อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 35 เดิมพันด้วยชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมด
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 35 เดิมพันด้วยชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมด
นึกถึงสิ่งที่หลิวเยว่พูดกับเขาเมื่อวาน กู้ชูหลันตั้งใจลอบกัดเขา เขาถึงได้โดนพ่อของเขาทำโทษ
เซียวหยู่เซวียนนัยน์ตาหดลง มองกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หรือว่า……
ยัยขี้เหร่กำลังแก้แค้นแทนเขา?
เซียวหยู่เซวียนครุ่นคิดแล้วก็ยิ่งคิดว่ามีความเป็นไปได้
เป็นไปได้ยังไงที่จู่ๆในพระนครก็มีข่าวซุบซิบของกู้ชูหลันแพร่กระจายไปทั่ว ยัยขี้เหร่ฉลาดดั่งจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จะเดิมพันในสิ่งที่ไม่เป็นผลดีกับนางได้ยังไง
เซียวหยู่เซวียนอบอุ่นหัวใจ น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาก
“ยัยขี้เหร่ ข้ารู้ซึ้งในน้ำใจเจ้าแล้ว ครั้งนี้พวกเราไม่เดิมพันแล้ว”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขึ้นบน
“ก่อนหน้านี้ข้าอยากแต่งงานกับเจ้า เจ้าไม่เอาเอง ตอนนี้สายไปแล้วล่ะ เดือนหน้าวันที่หนึ่งข้าจะต้องงานกับเทพสงครามแล้ว เก็บน้ำลายที่ไหลย้อยของเจ้าเสีย อย่าคิดจะได้แอ้มข้าเชียว”
เซียวหยู่เซวียนรู้สึกสับสน
นางพูดอะไร?
น้ำลายที่ไหลย้อย?
เขาน้ำลายไหลเมื่อไหร่กัน?
“เจ้ารู้ไหมว่าเทพสงครามเป็นคนยังไง? เจ้ายังกล้าแต่งงานกับเขาอีก?” เซียวหยู่เซวียนพูดเสียงดังกะทันหัน
“รู้สิ อยู่ใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น มีอำนาจมีอิทธิพลหน้าตารูปหล่อ ข้ามองคนไม่ผิดหรอก”
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง? เทพสงครามโหดเหี้ยมอำมหิต อารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน เพราะคนอื่นมองเขาแวบเดียว เขาก็สังหารทุกคนที่นั่นแล้ว ขนาดหมายังไม่เว้นเลย เพราะสำนักงูใหญ่พูดเรื่องไม่ดีของเขาแค่คำเดียว เขาก็สังหารคนทั้งสำนักสามร้อยกว่าคนทั้งหมด เขามันเป็นฆาตกร”
“ดังนั้นเจ้าหมายความว่า พวกเราคู่กันดีกว่างั้นเหรอ?”
เซียวหยู่เซวียนสะอึกพูดไม่ออก หน้าแดงระเรื่อ ใบหูร้อนผ่าวไปหมด
“คือ……เห็นแก่ที่เจ้าขี้เหร่ ข้าก็ไม่ว่าอะไร……”
“ป๊าบ……”
ยังพูดไม่ทันจบ เซียวหยู่เซวียนก็ถูกตบหัวอย่างแรง “เป็นบ้าอะไรของเจ้า ให้ข้ายืมสองแสนสิ”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเซียวหยู่เซวียนบึ้งตึง
เป็นการยอมรับในตัวกู้ชูหน่วนเป็นครั้งแรก แต่กลับโดนนางดูถูก จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ไหน?
เซียวหยู่เซวียนตะคอก “ไม่มีเงิน”
“เมื่อวานเจ้ายังมีแปดแสนตำลึงไม่ใช่เหรอ?”
กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่ามีคนมองอยู่เท่าไหร่ ก็ค้นตัวเซียวหยู่เซวียนทันที เขาตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
“ชายหญิงมิควรถูกเนื้อตัว เจ้าอย่าซี้ซั้วทำนะ”
ไม่ทันระวัง หยกมรดกสิบทอดของตระกูลที่ห้อยอยู่ที่เอวก็ถูกกู้ชูหน่วนแย่งไป
“ยัยขี้เหร่ เอาหยกนั่นคืนข้าเดี๋ยวนี้นะ” ถ้าท่านพ่อรู้ว่าหยกมรดกสืบทอดของตระกูลถูกเอาไปจำนำ เขาต้องถูกตัดขาสองข้างเป็นแน่
กู้ชูหน่วนเอาหยกในมือขึ้นมา แสยะยิ้มพูดว่า “สองแสนตำลึง”
“เจ้าทำเกินไปแล้วนะ”
“ถ้าชนะข้าให้เจ้าสามแสน”
“แล้วถ้าแพ้ล่ะ?”
“ข้าไม่มีทางแพ้แน่นอน”
กู้ชูหน่วนหัวเราะอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขนาดบุคลิกของนางยังเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“พี่ใหญ่ นั่นเงินสี่แสนตำลึงเชียวนะ ถึงจะโยนลงน้ำ ก็มีเสียงดังไม่เบาเลยนะ” หลิวเยว่กับอวี่ฮุยไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้
ครั้งก่อนที่ชนะเป็นเพราะโชคช่วย แต่ทว่าครั้งนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ จะชนะด้วยโชคได้ยังไง
“เสี่ยวเซวียนเซวียน เจ้าเชื่อข้าเถอะ”
คำว่าเจ้าเชื่อข้า บวกกับรอยยิ้มที่เด็ดเดี่ยวและมั่นใจนั้น
เซียวหยู่เซวียนเริ่มหวั่นไหวขึ้นมา
เขาเอาเงินสองแสนตำลึงออกมา แล้วโยนให้กู้ชูหน่วน “เอาไป ยังไงเงินนี่ก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว”
“ขอบใจนะ” กู้ชูหน่วนเอาหยกคืนให้เขา
ในรอบชิงชนะเลิศของงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นแต่ละครั้ง แคว้นเย่ทั้งขุนนางและประชาชน ก็จะเดิมพันกัน มีความบันเทิงมากมาย ขนาดราชวิทยาลัยยังจัดตั้งเวทีการเดิมพันด้วย
เวทีการเดิมพันที่ว่าก็คือสนามการเดิมพัน แต่มีคนของราชวิทยาลัยรับผิดชอบ รับเงินและทำให้มันกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย
ทุกคนในราชวิทยาลัยต่างก็เดิมพันที่เวที เดิมพันว่าใครจะชนะ
ถ้ามีคนแอบเดิมพันกันเอง พวกอาจารย์บนเวทีการเดิมพันก็จะเป็นพยานให้
ถ้ามีคนแพ้แล้วไม่ทำตามสัญญา ผู้ชายจะถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้สอบขุนนางตลอดชีวิต และไม่สามารถเข้ามาเป็นขุนนางได้อีก
ผู้หญิงจะถูกด่า ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง แคว้นเย่จะไม่มีใครยอมขอแต่งงานด้วย
ดังนั้น คนที่มาเดิมพันที่ราชวิทยาลัย ก็ไม่มีใครกล้าโกงสักคน
หลิวเยว่โน้มน้าวอยู่ตลอดเวลา แต่พูดยังไงนางก็ไม่ฟัง กู้ชูหน่วนไปถึงสนามการเดิมพัน เอาเงินสองแสนตำลึงของตัวเอง รวมไปถึงสองแสนตำลึงที่ยืมมาจากเซียวหยู่เซวียนเดิมพันไปทั้งหมด
“น้องห้า ถ้าข้าชนะ ถึงตอนนั้นเจ้าอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งทีหลังล่ะ”
“งั้นก็ต้องรอเจ้าชนะก่อนค่อยว่ากันอีกที”
ตอนที่กู้ชูหลันเดิมพันนั้นมือสองข้างนางสั่นเทา หัวใจเต้นตึกตักจนแทบกระเด็นออกมา
วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่นางจะได้อยู่ในราชวิทยาลัย พระนครมีข่าวลือมากมาย นางคงเรียนต่อในราชวิทยาลัยไม่ได้อีก
นี่ก็เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่นางจะเอาเงินสองแสนที่เสียไปคืนมาได้
กู้ชูหลันกัดฟัน สุดท้ายก็เดิมพันกับกู้ชูหน่วนอย่างเป็นทางการ
นางทนไม่ได้กับสายตารังเกียจที่ทุกคนมองนาง รวมไปถึงเสียงต่อว่า จึงต้องก้มหน้าเดินออกไป นางคาดหวังแค่ว่าจะได้เงินสี่แสนตำลึงนั่น
องค์หญิงตังตังไม่รู้ว่ามาถึงเมื่อไหร่ นางเห็นเช่นนี้ ก็พูดประชดว่า “ไก่อ่อนก็คือไก่อ่อนวันยังค่ำ นางคิดว่าการชนะเลิศในรอบสุดท้ายแค่นอนหลับหนึ่งตื่นก็ได้แล้วเหรอ”
กู้ชูหน่วนหรี่ตาลง แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไม องค์หญิงดูถูกข้าเหรอ?”
“ไร้สาระ ถ้าเจ้าได้ที่หนึ่ง ข้าจะไม่เป็นองค์หญิงอีก หรือว่า พวกเรามาเดิมพันกันสักตาไหม”
“ตัวข้ามีแค่สองแสนตำลึง เมื่อกี้เดิมพันไปหมดแล้ว ไม่มีเงินมาเดิมพันกับองค์หญิงอีกแล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เอาเงินของเจ้า ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะเอาชีวิตเจ้า”
กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วขึ้น “เดิมพันชีวิตเหรอ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เจ้ากล้าเดิมพันไหมล่ะ”
“เจ้าเป็นองค์หญิง ถ้าเจ้าแพ้ขึ้นมา ข้าไม่กล้าเอาชีวิตเจ้าหรอกนะ หรือว่า เจ้าแพ้แล้วให้ข้าห้าล้านตำลึงเป็นไง”
“อย่างชีวิตต่ำต้อยของจ้าน่ะเหรอจะคุ้มค่ากับห้าล้านตำลึง” องค์หญิงตังตังตะคอกอย่างโมโห นางรู้ไหมว่าห้าล้านตำลึงคือเงินเท่าไหร่
กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างผู้บริสุทธิ์ “องค์หญิงอยากเดิมพันกับข้าเอง ข้าไม่ได้อยากเดิมพันกับองค์หญิงเสียหน่อย องค์หญิงเดิมพันไม่ไหว งั้นพวกเราก็ไม่ต้องเดิมพันก็ได้”
องค์หญิงตังตังลังเล
ห้าล้านตำลึงไม่ใช้ตัวเลขน้อยๆเลยนะ จวนองค์หญิงรวมกันแล้ว ก็มีไม่ถึงห้าล้านตำลึงด้วย คงต้องไปยืมที่เสด็จแม่อีก
แต่ว่า……
นึกถึงท่าทีเหมือนไก่อ่อนในวันนั้นของกู้ชูหน่วน องค์หญิงตังตังก็กัดฟัน “ได้ ข้าจะเดิมพัน”
“ยัยขี้เหร่ การเดิมพันชีวิตไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ เจ้าอย่าทำอะไรซี้ซั้วโดยไม่คิดก่อนสิ”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน วันนี้เจ้ากับชิวเอ๋อร์ขี้บ่นเหมือนกันเลยนะ ไปยืนข้างๆนู้นไป อย่ามาขวางข้า”
พวกหลิวเยว่ยังอยากเตือน กู้ชูหน่วนกลับเดิมพันไปแล้ว
พวกเขาร้อนรนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
องค์หญิงตังตังวางเดิมพันเสร็จแล้วก็เดินออกไปอย่างได้ใจ นางแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ยัยผู้หญิงขี้เหร่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าเดิมพันไปซะหมด นี่เป็นการเดิมพันที่มีราชวิทยาลัยเป็นพยาน ข้าจะดูว่าถึงตอนนั้นเจ้าจะกล้าตายไหม”
ทุกคนต่างซิบซิบนินทากันว่ากู้ชูหน่วนเป็นคนโง่
“คุณหนูสามกู้บ้าไปแล้วเหรอ? นางคงไม่คิดว่าตัวเองจะได้ที่หนึ่งจริงๆใช่ไหม”
“ฝันลมๆแล้งๆไป ถ้านางชนะที่หนึ่งจริง ข้าไม่เป็นคนแล้ว จะเป็นหมาแทน”