อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 162 ก็แค่อยากให้ท้ายเย่เฟิงเท่านั้น
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 162 ก็แค่อยากให้ท้ายเย่เฟิงเท่านั้น
นัยน์ตาของเจียงซวี่หดฉับพลัน ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่ เห็นได้ว่าเขากลัวสุดขีด
“พวกเจ้าไม่…ไม่ได้นะ…แคกๆ…”
กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย “พี่เฉินเฟย ไม่ยักรู้ว่าท่านก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย วิธีนี้ข้าคิดว่า…ดีนัก แต่ก่อนจะส่งไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ เราน่าจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกใช่ไหม?”
ครั้นได้ยินคำพูดของชูหน่วน อี้เฉินเฟยก็เข้าใจทันที มือขวาของเขาบีบกระดูกมือเท้าของเจียงซวี่ และไม่รู้ว่าออกแรงอย่างไร ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหักดังกรอบแกรบ เจ็บจนเจียงซวี่สูดลมเย็น
เจียงซวี่อยากร้องโอย แต่ลำคอกลับถูกบีบไปแน่น เสียงทั้งหมดติดอยู่ที่ลำคอ ไม่อาจส่งเสียงออกมา
กู้ชูหน่วนมองอยู่ข้างๆ ยังรู้สึกเจ็บ
กระดูกถูกบีบจนแตกเป็นท่อนๆ ถึงจะไม่ถือว่าพิการ แต่อย่างน้อยเจียงซวี่ก็ต้องนอนบนเตียงหลายวัน
ครั้นมองอี้เฉินเฟย ใบหน้าเขายังคงอมยิ้มเรียบๆ เหมือนเดิม หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ย่อมไม่เชื่อว่าคนที่อบอุ่นอ่อนโยนขนาดนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมขนาดนั้น
กู้ชูหน่วนล้วงยาหนึ่งเม็ดออกมาจากอก ใช้กำลังป้อนใส่ปากเขา ยิ้มร้าย “นี่คือยาไส้ขาดถ้าไม่ได้ยาถอนจากข้า ร่างกายเจ้าก็จะเริ่มเน่าตั้งแต่อวัยวะภายใน กระทั่งเน่าเฟะจนตาย แน่นอนว่าเจ้าไม่เชื่อก็ได้ แต่เจ้าก็ลองเดินกำลังดู ดูซิว่าจุดตันเถียนของเจ้าจะลมสกปรกติดอยู่ไหม”
“ปัง…”
อี้เฉินเฟยโยนเขาออกไปอย่างกับโยนขยะ แลมองเจียงซวี่จากที่สูง
เจียงซวี่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงลองเดินกำลังดู ที่จุดตันเถียนเจ็บตงิดๆ จริงๆ
เขาหน้าเปลี่ยนสีพลัน ขณะจะเรียกคน กู้ชูหน่วนเอ่ยปากขึ้นในเวลาที่เหมาะสม “เจ้าจะตะโกนเสียงดังก็ได้ แต่ก่อนที่เจ้าจะตะโกน ก็คิดดูให้ดีนะ ถ้าเราสองคนเกิดเรื่อง เจ้าก็ต้องตายไปพร้อมกับเราด้วย”
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” เจียงซวี่อยากขัดขืน แต่กระดูกมือเท้ากลับเจ็บหนัก ขยับไม่ได้ จึงได้แต่จ้องพวกเขาอย่างโกรธแค้น
“ไม่อะไรนี่ ก็แค่อยากให้ท้ายเย่เฟิงก็เท่านั้น”
ความริษยาและโกรธแค้นของเจียงซวี่เพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
ทำไม?
ทำไมเขาถึงได้ความโปรดปรานจากหัวหน้ากองธงกล้วยไม้?
ทำไมเขาถึงมีเพื่อนให้ท้าย กระทั่งยอมฝ่าอันตรายเพื่อเขาด้วย?
“เก็บสายตาริษยาของเจ้าเถอะ ที่ข้างกายเจ้าไม่มีเพื่อนสักคน นั่นเพราะนิสัยของเจ้าล้วนๆ”
กู้ชูหน่วนแกะโซ่ที่มือเท้าเย่เฟิง ประคองเขาลุกขึ้น
ดวงตาเย่เฟิงหรี่เล็กน้อย ราวกับจะหลับตา เมามายวิงเวียน ร่างกายอ่อนเปียกไร้เรี่ยวแรง กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าสมองของเขายังมีสติดีหรือไม่กันแน่
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ยังไหวไหม?”
เย่เฟิงกะพริบตาอย่างงงงวย แต่ทันใดนั้นกระเพาะของเขาก็ปั่นป่วน เอี้ยวตัวแล้วอาเจียนออกมา
กระเพาะของเขาว่างเปล่า ที่อาเจียนออกมานอกจากน้ำสุราแล้วก็มิมีสิ่งอื่น
ปากก็เอาแต่พึมพำ
“ยาย…อย่าทำร้ายยาย…”
กู้ชูหน่วนคลำตัว
นางพกยาติดตัวมาไม่น้อย ไม่มีแต่ยาขจัดฤทธิ์สุรา
ครั้นเห็นท่าทางทรมานของเย่เฟิงอีก อารมณ์ของนางก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
แต่ดวงตาเจียงซวี่กลับไร้แวว ยังเอ่ยขอร้องอีก “ขอเพียงพวกเจ้าไม่ส่งข้าไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ แล้วเอายาถอนพิษให้ข้า ข้าก็จะถือว่าพวกเจ้าไม่เคยมา และเรื่องที่พวกเจ้าทำกับข้าในวันนี้ ข้าก็จะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น “เจ้าถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่ข้ากลับถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ แต่…ถ้าเจ้าให้ความร่วมมือกับข้าสักหน่อย บางทีข้าอาจพิจารณาคำขอของเจ้า”
“ร่วมมืออย่างไร?”