั่นด้วย ผมจะส่งแม่ไปที่นั่นและขอให้หมอเทวดาหยวนรักษาแม่ รอหลังจากหายป่วย น้องสาวของเราก็จะปิดภาคเรียนพอดี เธอก็จะกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน แล้วแม่ก็จะได้พบกับเธอ”
“แม่ไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียว! อากวง หมายความว่าเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ไม่อยากพบแม่ใช่ไหม เธอโทษแม่หรือเปล่า” เป่ยซีแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบลูกสาวจริงๆ
แต่ที่ลูกชายต้องจัดการแบบนี้ เพราะลูกสาวไม่อยากเจอหน้าและไม่ยอมยกโทษให้สินะ
“แม่ครับ น้องสาวไม่ได้ตำหนิเราเลย เธอสบายดีจริงๆ แต่เราห่างกันมาสิบแปดปีแล้ว ดังนั้นเราต้องให้เวลาเธอสักพัก”
เป่ยซีเงียบลงทันที
“แม่ครับ ผมจะเล่าให้ฟัง น้องสาวสวยมากๆ! ตาเหมือนกับแม่เป๊ะ หน้าเหมือนอาอย่างกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน แถมปากยังเหมือนย่า จมูกเหมือนปู่ และหูเหมือนพ่อกับพี่ใหญ่”
เป่ยซี เย่ว์เลี่ยง และเย่ว์จือเหิงมีความสุขมาก
“แม่ครับ น้องสาวเราเป็นเด็กดีเชื่อฟังมาก ไม่มีใครในหมู่บ้านเถาหยวนซานไม่ชอบเธอ ศิษย์พี่ชายหญิงของเธอก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ตั้งแต่ยังเด็ก เธอไม่เคยสร้างความกังวลใจอะไรเลย แถมยังเรียนแพทย์และวรยุทธ์ด้วย ไม่ได้ลำบากแม้แต่น้อย”
เย่ว์เลี่ยง “เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์เรียนวรยุทธ์ด้วยเหรอ”
“ครับ อาจารย์ที่สอนวรยุทธ์เธอก็คือเจ้าสำนักซย่าโหว สำนักและตระกูลที่มีวรยุทธ์สูงส่งเป็นอันดับหนึ่งในแคว้นเหยียนหวง และยึดตำแหน่งอันดับหนึ่งในยุทธภพมาเป็นเวลาหลายพันปี”
“เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ของฉัน…” เป่ยซีร้องไห้ด้วยความดีใจ
“แม่ครับ อาครับ วรยุทธ์ของน้องสาวยังแซงหน้าอาจารย์ซย่าโหวแล้ว ถ้าอาจารย์ซย่าโหวไม่ออมมือให้ ผมคงผ่านห้าร้อยกระบวนท่าไปไม่ได้ แต่น้องสาวกลับเอาชนะอาจารย์ซย่าโหวได้ภายในร้อยกระบวนท่าเท่านั้น”
หลายคนหัวเราะทั้งยิ้มด้วยน้ำตา
“อาครับ อาไม่รู้หรอกว่าน้องสาวเราสามารถสร้างกระบวนท่าเองได้ด้วย และมันก็คล้ายกับกระบวนท่าที่อาสอนผมมาก”
เป่ยซี เย่ว์จือกวง และเย่ว์จือเหิงคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่เย่ว์เลี่ยงกลับรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“อากวง กระบวนท่าของเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์คล้ายกับของเธอมากเลยเหรอ จริงเหรอ เธอประมือกับน้องสาวมาแล้วเหรอ”
“ไม่ครับ ผมเพียงได้ยินที่อาจารย์ซย่าโหวพูด”
“นี่…” อาจจะเป็นลูกสาวของฉันรึเปล่า
เสี่ยวเยาเยามาที่นี่ด้วยเหรอ แล้วเยี่ยนหัง ลูกชายเธอล่ะมาด้วยไหม ลูกชายและลูกสาวสองคนของเธอก็ถูกฆ่าด้วย?
เย่ว์เลี่ยงเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก
เย่ว์จือเหิง “อากวง น้องสาวอยู่ข้างนอกใช้ชื่ออะไรเหรอ”
“มู่เถาเยา หมอเทวดาหยวนเก็บน้องสาวมาจากใต้ต้นท้อที่มีดอกท้อบานสะพรั่ง เขาจึงตั้งชื่อเธอแบบนี้”
รูม่านตาของเย่ว์เลี่ยงขยายออกและแทบหยุดหายใจ
นี่ต้องเป็นลูกสาวของเธอ!
ชื่อของเธอในชาติที่แล้วก็คือเย่ว์เลี่ยงและในชีวิตนี้ก็ยังคงเดิม ลูกสาวของเธอเองก็จะต้องชื่อเหมือนเดิมแน่!
ราชวงศ์มู่ชั่วช้า! ไม่มีวาจาสัตย์เลย!
ทั้งที่ตกลงกันไว้แล้วว่าถ้าเธอตาย พวกเขาจะปล่อยลูกสองคนของเธอไป!
เย่ว์เลี่ยงตัวสั่นด้วยความโกรธ! เธอแทบทนรอไม่ไหวที่จะกลับไปที่แผ่นดินจงโจวและฆ่าพวกชั่วหน้าซื่อใจคดพวกนั้น! ล้มล้างราชวงศ์มู่ที่เน่าเฟะอีกครั้ง!
“อาครับ?” เย่ว์จือกวงรู้สึกใจแปลกเล็กน้อยที่เย่ว์เลี่ยงมีอารมณ์กรุ่นขึ้นหลังจากที่ได้ยินชื่อน้องสาว
เย่ว์เลี่ยงสูดหายใจเข้าลึก
“ฉันสบายดี อากวง เล่าเรื่องน้องสาวเธออีกสิ ฉัน…แม่ของเธอ และพี่ชายเธอจะได้รู้ทั้งหมด”
เย่ว์จือกวงเล่าเรื่องที่ได้พบกับมู่เถาเยาและเดินทางไปหมู่บ้านเถาหยวนซานให้ทั้งสามฟัง
จากคำพูดของเย่ว์จือกวง เย่ว์เลี่ยงเดาได้ว่าลูกสาวของเธอน่าจะมายังโลกนี้เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว
แต่เธอจะไม่พูดกับใคร เหมือนกับที่ไม่บอกว่าเธอไม่ใช่เย่ว์เลี่ยงตัวจริง
ทั้งตระกูลเย่ว์และตระกูลเป่ยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์อย่างจริงจัง เมื่อพวกเขารู้ว่าลูกสาวและหลานสาวไม่ใช่คนเดิม พวกเขาอาจจะกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างมาก
โดยเฉพาะเป่ยซี
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ว์จือกวงแต่ละคนก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“จริงสิ ปู่ ย่า พ่ออยู่ที่ไหน”
เย่ว์เลี่ยง “พวกเขาไปที่บ้านตระกูลเป่ยแล้วน่ะ”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เป่ยซีป่วยหนักจึงไม่แม้แต่จะก้าวออกจากประตู ผู้เฒ่า ลูกเขย และพี่ชายสองคนไปที่ตระกูลเป่ยเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโส
ตลอดมานี้เหล่าผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลเป่ยต่างต่อสู้กับร่างกายที่แก่ชรา เห็นแก่ลูกสาวและหลานสาวของพวกเขา
เมื่อยี่สิบปีก่อน เป่ยซีพาเหมียวอวี้กลับบ้าน แต่พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพราะไว้ใจลูกสาว ก่อนจะนำไปสู่โศกนาฏกรรมขึ้น
ลูกสาวโทษตัวเองทำไมถึงไม่ทำอะไรให้รอบคอบ
อาจเป็นเพราะพวกเขาเคยชินกับการอยู่อย่างสบายๆ มาตลอดหลายปี และผู้คนในเผ่าก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อนปรนความปลอดภัยของผู้คนรอบข้าง
หากภายนอกเขาผ่อนคลายมาก ปล่อยให้ประเทศที่มีแรงจูงใจซ่อนเร้นดำเนินการกับชนเผ่านี้ เขาก็ต้องรับผิดด้วยชีวิต!
เป่ยหมิงซึ่งอยู่ในวัยเจ็ดสิบได้ผ่านวัยเกษียณไปนานแล้ว แต่เพราะลูกสาวและลูกเขยของเขา เพราะให้หลานชายอย่างเย่ว์จือเหิงผู้ที่จะรับช่วงต่ออำนาจในชนเผ่าได้มีเวลามากขึ้นในการตามหาตัวหลานสาวของเขา ทั้งสองจึงทำได้เพียงอดทน ไม่ยอมป่วย ไม่ยอมให้ตัวเองแก่เพื่อซื้อเวลาให้กับทุกคน
“พ่อครับ รีบให้อาเหิงเข้ามารับหน้าที่แทนพ่อเถอะ พ่อกับแม่ควรพักให้สบายแล้ว”
เย่ว์หลั่งมองไปที่เส้นผมขาวโพลนบนศีรษะของพ่อตาแล้วก็รู้สึกเสียใจมาก
เป่ยหมิงยิ้มพลางพูดว่า “ฉันสบายดี อาหลั่งไม่ต้องกังวล อาเหิงยังมีงานของตัวเองที่ต้องทำ”
ทุกคนรู้ว่าอะไรอยู่ในใจ
อดีตหัวหน้าเผ่าเย่ว์หมิงตบไหล่เป่ยหมิงแล้วพูดว่า “พี่ชาย เราจะไม่มีวันเลิกตามหาเสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องลงจากตำแหน่งเพื่อพักผ่อน”
“เสี่ยวอิ๋งเอ๋อร์ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว” ดวงตาของชายชราเป่ยหมิงเต็มไปด้วยน้ำตา
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากแลกชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อให้หลานสาวกลับบ้าน