อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม - บทที่ 559 เจ้าไม่ได้ถูกข้าฆ่าไปแล้วหรือ
- Home
- อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม
- บทที่ 559 เจ้าไม่ได้ถูกข้าฆ่าไปแล้วหรือ
กู้ชูหน่วนกุมมือเคารพ ยิ้มและกล่าวต่อผู้เฒ่าที่ปิดหน้า “ข้าน้อยกู้ชูหน่วน ขอบคุณผู้อาวุโสที่ยื่นมือเข้าช่วย ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสคือ……”
“ข้าน้อยคารวะเจ้าสำนัก ขอให้เจ้าสำนักเป็นสุขไร้ทุกข์ภัย”
เสียงที่เป็นระเบียบทรงพลังสนั่นฟ้าดังขึ้น
กู้ชูหน่วนโซเซทันที แทบจะยืนไม่มั่นคง จ้องมองคนปิดหน้าที่คุกเข่าข้างเดียวอยู่เต็มพื้นด้วยความตะลึงงัน
“เจ้า…..เจ้าสำนัก……”
เจ้าสำนักอะไร?
เจ้าสำนักอสุราหรือ?
ผู้เฒ่าปิดหน้ายกผ้าปิดหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนโยนมีเมตตา เขาอายุประมาณหกสิบกว่าปี แต่มีชีวิตชีวาดีมาก เคลื่อนไหวอย่างแข็งแรง กิริยาท่าทางสง่างาม ขมับนูนสูง เมื่อมองแวบแรกก็คือยอดฝีมือ ทั้งยังเป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งสูงมานานอีกด้วย
ผู้เฒ่ายิ้มและเอ่ยว่า “เจ้าสำนัก ท่านลืมแล้วหรือ ข้าคือผู้อาวุโสสวี เจ้าสำนักสวีของสำนักอสุรา เป็นหนึ่งในสองเจ้าสำนักใหญ่คู่กับเจ้าสำนักชิง”
จอมมารที่เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้วออกมา รูปโฉมอันล้ำเลิศแตกออกเล็กน้อย “ท่านมีกี่ฐานะกันแน่?”
แม้ว่าเย่จิ่งหานจะพูดไม่ได้ แต่เขาก็ใช้สายตาเพ่งมองแสดงความหมายกับนาง ราวกับว่ากำลังถามนางว่า ยังมีชื่อเรียกขานอื่นอีกเท่าไหร่ เปิดโปงออกมาพร้อมๆกัน
หนังศีรษะของกู้ชูหน่วนชา “ข้าสาบานต่อสวรรค์ นอกจากยังมีชื่อเรียกขานอีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่มีชื่อเรียกขานอื่นใดแล้ว”
“ชื่อเรียกขานไหน?”
“อันนี้…..ชื่อเรียกขานนี้ ข้าเปิดเผยไม่ได้ พวกท่านรู้แก่ใจก็พอแล้ว”
เย่จิ่งหานและจอมมารพากันไตร่ตรอง
เปิดเผยไม่ได้?
ชื่อเรียกขานมากมายขนาดนี้ก็เปิดโปงแล้ว ยังมีอะไรให้เปิดเผยไม่ได้อีก?
หรือว่า ชื่อเรียกขานที่นางบอก คือพระชายาของเขา (ภรรยาของจอมมาร)?
เย่จิ่งหานกับจอมมารยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้
มีเย่จิ่งหาน(จอมมาร)อยู่ ดังนั้นนางจึงไม่กล้าจะพูดอย่างชัดเจนตรงๆ
คำพูดของจอมมารมีความปวดใจ “พี่สาว ท่านปิดบังยังซะจนข้าน่าอนาถยิ่งนัก”
กู้ชูหน่วนแบะปาก ขี้เกียจจะสนใจพวกเขาทั้งสอง และขี้เกียจจะคิดเดาว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เพียงแค่ประคองผู้เฒ่าสวีขึ้นมาด้วยตัวเอง
“ช่วงก่อนหน้านี้สมองของข้าได้รับบาดเจ็บ เรื่องราวมากมายล้วนจำไม่ได้ หากว่าวันไหนพวกท่านจำผิดไปแล้ว ก็อย่าโทษข้าเชียว” ขณะเดียวกันกู้ชูหน่วนกวาดตามองไปทางสีชิ่นและไป๋จิ่น
แม้ว่าสีชิ่นจะไม่ได้พูด แต่มุมปากก็มีรอยยิ้มเผยอยู่ตลอด ทำเหมือนกู้ชูหน่วนเป็นเทพเซียนเช่นนั้น
“พวกท่านเป็นคนของสำนักอสุรา แล้วอยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่นได้อย่างไรกันล่ะ?”
“เจ้าสำนัก ข้าน้อยปิดบังตัวตนชื่อแซ่ อยู่ที่เผ่าเทียนเฟิ่นมาห้าสิบกว่าปีแล้ว คนเหล่านี้ก็หลบซ่อนอยู่ในเผ่าเทียนเฟิ่นมาตั้งแต่เด็ก สิบปีก่อน พวกเราบังเอิญพบเส้นทางลับนี้ จึงแอบส่งคนมาจัดการสะสางให้ทะลุถึงกันได้ เกรงว่าเผื่อวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าสำนักบุกเข้าเผ่าเทียนเฟิ่นแล้วจะออกไปไม่ได้ โชคดี ในที่สุดเส้นทางลับนี้ก็ได้ใช้ประโยชน์แล้ว”
“ปิดบังตัวตนชื่อแซ่มานานกว่าห้าสิบปี?”
“ใช่แล้ว เผ่าเทียนเฟินกับสำนักอสุราของพวกเรามีความแค้นลึกซึ้งไม่มีทางจะปรับความเข้าใจกันได้ ขณะที่อดีตเจ้าสำนักอายุยังน้อยก็ได้จัดการทุกอย่างไว้แล้ว”
“เช่นนั้นพวกท่านรู้จักเผ่าเทียนเฟิ่นลึกซึ้งมากเพียงใด?”
“น้ำของเผ่าเทียนเฟิ่นลึกเกินไป แม้ว่าข้าจะหลบซ่อนอยู่ในเผ่าเทียนเฟิ่นมากว่าห้าสิบปี ก็มีสถานที่มากมายที่ไปไม่ได้ คิดจะจัดการเผ่าเทียนเฟิ่น เกรงว่าจะค่อนข้างลำบาก”
ผู้อาวุโสสวีเหลือบมองเย่จิ่งหานและจอมมารแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้พูดมาก
กล่าวเพียง “เจ้าสำนักวางใจ จากตรงนี้เดินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็จะสามารถออกจากเผ่าเทียนเฟิ่นได้แล้ว ยอดฝีมือสำนักอสุราของพวกเรามากมายรอรับอยู่ด้านนอก”
ทันใดนั้น จอมมารก็ตะโกนขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน ท่านคือเจ้าสำนักอสุรา เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าพวกเรามีความแค้นต่อกันมาวนานแล้วหรือ? ท่านไม่ได้ถูกข้าฆ่าไปแล้วหรือ?”